จากกรณี นายจำลอง คนซื่อ หรือ อดีตพระภาวนาพุทโธ วัย 72 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพราน จ.นครปฐม เคยต้องเป็นผู้ต้องหาคดีข่มขืนกระทำชำเราเด็กและเยาวชน ระหว่างปี 2531-2538 ก่อนตกเป็นข่าวถูกฟ้องร้องเอาผิดจนตกเป็นผู้ต้องหาเมื่อปี 2552 ต้องโทษจริงราว 20 ปี ก่อนพ่นโทษออกมาและกลับมาอยู่ที่วัด แต่มีภาพแต่งกายแปลกตา หลากสี นั่งให้พระสงฆ์กราบไหว้ จึงเกิดข้อสงสัยถึงความเหมาะสมและความถูกต้องนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- "ภาวนาพุทโธ" คัมแบ็ก! ผุดฉายาพ่อมังกรห่มสีรุ้ง อึ้งสงฆ์แห่ไหว้ พศ.ยันไม่ผิด
- ศรัทธาแรง! ศิษย์ภาวนาพุทโธเชื่อไม่เคยขืนใจเด็ก เณรแอเผยหญิงหาอื้อหวิดชกในคุก
วันที่ 1 พ.ค. 64 เวลา 14.30 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์ป่าไม้จังหวัดนครปฐม เดินทางมาที่วัดสามพราน อ.สามพราน จ.นครปฐม เพื่อมาตรวจสอบไม้ตะเคียน 5 ท่อนในวัด โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 มี 3 ท่อน ขนาดยาวท่อนละ 15 เมตร ที่ระบุว่ามีคนถวายและมีเอกสารถูกต้อง
ส่วนที่ 2 เป็นจุดตั้งศาลเจ้าพ่อ เจ้าแม่ตะเคียน มี 2 ท่อน ซึ่งตั้งมาตั้งแต่ปี 2540 ไม่ทราบแน่ชัดเรื่องที่มา และไม่แน่ใจเป็นตะเคียนจริงหรือไม่ ความยาว 15 เมตร เจ้าหน้าที่ป่าไม้มีการนำตลับเมตรวัดท่อนไม้ตะเคียน เพื่อบันทึกข้อมูลและตรวจสอบ
นายสมหวัง หวังเศรษฐกุล ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้จังหวัดนครปฐม ระบุว่า เบื้องต้นมาเก็บข้อมูลไม้ ตามกระแสข่าวที่นำเสนอไป ส่วนเรื่องการพิสูจน์ชนิดไม้ หรือการดำเนินการต่อไปนั้น ต้องรอเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะเข้าไปพูดคุยกับเจ้าอาวาสวัดสามพราน
หลังการพูดคุยกับเจ้าอาวาสวัดสามพรานราว 4 ชั่วโมง ทีมข่าวได้ข้อมูลจากนายคม ศรีสวัสดิ์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) และนายสมหวัง หวังเศรษฐกุล ให้ข้อมูลว่า การตรวจสอบและพูดคุยกับเจ้าอาวาส ซึ่งทางวัดมีเอกสารมามาชี้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ทั้งหมด โดยรายะเอียดเบื้องต้นไม้ 3 ท่อนแรกมีใบแจ้งความหลัง ได้รับการถวายเมื่อ ม.ค.64 ส่วนไม้อีก 2 ท่อน เป็นตะเคียนเก่า มีใบเบิกทางมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ หลังจากนี้ จะมีการพิสูจน์จากต้นตอของไม้อีกครั้งหนึ่ง
ขณะที่ปฏิบัติธรรมของวัดสามพรานได้พาทีมข่าวเดินเข้าไปสำรวจในตึกมังกร ความสูง 16 ชั้น ทั้งหมดเป็นกุฏิสงฆ์ มีเพียงชั้น 1 ที่เข้าไปแล้วจะเจอรูปหล่อพระภาวนาพุทโธ ขณะบวชเป็นสงฆ์ มีแม่ชีคอยประจำจุดอำนวยความสะดวกคนมาทำบุญ เป็นจุดกราบไหว้ และผูกข้อไม้ข้อมือ
