การจากไปของ "น้าค่อม ชวนชื่น" ตลกขวัญใจของคนไทยทั้งประเทศ ที่เสียชีวิตอย่างสงบจากการติดเชื้อโควิด-19 สร้างความเศร้าโศกเสียใจให้กับครอบครัวและแฟน ๆ ชาวไทยรวมถึงคนสนิทเป็นอย่างมาก
วันที่ 1 พ.ค. 64 บริเวณเมรุ วัดศรีรัตนมหาธาตุ วรมหาวิหาร ย่านบางเขน กรุงเทพฯ ครอบครัวของน้าค่อม ชวนชื่น นำโดยไอซ์ ณพัชรินทร์ ปรีดากุล ลูกสาว และแบงค์ อธิกิตติ์ ไพบูลย์รัตนกิจ สามี พร้อมด้วยยูริ สุกานดา พุทธคุณรักษ์ ภรรยาบอล เชิญยิ้ม, หลุยส์ ชวนชื่น และครอบครัวคนสนิทประมาณ 15 คน เดินทางมาทำพิธีเก็บอัฐิแปรฐาน เก็บกระดูก โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ ทุกคนต่างอยู่ในอาการโศกเศร้า ท่ามกลางมาตรการของภาครัฐ การป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 จำนวนคนที่มาร่วมพิธีนั้นมีเพียงแค่ญาติคนสนิท มีการส่วมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ทั้งนี้ในส่วนของขั้นตอนพิธีนั้น เริ่มขึ้นในเวลา 8.00 น. โดยมีทางเจ้าหน้าที่ของวัดทำการนำอัฐิออกมาจากเตาเผาเพื่อทำการจัดเรียงบนผ้าขาว ก่อนที่จะรอครอบครัวและญาติคนสนิทในฐานะเจ้าภาพมาพร้อมกัน เพื่อทำการจุดธูปขอขมา และพรมน้ำอบบนอัฐิ หลังจากนั้นจะเป็นการทอดผ้าบังสุกุลบนอัฐิ และโรยดอกไม้บนอัฐิ ต่อมาทางญาติได้นิมนต์พระสงฆ์จำนวน 1 รูป มาทำการบังสุกุลเป็นบังสุกุลตาย ตามด้วยถวายภัตตาหาร กรวดน้ำ ตามขั้นตอน ก่อนที่จบด้วยการจัดเเจงอัฐิตามความประสงค์ของเจ้าภาพ
หลังจากนั้นทาง คุณไอช์ได้ถืออัฐิ พร้อมด้วยคุณแบงค์ ลงมาจากบริเวณเมรุ เพื่อนำอัฐิกลับบ้าน ช่วงที่ขึ้นรถนั้นทาง คุณไอช์เองได้มีการพูดกับรูปและอัฐิบางช่วงว่า "พ่อขึ้นรถนะ กลับบ้านกันนะพ่อ" ก่อนที่ทางครอบครัวจะเดินทางกลับ
น.ส.สุกานดา พุทธคุณรักษ์ หรือ ยูริ ภรรยาของบอล เชิญยิ้ม บอกว่า สำหรับความรู้สึกของการสูญเสียน้าค่อมในครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ตนคนเดียวที่รู้สึกอึ้งและจุก ตลอดจนรู้สึกเสียใจกับการจากไป เพราะส่วนของครอบครัวตนและครอบครัวของน้าค่อมเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน ส่วนตัวก็ได้ให้กำลังใจกับทางไอซ์ และแบงค์ตลอด ขอให้เขาเข้มแข็งและสู้กับความรู้สึกขณะนี้ เหตุผลเพราะทางคุณแม่เอ๋ หรือภรรยาของน้าค่อมเองยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ทำให้น้องค่อนข้างเคว้ง
ขณะที่พี่บอลเอง ตอนนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ ถึงขั้นร้องไห้ไม่หยุด เพราะรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถเดินทางมาส่งคนที่รักและนับถือเป็นเหมือนพ่อได้ เนื่องด้วยเจ้าตัวเองยังต้องกักตัว หลังหายจากโควิด-19 รวมถึงแจ๊ส ชวนชื่น ที่เสียใจหลังไม่ได้มีโอกาสมาร่วมส่งน้าค่อม
