วันที่ 26 ก.ค. 61 ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานพร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจเขื่อนขุนด่านปราการชล ต.หินตั้ง อ.เมือง จ.นครนายก เพื่อตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของโครงสร้างเขื่อน หลังจาก เขื่อนเซเปียน-เซน้ำน้อย แตกในแขวงอัตตะบือ ของ สปป.ลาว
ด้าน
นายเจษฎา บุญสุยา ผอ.โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาขุนด่านปราการชล พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจง การดำเนินตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงเขื่อนขุนด่านปราการชล พร้อมนำคณะออกตรวจเยี่ยมระบบการตรวจสอบ การระบายน้ำ ที่บริเวณสันเขื่อน
ดร.ทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทาน เผยว่า เขื่อนขุนด่านปราการชลเป็นเขื่อนขนาดใหญ่ มีความจุ 224 ล้าน ลบ.ม. ในวันนี้มีปริมาณน้ำจัดเก็บร้อยละ 53 หรือ 120 ล้าน ลบ.ม. มีการระบายน้ำวันละ 1 แสนลบ.ม. ซึ่งในการตรวจสอบของกรมชลประทานที่ดูแล มีเขื่อนขนาดใหญ่ 25 เขื่อนทั่วประเทศ ที่เหลือเป็นของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเป็นผู้ดูแล 10 เขื่อน
ดร.ทองเปลว ยังบอกอีกว่า ภายหลังเหตุการณ์พังและชำรุดของเขื่อนที่ สปป.ลาว นายกรัฐมนตรีจึงได้กำชับให้ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งให้กรมชลประทานดำเนินการ 2 ส่วน คือ ให้เพิ่มความถี่การตรวจสอบแล้วและเพิ่มช่องทางติดตามโดยจัดเจ้าหน้าที่ประจำเขื่อนเฝ้าดูแลตลอด 24 ชั่วโมงและประสานส่วนกลางหรือศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ จากการตรวจสอบเขื่อนขนาดใหญ่ มี 2 แบบ แบบแรก คือ การติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดพฤติกรรมเขื่อนที่ฝังในตัวเขื่อน ซึ่งที่เขื่อนขุนด่านมีเครื่องมือ 158 ชนิด ติดตั้ง 580 แห่ง อย่างเช่น การวัดความดันตัวเขื่อน วัดการทรุดตัวของเขื่อน วัดการสไลด์ตัวของเขื่อน ซึ่งปกติเกณฑ์การตรวจสอบจะทำเดือนละ 1 ครั้ง แต่ขณะนี้มีการตรวจสอบทุก ๆ 15 วัน และมีพร้อมนำผลไปวิเคราะห์ ที่สำนักงานชลประทานที่ 9 และกรมชลประทาน เพื่อจะได้ทราบว่า เขื่อนอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ และการเดินสำรวจตรวจสอบด้วยตาเปล่า ว่าเขื่อนมีการถูกกัดเซาะ รูโพรง มีวัชพืช ต้นไม้ขึ้นหรือไม่ เพื่อการรีบบำรุงรักษา ซึ่งจากการตรวจสอบเขื่อนขนาดใหญ่ จำนวน 25 เขื่อน เขื่อนขนาดกลาง 478 เขื่อน เขื่อนขนาดเล็ก 1,097 เขื่อน พบว่าอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและอยู่ในเกณฑ์ปกติ มั่นคงแข็งแรงดี