แม่ชีนก ผู้ที่มาบวชชี ระบุว่า ตนเองมาขวชชีได้ราว 2-3 เดือน เคยมีโอกาสเจอและกราบอดีตพระภาวนาพุทโธ 1 ครั้ง สมัยเพิ่งออกจากเรือนจำใหม่ ๆ ส่วนตัวดูหลักคำสอนของอดีตหลวงพ่อจะสอนเรื่องความกตัญญูต่อพ่อแม่ ผู้ใหญ่ ผู้มีบุญคุณ ไม่มีอะไรผิดไปจากพุทธศาสนา รูปเหมือนอดีตหลวงพ่อ เป็นรูปหล่อที่มีแต่เดิมอยู่แล้ว ซึ่งตั้งให้คนกราบไหว้ และระลึกถึงคุณพ่อแม่ ส่วนตัวไม่รู้สึกแปลกที่ท่านพ้นโทษมาแล้วสอนธรรมะ ทางพุทธศาสนาต้องมองเรื่องการให้อภัย
ทีมข่าวเดินต่อไปยังทางขึ้น ซึ่งเรียกว่าทางเดินท้องมังกร เดินเข้าไปตามตัวมังกรที่ตะกายตึกอยู่ ปลายทางจะโผล่ที่ชั้น 14 ก่อนเดินขึ้นที่ชั้น 15 ซึ่งเป็นจุดตั้งต้นสาละ และรูปปั้นเหตุการณ์ครั้งประสูติพระพุทธเจ้า และเดินต่อไปที่ขั้น 16 เป็นดาดฟ้า เป็นจุดชมหัวมังกร และชมวิว ซึ่งพบว่ามีประดิษฐาน "พระพุทโธภาวนา" ซึ่งเป็นพระประธานของวัด จุดดาดฟ้าสามารถมองวิวได้ทั่วพื้นที่วัด ส่วนบริเวณกุฏิจะอยู่ชั้น 13 ลงไป บางขั้นอาศัยไม่ได้เนื่องจากชำรุดทรุดโทรม จะเห็นมีขี้นก และสภาพไม่ได้ทำความสะอาด
นายชนันตชัย พฤกษ์สุกาญจน์ ไวยาวัจกรณ์ของวัด เปิดเผยว่า ตนเองทำหน้าที่ให้ข้อมูลข่าวตามหน้าที่ของไวยาวัจกรณ์ เพราะวัดแห่งนี้มีการปกครองตามคณะสงฆ์ ซึ่งทาง ผอ.สำนักพุทธจังหวัดเข้ามาทำความเข้าใจแล้ว ส่วนการประสานไปยังอดีตหลวงพ่อภาวนาพุทโธ เป็นหน้าที่ของพระผู้ใหญ่ที่อาจจะต้องติดต่อไปเอง
ส่วนอดีตหลวงพ่อ ช่วงที่มีการออกจากเรือนจำ อดีหลวงพ่อมีการเตรียมตัวอยู่แล้วว่าอาจจะมีกระแสข่าว เพราะก่อนหน้าที่อดีตหลวงพ่อเข้าไปเรือนจำก็มีข่าวใหญ่ ตอนนี้อดีตหลวงพ่อก็ชราภาพ อยู่ในช่วงบั้นปลายชีวิต ก็อยากจะมอบความรู้ให้แก่คน ถวายความรู้แก่สงฆ์ ซึ่งสำนักพุทธบอกว่าสามารถทำได้ ภาพชินตาที่จะเห็นคืออดีตหลวงพ่อจะยกมือไหว้คนแก่ คนชรา ตั้งแต่ท่านต้องโทษ จนกระทั่งออกมา ซึ่งท่านจะสอนเสมอว่าให้เคารพคนมีอายุ ให้มีความอ่อนน้อม ตามคำสอนที่ได้ยินประจำคือ “วันทะโก ปฏิวันทะโก” ผู้ไหว้ย่อมได้รับการไหว้ตอบ
ส่วนตัวอยู่กับวัดมานาน ตั้งแต่เคยบวชเป็นเณร และกลับมาเป็นผู้ทำงานให้กับวัด สมัยหลวงพ่อมีคดี ตอนนั้นตนก็อยู่ในเหตุการณ์ สมัยท่านต้องโทษตนก็เคยได้เข้าไปเยี่ยม แต่งการชุดนักโทษชาย ไม่มีอภิสิทธิ์ใด ๆ เหนือนักโทษคนอื่น ไม่มีอภินิหารใด ๆ มีเพียงสอนหลักธรรม ตอนท่านติดคุกก็ไม่เล่าอะไร เพียงสอนว่าเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เรื่องอดีตให้เป็นอดีต อดีตหลวงพ่อมักสอนเรื่องสัจธรรม และท่านเคยบอกไว้ว่าที่สร้างวัดให้มีปริศนาธรรมตามจุดต่าง ๆ เนื่องจากต่อไปคนจะเชื่อในพุทธสถานมากกว่าการฟังคำสอน จึงแฝงปริศนาธรรมหลายอย่างไว้ในสถานที่ของวัด คำสอนหลักของอดีตหลวงพ่อจะสอนให้เรากตัญญู ให้อ่อนน้อม คำพูดที่จะได้ยินบ่อยคือ “อ่อนน้อม อ่อนโยน แต่ไม่อ่อนแอ เข้มแข็งแต่ไม่แข็งกระด้าง”