ด้าน "หลุยส์ ชวนชื่น" เล่าว่า ในส่วนของอัฐิของน้าค่อม ทางครอบครัวก็จะนำไปเก็บไว้ที่บ้านก่อน เพื่อรอทางภรรยา แม่เอ๋ ประภาศรี หายป่วยจากโควิด-19 ก่อน ตลอดจนรอความพร้อมของครอบครัว เพื่อทำการสวดอภิธรรมอีกครั้ง ก่อนที่จะนำอัฐิไปลอยอังคารต่อไป เบื้องต้นทราบว่าทางครอบครัวเองอาจจะมีการทำบุญเล็ก 7 วันก่อน และหลังจากนั้นอาจจะมีการทำบุญใหญ่หลังครบ 100 วันอีกครั้ง
ส่วนสถานที่ลอยอังคารนั้น ทางครอบครัวเองก็ได้มีการพูดคุยเบื้องต้นไว้แล้ว แต่ยังไม่เคาะรายละเอียดเรื่องของวันเวลาและสถานที่ที่ชัดเจน เพราะส่วนหนึ่งต้องรอความพร้อมของครอบครัว ส่วนภรรยาน้าค่อมตอนนี้เองทราบว่าท่านเองก็เสียใจกับการจากไปของคนที่รัก แต่จะให้ตนพูดอธิบายเป็นความรู้สึกคงไม่สามารถพูดแทนกันได้ หลายคนเองก็เป็นห่วงท่าน พร้อมส่งกำลังใจให้ท่านในช่วงที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เนื่องจากติดเชื้อโควิด-19 เช่นกัน ทั้งนี้ ความรู้สึกของตนอยากจะบอกกับน้าค่อมว่าหากชาติหน้ามีจริง ส่วนตัวอยากจะเกิดมาเป็นพี่น้องร่วมวงการตลกกันอีกครั้ง
ด้าน ไอซ์ ณพัชรินทร์ ลูกสาวก็ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า น้อยใจฟ้าทำไมถึงรีบเอาคนดี ๆ ไปจัง โดยได้โพสต์ว่า "บางแว๊บก็แอบคิดน้อยใจ ว่าทำไมฟ้าถึงเอาคนดีดีไปเร็วจัง"
นอกจากนี้ ยังมีการแชร์คลิปวิดีโอคอลร้องเพลงกับแม่เอ๋ ภรรยากลางรายการตลก ซึ่งเป็นการร้องเพลงด้วยกันครั้งสุดท้ายด้วย
สำหรับตลกชื่อดัง "ป๋าต๊อก" หรือล้อต๊อก เสียชีวิตในวันที่ 30 เมษายน 2545 สิริอายุ 88 ปี
"น้าค่อม" นายอาคม ปรีดากุล เสียชีวิต วันที่ 30 เมษายน 2564 สิริอายุ 63 ปี
"หม่ำ จ๊กมก" ตลกชื่อดัง เปิดเผยว่า ตนสนิทกับน้าค่อมมานานแล้ว น้าค่อมเป็นคนร่าเริง สนุกสนาน ถือเป็นคนที่ใช้ได้คนหนึ่ง โดยน้าค่อมเคยย้ายมาอยู่กับคณะตลกของตกเมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว
ได้เจอกันล่าสุดในวันที 6 เม.ย. 64 ที่สตูดิโอ ยังมีโอกาสได้พูดคุยได้อำเล่นกัน หลังจากที่ตนได้ทราบข่าวว่าน้อค่อมติดโควิด-19 ตนได้มีโอกาสโทรไปพูดคุยก็ยังคุยติดตลกว่า “พี่ค่อม ไม่เป็นไรหรอกพี่ มันแค่โควิด” ซึ่งตนไม่นึกมาก่อนว่ามันจะร้ายแรงขนาดนี้ ตนรู้สึกเสียใจมาก น้ำตาซึม "ทำไมบอล กลับบ้านได้ แจ๊ส กลับบ้านได้ นาย คอมมาเดี้ยนกลับบ้านได้ ตลกทุกคนกลับบ้านได้ แต่พี่ค่อมกลับไม่ได้"
