กรณีพบผู้เสียหายในพื้นที่ จ.นครพนม ร่วมทำบุญกับสำนักปฎิบัติธรรม ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ออกอุบายว่าเป็นพระธรรมิกราชในร่างของภิกษุณี ขอให้ทุกคนช่วยกันทำบุญผ้าป่าเริ่มต้น กองละ 3,555 บาท ได้รับค่าตอบแทนเป็นทองคำ 1 สลึง หรือ 6,000 บาท มีกลุ่มลูกศิษย์หลงเชื่อนำเงินมาถวายจำนวนมาก สุดท้ายไม่ได้ทองคำและเงินสด กระทั่งล่าสุด แม่ชีและผู้เกี่ยวข้องถูกจับ 6 รายแล้วนั้น
วันที่ 29 เม.ย. 64 นางสาวแฟน (นามสมมติ) นักเรียนที่เคยเข้าไปปฎิบัติธรรม โดยมีครูยุ หรือ นางกิตติยา ชัยสุนิกร น้องสาวของนางเพลิน ผู้ต้องหาที่เป็นนายหน้าหลอกคนลงทุนทำบุญ เป็นผู้พาเด็กนักเรียนในโรงเรียนไปปฏิบัติธรรม พร้อมทั้งจ่ายเงินทุนการศึกษาให้เด็ก ครั้งละ 300-6,000 บาท บางครั้งก็แจกทองคำ 1 สลึงให้กับนักเรียนที่ไปปฏิบัติธรรม โชว์พานสีเงิน ด้านในบรรจุลูกกวาดขนาดเล็กสีขาวมากกว่า 60 เม็ด พร้อมเล่าว่า ทุกคนที่ไปปฏิบัติธรรมได้รับเงินที่อ้างว่าเป็นทุนการศึกษา และได้รับพานบรรจุหินขนาดต่าง ๆ บางคนได้ขนาดเล็ก บางคนได้ขนาดใหญ่ ทุกคนจะได้รับกลับมาบูชา
มีการอ้างว่าเป็นสิ่งที่จะสื่อไปถึงสำนักปฎิบัติธรรมได้ และเป็นตัวแทนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นองค์พระธาตุ ซึ่งหลังจากที่ได้รับกลับมาแล้ว จะต้องมีการตั้งวางบูชาเอาไว้ที่สูงใกล้กับพระพุทธรูป บูชาด้วยบทสวด “ไตรสรณคมน์” 9 จบขึ้นไป เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระอรหันต์ หรือภิกษุณีอิสรีย์ โดยไม่ต้องเดินทางไปที่สำนักปฎิบัติธรรมก็ได้
โดยเมื่อปี 2562 ตนเองได้เจอกับครูยุ ซึ่งเป็นครูอยู่ในโรงเรียนใกล้บ้าน ตอนนั้นครูยุยังเป็นครูสอนอยู่ในโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งมาลาออกแล้วไปช่วยงานสำนักปฎิบัติธรรมตอนหลัง ครูได้มาบอกกับตนเองและเพื่อนในหมู่บ้านว่า ให้หาเด็กนักเรียนและชักชวนเพื่อนไปนั่งปฏิบัติธรรม จะได้รับทุนการศึกษา ได้รับเงินเดือน หรือได้รับทองคำ ตนเองก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่ 1 จำนวน 20 คน เดินทางไปที่สำนักปฎิบัติธรรม ต้องนุ่งขาวห่มขาว รอเข้าพบกับภิกษุณีอิสรีย์ที่อ้างตัวว่าเป็นพระอรหันต์ ครั้งแรกที่เข้าไปด้านในจะมีแม่ชีหลายคน ทั้งแม่ชึการ์ตูน แม่ชีทองพูน และยังมีแม่ชีเอ้ มีพระสงฆ์อีก 3 รูป หนึ่งในนั้นก็คือพระหลวงพี่ต้องที่ก้มกราบภิกษุณี ตนเองก็แปลกใจ แต่ก็ไม่ได้สงสัย เพราะทุกคำสอนจะพูดเสมอว่า "ห้ามสงสัย ห้ามถาม ให้ปล่อยวาง" อีกทั้งตนเองก็เชื่อว่าบุคคลดังกล่าวเป็นพระอรหันต์ เพราะแม้แต่พระสงฆ์ยังต้องก้มกราบ
จากนั้น เข้าไปปฎิบัติธรรมเป็นรุ่นที่ 2 เมื่อต้นปี 2563 ครูยุพาเด็กนักเรียนและเด็กในหมู่บ้านกว่า 100 คนไปปฏิบัติธรรม แต่ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรก หรือครั้งที่ 2 การเข้าไปปฎิบัติธรรมก็มักจะได้รับเงินเดือนซองขาวจากมือภิกษุณีทุกครั้ง ทำให้ตนเองมองอีกมุมว่า แค่ไปปฎิบัติธรรมก็ได้ทุนการศึกษาแล้ว จึงไม่ได้คิดอะไร ไปปฏิบัติธรรมต่อเนื่อง
เงื่อนไขของการเข้าปฎิบัติธรรม หากปฎิบัติธรรม 3 วัน 5 วัน 7 วัน และกลับออกมาก่อน จะได้รับเงินอยู่ในซองจำนวน 300-500บาท แต่ถ้าหากปฎิบัติธรรมครบ 1 เดือน จะได้เงินในซอง 6,000 บาท และตลอดช่วงที่เข้าร่วมโครงการ ก็จะได้ร่วมกิจกรรมพิเศษ ที่ประกาศโดยภิกษุณีอิสรีย์ว่า "ให้แข่งกันนั่งสมาธิ ใครปฏิบัติได้นานที่สุด จะได้รับสร้อยคอทองคำ 1-3 เส้น เป็นรางวัลพิเศษ" ซึ่งตนเองก็เคยอยู่ร่วมปฏิบัตินานถึง 3 เดือน แต่ก็ไม่สำเร็จ เพราะมีเพื่อนคนอื่นได้รับทอง เนื่องจากเป็นผู้ชนะจากโครงการ