ที่ผ่านมา ทางวัดไม่ได้เตรียมตัวด้วยซ้ำว่าอดีตหลวงพ่อจะได้กลับออกมาเจอกับศิษย์ หรือท่านต้องโทษนาน ทำให้กระแสตอนนั้นคนจึงเดินทางไปพบท่านที่เรือนจำ ส่วนกระแสตอนนี้ทางวัดไม่ได้กังวล เข้าใจว่าสังคมย่อมสงสัย ส่วนเรื่องการนุ่งห่มชุดของชี หรือคนมาปฏิบัติธรรมที่วัดจะเห็นนอกจากสีขาว มีสีน้ำตาล ซึ่งเรียกว่าเป็นสีธุดงค์ คือบางครั้งชีต้องปฏิบัติภารกิจอื่นที่อาจจะเปื้อน จึงมีสีนี้ขึ้นมา ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ส่วนเรื่องชุดของอดีตหลวงพ่อ ตนเองยืนยันเช่นเดิมว่าเป็นชุดที่มีคนจัดหาให้ ท่านใส่อะไรก็ได้ แต่ด้วยอายุ ความคล่องตัว จึงเลือกใส่ชุดนี้ อีกอย่างท่านไม่ใช่พระแล้ว ก็สามารถแต่งชุดอะไรก็ได้ เหมือนคนเราที่มีเสื้อผ้าหลายตัวหลายสี ไม่มีการเลียนแบบสงฆ์
ส่วนสถานที่ของวัดจุดที่เรียกว่า ”รอยธรรม” เป็นรอยเท้า รอยมือของคนที่มาปฏิบัติธรรมในอดีตที่ประทับรอยไว้ 84,000 รอย มี 108 โค้ง ใช้สำหรับเดินจงกลม จะสามารถท่องอิติปิโสตามโค้งต่าง ๆ ได้ ให้ปริศนาธรรมเกี่ยวข้องว่า เดินตามรอยผู้ใหญ่หมาไม่กัด และยังแฝงถึงรอยมือนี้ที่จะสามารถเอาไปทำดี ทำชั่วได้ แต่ละแถวของรอยจะมี 8 รอย หมายถึงมัคมีองค์ 8 ส่วนรูปปั้นช้างขนาดใหญ่ที่พบ หรือสัตว์อื่น ๆ ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ในพุทธกาล และที่ต้องมีอักษาว่า "พุทโธสมบัติพ่อ" หมายถึง สิ่งที่ถูกสร้างโดยพุทโธภาวนา คือ พระประธานของวัดแห่งนี้
ทีมข่าวเดินทางไปยัง หมู่ 16 ต.สงเปลือย อ.เขาวง จ.กาฬสินธุ์ บ้านเกิดของนายจำลองหรือ อดีตพระภาวนาพุทโธ พบว่าทางเข้ามีการติดป้ายหน้าบ้านระบุว่า “บ้านโฮมบุญ” เป็นบ้านปูน 2 ชั้น มีนางฟาย ฅนซื่อ แม่ของอดีตพระภาวนาพุทโธอาศัยอยู่ ส่วนบ้านชั้นเดียว มีลานจอดรถ เป็นที่พักของลูกศิษย์และญาติธรรมของอดีตพระภาวนาพุทโธ สำหรับพักอาศัยอยู่ ภายในพื้นที่บ้านมีต้นไม้ใหญ่ มีพระพุทธรูปสีทอง 1 องค์ประดิษฐานอยู่ มีศาลาเล็กครอบเอาไว้ ทำบายศรีรูปพญานาควางไว้ใต้ต้นไม้