ปกติตนจะคอยโทรศัพท์หาลูกสาวพี่ค่อมทุกวัน เพื่อให้กำลังใจ ช่วงเช้าวันที่ 30 เม.ย. ภรรยาตนได้เดินร้องไห้เข้ามากอดตน หลังจากที่ไลน์ไปหาลูกสาวของพี่ค่อม ตนก็รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ตนเข้าใจความรู้สึกของลูกสาวพี่ค่อม ตนก็มีลูกสาวเช่นกัน ตนเคยสูญเสียพ่อแม่มาก่อน แต่ที่น่าอนาถใจที่สุดคือการที่ลูกสาวไม่ได้รดน้ำศพพ่อ ไม่ได้สวดอภิธรรมให้พ่อ ไม่ได้เห็นหน้าพ่อก่อนเข้าเผา มันเป็นทุกข์ที่ทุกข์มาก เศร้ามาก ไม่มีอะไรที่จะเศร้าไปกว่านี้แล้ว ทำไมต้องมาตายแบบนี้ด้วย ทุกคนไปงานศพเขาไม่ได้ ทุกคนไม่ได้ฟังสวดอภิธรรม ทุกคนไม่ได้เห็นหน้าพ่อก่อน ไม่ได้เอาน้ำมะพร้าวรดหน้า ไม่ได้ส่งสวดศพเข้าเมรุ นี่แค่ความรู้สึกของแค่เพื่อนร่วมอาชีพ และคิดดูว่าครอบครัวจะขนาดไหน เมียก็ไม่ได้มาเผา ลองคิดดูว่ามันอนาถใจเท่าไหน มันไม่มีคำอธิบายเป็นภาษาเสียใจได้
เมื่อวานนี้ ตนได้ไลน์ไปหาลูกสาวน้าค่อมว่า “ลูก ชีวิตต้องเดินหน้า สู้ลูก พ่อหม่ำแม่มดเป็นกำลังใจให้ อยู่เคียงข้างครอบครัวของไอซ์ตลอด” แค่ไม่กี่วันที่พี่ค่อมโคม่า ไม่รู้ว่าครอบครัวจะทำใจได้เมื่อไร เขาจะหลอนไปถึงหนึ่งเดือน หนึ่งปี สองปี สามปีไหม ตนเคยสูญเสียพ่อ ขณะที่กำลังพอที่จะมีเงินทองที่จะทำให้พ่อกำลังมีความสุขได้ แต่ไม่มีโอกาสได้ดูแล
ตนเข้าใจความรู้สึกพี่เอ๋ ภรรยาพี่ค่อมที่ไม่ได้ไปเผาผัวเขา และคนที่ไปก็ไม่ได้เข้าใกล้ ต้องไปนั่งอยู่ในรถ ต้องไปยืนอยู่ห่าง ๆ มันสลด รันทด ที่สุดของคำว่าที่สุด ร่วมถึงทุกคนด้วย ตนพูดถึงทุกคนด้วยที่สูญเสียครอบครัวด้วยโควิด-19 อารมณ์เดียวกัน ไม่ได้พูดหมายถึงพี่ค่อมคนเดียว ตนอยากจะบอกกับพี่ค่อมว่า “ไอ้เหี้ย ไอ้สัส ไม่มีใครเกินเขาแล้ว” คำ ๆ นี้ ที่เขาชอบเล่น เป็นคำเฉพาะตัวของเขา เขาโดดเด่นของเขา ไม่มีใครด่าขำเท่ากับเขาร ไม่มีใครด่าฮาเท่ากับเขา รายการสดเขายังรอด คือเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่มีใครเล่นเหมือนเขา ตนยังไม่กล้าเล่นเลย ไม่มีใครทัดเทียมเขาได้กับเรื่องพวกนี้
ฝากถึงน้องไอซ์ เรายังเหลือลูก เหลือครอบครัว ยังเหลือแม่ ยังเหลือสามีที่จะต้องหาจุดหมายเป้าหมายวันข้างหน้า เข็มนาฬิกามันยังเดิน เราต้องเดินให้เร็วกว่าเข็มนาฬิกา ไอซ์ลูกรัก สู้ จากพ่อหม่ำและแม่มด
"ถั่วเเระ เชิญยิ้ม" หนึ่งในศิลปินตลกที่มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กล่าวว่า ความรู้สึกบีบใจกับการจากไปของน้าค่อม ค่อนข้างเร็วและยากแก่การทำใจ เป็นการสูญเสียในสถานการณ์โรคระบาด ทำให้ข้อจำกัดในการจัดพิธีกรรมทางศาสนาต้องเปลี่ยนเเปลงไปแบบเร่งด่วน แม้กระทั้งคนในครอบครัวเองก็ไม่สามารถดูหน้าเพื่อไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายได้