ทุกครั้งที่ทุกคนได้เงินจากสำนักปฎิบัติธรรมหรือได้รับทองคำ ครูยุหรือภิกษุณีก็จะบอกให้ทุกคนนำเงินไปใช้ประโยชน์ หรือนำไปร่วมถวายเป็นกองทุนผ้าป่า เป็นการต่อยอดนำเงินไปสร้างกำไรได้เงินเพิ่ม มีเพื่อนของตนเองหลายคนหลงเชื่อ นำเงินที่ได้จากการปฏิบัติธรรม 1,000-6,000 บาท ไปร่วมถวายในกองทุนหวังจะได้ทอง 1 สลึง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครได้รับ เพราะเป็นเพียงแค่การหลอกลวงเด็กนักเรียน
ทั้งนี้ เหตุผลที่สำนักปฎิบัติธรรมมีการว่าจ้างหรือนำเงินมามอบเป็นทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียน เป็นเพราะว่าต้องการให้สำนักปฎิบัติธรรมมีคนเข้าไปปฎิบัติธรรม เป็นการจ้างหน้าม้าให้มีคนเข้าไปนั่งปฏิบัติธรรมด้านในเท่านั้น การปฎิบัติธรรมก็สอนให้เด็กนักเรียนนำเงินที่ได้ไปต่อยอด หรือต้องไปขอเงินเพิ่มเพื่อนำไปลงทุน แต่ส่วนตัวโชคดีที่ไม่ได้ตกเป็นเหยื่อ นำเงินที่ได้จากการปฎิบัติธรรมมาใช้เป็นทุนการศึกษาจริง ไม่ได้หลงเชื่อในหลักคำสอน หรือสิ่งที่เป็นการมอมเมาเด็กนักเรียน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สุดอึ้ง! โลกอีกใบศิษย์ "แม่ชีเอ้" สวมวิกแบ๊วจีบทอม เหยื่อผวาถูกลวงระดมบุญเก๊
- อึ้ง! ชีอรหันต์โกงบุญ 10 ล้านเหลือ 8 บาท เหยื่อรับถูกขู่สูญหมดตัวเพราะโลภ
- ถอดโหงวเฮ้งก๊วนชีลวงโลก เจ้าสำนักแสบฉลาดแต่โกง ชีแปลงโฉมเด่นวาทศิลป์
ทีมข่าวได้ขอแบ่งก้อนหินในพานสีเงิน 4 เม็ด ที่อ้างว่าเป็นพระธาตุ หินสีขาวขนาดประมาณ 2-5 ซม. เพื่อทำการพิสูจน์ และดูเนื้อในของหินดังกล่าว ทีมข่าวได้มีการเตรียมอุปกรณ์ นำพลาสติกสีดำมาคลุมก้อนหินก้อนใหญ่ เพื่อใช้เป็นแท่นสำหรับทุบหินสีขาวให้เห็นเด็นชัด และยังเตรียมค้อนเหล็กสำหรับทุบหิน
จากนั้น ทดสอบทุกก้อนหินดังกล่าว หากทุบไม่แรงจะมีลักษณะแตกออกเป็นชิ้น ๆ ที่ไม่ละเอียดมากนัก แต่เมื่อทุบอย่างแรง หินจะมีลักษณะแตกออกเป็นเศษขนาดเล็ก ถึงกับเป็นผง ๆ สีขาวคล้ายกับฝุ่น หลังจากที่มีการทดสอบทุบแล้ว ก็ได้เทกลับไปใส่พานเหมือนเดิม การทดสอบทุกของทีมข่าว ไม่ได้ใช้แรงมากนัก เพราะเป็นหินลักษณะเหมือนหินอ่อน ทุบแรงหรือทุกเบาก็แตกแยกออกได้
ทั้งนี้ ในระหว่างที่ทีมข่าวเริ่มนำหินมาใส่พาน และทำการทุบ เกิดเมฆดำเข้ามาปลุกคุมพื้นที่ จากนั้นก็เริ่มมีฝนตกลงมาเล็กน้อย และมีลมพัดปลิกบริเวณยอดไม้ แต่ก่อนที่จะเริ่มต้นมีการทุบหิน ท้องฟ้าปกติ ซึ่งไม่แน่ใจว่าเกิดจากช่วงฝนฟ้าคะนองหรือช่วงที่พายุกำลังเข้าหรือไม่
รศ.ดร.วีระชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิเคราะห์ก้อนหินพระธาตุว่า จากรูปภาพลักษณะเหมือนก้อนหิน ปกติแล้วเรื่องพระธาตุวิเคราะห์ได้ด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ หากเป็นไปได้ถ้าส่งก้อนหินมา สามารถเอาเข้าห้องแล็ปไปวิเคราะห์ได้ แต่จากการดูด้วยตาเปล่า ทางกายภาพคล้ายกับก้อนหินธรรมดา หรือหินที่ใช้ประดับตกแต่งในตู้ปลา
ซึ่งก้อนหินนี้มีวางขายตามตลาดทั่วไป หรือขายในตลาดสำเพ็ง ที่ขายอุปกรณ์ตกแต่งตู้ปลา ลักษณะหินพวกนี้ จะอยู่ในกลุ่มซิลิคอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของมนุษย์ ที่อยู่ในกลุ่มสารอินทรีย์เป็นหลัก