นางฟาย คนซื่อ อายุ 94 ปี บอกว่า ดีใจที่ลูกพ้นโทษ หมดทุกข์หมดโศก กลับออกมาจะได้ปฏิบัติศีลต่อ ส่วนเรื่องของคดีไม่ขอก้าวก่ายเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ แต่วันนี้ลูกพ้นโทษแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยตนเองก็ได้เห็นหน้าลูกก่อนตาย ก็เสียดายช่วงวันที่ 2 ธ.ค. 2553 นายหมาง คนซื่อ สามีของตัวเองเสียชีวิตในวัย 70 ปี ตอนนั้นอดีตพระภาวนาพุทโธยังติดอยู่ในเรือนจำ ทำให้ไม่สามารถอยู่ดูใจพ่อตัวเอง ตอนนี้ร่างได้ฝังเก็บเอาไว้ในป่าช้า รอวันที่อดีตพระภาวนาพุทโธพ้นโทษจะขุดขึ้นมาประกอบพิธีญาปนกิจศพ
นางรวมรอง คนซื่อ น้องสาวของอดีตพระภาวนาพุทโธ น้องสาวคนเล็ก คนที่ 10 ของบ้าน เปิดเผยว่า ทุกครั้งที่มีโอกาสไปเยี่ยมพี่ชาย เจ้าตัวก็มักจะสอนน้อง ๆ และพี่ ๆ รวมถึงลูกศิษย์ที่ไปเยี่ยมที่เรือนจำให้รักและเคารพบุพการี และยังสอนให้ช่วยเหลือคนรอบข้าง คนที่ด้อยโอกาสกว่า และตลอดที่อยู่ภายในเรือนจำก็ปฏิบัติเหมือนผู้ต้องขังรายอื่น กินง่าย อยู่ง่าย และทุกวันพระ ก็ยังได้รับอนุญาตให้ใส่เสื้อสีขาว กางเกงขาว ปฏิบัติธรรมร่วมกับคนในเรือนจำได้
การได้รับการปล่อยตัวหลังพ้นโทษครั้งนี้ ยอมรับว่าทั้งคนในครอบครัว เครือญาติ และชาวบ้านในหมู่บ้าน ทุกคนต่างดีใจไปถ้วนหน้า ปลื้มใจที่มีวันนี้ แต่ไม่ว่าพี่ชายจะอยู่ที่ไหน ทั้งในเรือนจำ หรือออกมาอยู่ข้างนอก ทุกคนก็ไม่กังวล เพราะพี่ชายปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตลอด หลังพ้นโทษยังไม่ได้คุยกันว่าพี่ชายจะกลับไปบวชอีกครั้งหรือไม่ ส่วนเรื่องการแต่งกาย ด้วยชุดสีต่าง ๆ นั้น ตนเองมองว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับพระ แต่เป็นการแต่งแบบสบาย ๆ ที่พี่ชายไม่ยึดติด แต่งแบบไหนก็ได้ เพราะมันอยู่ที่ใจ พร้อมทั้งยืนยันว่าทุกวันนี้พี่ชายก็เป็นเพียงคนธรรมดา เป็นฆราวาส ไม่ได้เป็นพระ
ทั้งนี้ กรณีที่ปรากฏภาพเห็นหลายครั้งที่มีพระสงฆ์กรมกราบหรือไหว้พี่ชาย ตัวเองคิดว่าทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเคารพครูอาจารย์หรือผู้ที่มีอายุมากกว่า เปรียบเสมือนการกราบแม่ แม่ก็ยังไหว้หรือไหว้กลับ ดังนั้นจึงบอกว่าเป็นเรื่องของธรรมเนียมปฎิบัติ หรือการเคารพกันและกันเท่านั้น ส่วนเรื่องของคดีความที่ถูกดำเนินคดีและติดคุกอยู่ในเรือนจำ ขอไม่แสดงความคิดเห็น เพราะเป็นเรื่องของกระบวนการทางกฎหมาย แม้ว่าลูกศิษย์หลายคนจะบอกว่าเป็นการแกล้งก็ตาม แต่ตนเองก็ไม่ขอก้าวก่าย ในฐานะที่เป็นน้องสาวก็ยังนำเอาคำสอนทุกอย่างที่พี่ชายสอนมาใช้ในชีวิตประจำวัน ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้อง
นอกจากนี้ เงินบริจาคของสาวก 14 ล้านบาท ที่รวมให้กับภาวนาพุทโธขณะอยู่ในเรือนจำนั้น ได้นำออกมาบริจาคและพัฒนาเรือนจำ วัด โรงเรียน ทำให้มีชาวบ้านอีกจำนวนมากที่ยังคงนับถืออยู่นั้น