ส่วนตัวยังจำภาพครั้งสุดท้ายได้ดี จากคลิปช่วงที่น้าค่อมลากกระเป๋าขึ้นรถพยาบาลเพื่อไปรักษาตัว ด้วยท่าทางที่ยังแข็งแรง และมีกำลังใจ ส่วนตัวไม่คิดว่านี้จะเป็นภาพสุดท้าย หลายคนไม่ได้ตั้งหลัก ส่วนตัวอยากจะบอกว่าน้าค่อมทำอะไรให้กับสังคมมากมายแล้ว เหน็ดเหนื่อยมาพอแล้ว ลูกหลานรับรู้ ครอบครัวรับรู้ว่าท่านเองเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานหามรุ่งหามค่ำ จากความจนมาถึงวันนี้กลับได้ดิบได้ดีจนมีฐานะการงาน การเงิน ลูกหลานมีครอบครัว ถือว่าน้าค่อมทำทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ในฐานะผู้นำครอบครัว ตนขอนับถือถึงความสุดยอด พร้อมขอเป็นกำลังใจให้กับทางครอบครัวน้าค่อมด้วย เกิดชาติหน้าฉันใดก็ขอให้เรากลับมาเป็นพี่น้องในวงการอีกครั้ง
หลังจากนี้เหล่าศิลปินนักแสดงตลก หรือสมาคมศิลปินตลกแห่งประเทศไทย อาจจะมีการจัดงานรำลึกหรือกิจกรรมดี ๆ ที่รำลึกถึงน้าค่อมแน่นอน แต่รายละเอียดนั้นอาจจะต้องมีการพูดคุยอีกครั้ง รอให้สถานการณ์โรคระบาดคลี่คลายก่อน แล้วจึงจะหารือกับครอบครัวน้าค่อมอีกครั้ง ท้ายสุดเมื่อถามว่าสิ่งไหนที่ประทับใจมากที่สุดหลังได้มีโอกาสร่วมงานกับทางน้าค่อม พูดได้เต็มปากว่าหนึ่งในนั้นคือการที่น้าค่อมเป็นคนไม่ถือตัว ไม่ถือยศถือศักดิ์และไม่ได้คิดว่าตัวเองโด่งดัง น้าค่อมกลับเป็นคนเรียบง่ายและเป็นกันเอง ตลอดจนเรื่องการทำงานน้าค่อมเองก็เป็นคนที่มาก่อนเวลานัดหรือตรงต่อเวลามากในการทำงาน ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จนจำได้ถึงทุกวันนี้
ด้าน "แจ๊ส ชวนชื่น" ได้โพสต์คลิปวิดีโอ เป็นคลิปสุดท้ายของน้าค่อม ชวนชื่น ซึ่งกำลังร้องเพลงสากลในยุค 70-80 ที่ชื่นชอบ แม้จะไม่ได้เนื้อแต่ทำนองเป๊ะมาก ระบุข้อความว่า วิดีโอที่ถ่ายเขาไว้อันสุดท้ายที่อยู่ในเครื่อง เขาจะยิ้มทุกครั้งเวลาผมเปิดเพลงสากลยุค 70-80 เขาจะชอบมาก สมัยก่อนเวลานั่งรถเขา ผมจะเอากระเป๋าซีดีผมขึ้นรถเขาไปด้วย เขาจะให้ผมเปิดเพลงที่ผมอยากฟัง แล้วเขาจะถามผมว่าไอ้นี่ใคร ผมก็จะบอกเขา และสุดท้ายสักพัก เขาก็จะบอกผมว่าไอ้แจ๊สเปิดอันนี้ให้กูที เขาจะขอตลอด
“โน๊ต เชิญยิ้ม” เพื่อนสนิทตั้งแต่สมัยเด็กของน้าค่อม เปิดใจว่า ขณะนั้นตอนอายุ 17 ปี แสดงเป็นตัวตลก ส่วนค่อมอายุ 14 ปี คอยตีกลองให้โรงลิเก กินนอนด้วยกัน ย้ายไปแสดงตามที่ต่าง ๆ เคยหนีตาย หนีกระสุนช่วงการชุมนุมวันที่ 14 ตุลา จุดประสงค์ที่ไปร่วมเดินขบวน เพื่อหาข้าวกินฟรี หลังจากแยกย้ายกันจากคณะลิเก ตนใช้เล่นตลกต่อและใช้นามสกุล “เชิญยิ้ม” ส่วนค่อมได้ไปแสดงเป็นตัวตลกของลิเกคณะอื่น เมื่อคณะชวนชื่นตั้งคณะ พ่อดมซึ่งเป็นญาติห่าง ๆ ของค่อม ก็ได้ชักชวนให้ค่อมไปเล่นด้วยกัน จากนั้นค่อมก็ได้ใช้นามสกุล “ชวนชื่น”
ตนสนิทกับค่อมมาก ค่อมเป็นพ่อสื่อให้ตนได้แต่งงานกับภรรยา คอยส่งจดหมายของตนถึงภรรยา และรอจดหมายของภรรยาตน เพื่อนำกลับมาให้ตน บางครั้งพ่อตาของตนก็ไล่ต่อยค่อม จนค่อมวิ่งหนีกระเจิง ตนได้ทราบข่าวตั้งแต่วันแรกว่าค่อมติดโควิด ตนได้วิดีโอคอลไปหาทุกวันขณะที่อยู่โรงพยาบาล ก่อนที่จะวางสายจะพูดว่า “มึงยิ้มให้กูหน่อยไอ้เหยิน” จนกระทั่งค่อมเข้าห้องไอซียู โดยคืนก่อนที่ค่อมจะเข้าห้องไอซียู ค่อมบอกว่า “กูสบายดี เดี๋ยวก็กลับแล้ว” โดยตนก็ได้ตอบกลับไปว่า “ยิ้มให้ดูหน่อย หายแล้วมีมุกจะเล่นด้วยกัน”
โดยสิ่งที่ตนเสียดาย และเสียใจที่สุด คือการที่โซเชียลแชร์ภาพค่อมเดินลากกระเป๋าออกจากบ้าน เพื่อไปโรงพยาบาล แต่ไม่ได้กลับมาบ้านอีกแล้ว ตนอยากให้ทุกคนพูดความจริง ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาชี้แจงเกี่ยวกับวัคซีน ถึงความปลอดภัยและยี่ห้อ เพราะหลายคนอมีสิทธิ์ที่จะเลือก ตนเชื่อว่าครอบครัวของค่อมรู้ว่าตนเป็นห่วง หลังจากเกิดเหตุสลด ตนยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับครอบครัวของอีกฝ่าย เพราะตนไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ครอบครัวของค่อมรู้สึกเสียใจมากไปกว่านี้
ส่วนที่ขณะนี้มีดราม่าว่า “บอล เชิญยิ้ม” เป็นต้นเหตุที่ทำให้ค่อมติดโควิดและเสียชีวิต ตนได้พูดคุยกับบอลแล้ว เมื่อเช้าที่ผ่านมา ได้โทรไปหาอวยพรวันเกิด พร้อมให้กำลังใจ ตนคิดว่าสักวันความจริงจะปรากฏว่าอะไรขาวอะไรดำ ทุกคนเกิดมาย่อมมีอุปสรรคและปัญหา ในเมื่อเกิดขึ้นแล้ว การซ้ำเติมหรือให้กำลังใจสิ่งไหนดีกว่ากัน รอให้เวลาค่อย ๆ ชำระล้างจิตใจ เราไม่มีสิทธ์บังคับให้ใครรักหรือชื่นชมเรา อยากจะฝากไปถึงบอลและครอบครัวของค่อมว่าต้องฉลาดที่จะโง่
หากตนพูดกับค่อมได้ จะบอกว่า "อยากให้รู้ไว้เพื่อนรัก คนทั้งประเทศรักมึงมาก ขอให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี เอ็งไม่น่าต้องห่วงอะไร เอ็งสร้างไว้แล้ว ครอบครัวเอ็งไม่ลำบาก กูจะดูแลครอบครัวมึง ไม่ให้ใครมารังแก ชาติหน้ามีจริง เราเกิดมาเป็นเพื่อนกัน เล่นตลกด้วยกัน ไม่ใช่ โน๊ต เชิญยิ้ม คนเดียว คนทั้งประเทศรักมึง เขาคอมเมนต์ถึงมึง แต่มึงอ่านหนังสือไม่ออก คนทั้งประเทศเสียใจและเสียดาย" ตนไม่เคยเห็นครอบครัวตนเศร้าขนาดนี้ ลูกชายตนพาภรรยาไปดูควันที่เผาที่เมรุก็เศร้า
จากเหตุการณ์นี้ ตนมองไปถึงคนไทยที่ต้องสูญเสียครอบครัวเพราะโควิด ครอบครัวไม่มีทางได้จับมือหรือทำพิธีใด ๆ ให้ ซึ่งตนคิดว่าครอบครัวของผู้สูญเสียคงจะต้องเจ็บปวดปวดร้าวเป็นอย่างมาก ตนก็ทำได้เพียงขับรถไปร่วมงานศพของค่อมอยู่ไกล ๆ ขณะนี้ถือว่าบุคลากรทางการแพทย์เป็นผู้ที่เสียสละเป็นอย่างมาก สิ่งที่เราทำได้คือการดูแลตัวเองให้ดี เพื่อแบ่งเบาทีมแพทย์ นอกจากนี้ ตนไม่ได้หิวแสง ตนอายุมากแล้ว 67 ปีแล้ว ตนไม่ได้หวังดัง เพียงพูดจากความรู้สึก