กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง รับแจ้งมีเหตุคนถูกฆาตกรรมในซอยตำหนักพ่อแก่ ถนนท่าบรรทุก ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง จึงประสานนิติเวช รพ.ระยอง และกู้ภัยสว่างพรกุศลระยอง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ
โดยที่เกิดเหตุพบศพ น.ส.มี่ อายุ 39 ปี เป็นหญิงเร่ร่อน นอนเสียชีวิตอยู่ในกระต๊อบ พบมีบาดแผลใบหน้า เขียวช้ำ แขนหัก ขาหัก พบท่อนไม้เปื้อนเลือด เจ้าหน้าที่จึงเก็บเป็นหลักฐาน
ล่าสุดวันที่ 2 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ เป็นกระต๊อบที่ปลูกอยู่ใต้ต้นไม้ โดยลักษณะเป็นที่เพิงพักชั่วคราว คลุมด้วยผ้าใบ และมีโปลิศไลน์สีขาว-แดงของเจ้าหน้าที่ตำรวจกั้นไว้ด้วย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาริกา จันทร์ศรี อายุ 70 ปี เจ้าของพื้นที่ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา แม่ของผู้ก่อเหตุได้เดินทางมาหาตนที่บ้าน และชวนตนไปดูที่กระต๊อบที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงก็พบร่างของน.ส.มี่ นอนแน่นิ่งอยู่ภายในกระต๊อบ พบว่าเสียชีวิตแล้ว ตนมองเห็นร่างแน่นิ่งอยู่ไกล ๆ ลักษณะตัวซีด ไม่กล้าเข้าไปดู จึงรีบโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้รีบมายังที่เกิดเหตุทันที จากนั้นกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงรีบมาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
โดยช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา (1 พ.ค.64) ตนยังได้ยินเสียงดังมาจากกระต๊อบ คาดว่าน่าจะเป็นเสียงนายวิรัตน์ ผู้ก่อเหตุใช้ของแข็งตี ไปยังน.ส.มี่ โดยมีเสียงดังมาถึงบ้านตน ร้องด้วยความเจ็บปวด ตนไม่แน่ใจว่าน.ส.มี่ หยุดร้องเวลาใด เพราะตนทนฟังจนหลับไป และพยายามโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว แต่โทรศัพท์ไม่ติด น.ส.มี่ มักจะร้อง แบบนี้อยู่เป็นประจำ จนชาวบ้านในละแวกนี้เคยชิน โดยช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมาตนไม่คิดว่า น.ส.มี่ จะถูกทำร้ายจนถึงแก่ชีวิต ตนคิดอยู่ว่าจะไล่ทั้งคู่ออกจากพื้นที่ไป เนื่องจากต้องทนเสียงดังนอนไม่หลับ
ที่ผ่านมาน.ส.มี่ จะถูกนายวิรัตน์ ทำร้ายทุกคืน ตนยังเคยเห็นน.ส.มี่ มีบาดแผลตามตัวด้วย ศีรษะแตก คิ้วแตก ปากแตก เกิดจากการถูกนายวิรัตน์ตี จนชาวบ้านเอือมระอา หากนายวิรัตน์เมาก็จะตีน.ส.มี่ตลอด หากไม่เมาก็รักกันดี ส่วนน.ส.มี่ ก็ดื่มเหล้าเป็นประจำเช่นเดียวกัน
โดยทั้งคู่ได้มาขอพื้นที่ตนอาศัยอยู่ เมื่อประมาณปี 63 เพราะก่อนหน้านี้นายวิรัตน์และน.ส.มี่ อยู่กินด้วยกันที่ห้องเช่าอีกที่หนึ่ง แต่เนื่องจากมีการทะเลาะกันบ่อยครั้ง จนเจ้าของห้องเช่าทนไม่ได้ จึงไล่ออกจากห้องเช่าและมาขออยู่อาศัยที่บริเวณนี้ ตนเตรียมวางแผนจะทำพิธีเชิญวิญญาณ เพื่อนำสิ่งไม่ดีออกจากพื้นที่ และทำบุญในวันพรุ่งนี้ (3 พ.ค.64) โดยจะมีการนิมนต์พระสงฆ์ 1 รูป มาทำพิธีบริเวณหน้าบ้านและบริเวณกระต๊อบจุดเกิดเหตุด้วย ซึ่งหลังจากนี้ก็ยังจะไม่รื้อทิ้ง ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวคนร้าย และทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จสิ้น แล้วจะนำไปเผาทิ้งทั้งหมดเพราะเป็นสิ่งไม่ดี
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้กลัววิญญาณแต่อย่างใด โดยหลังจากพิธีเชิญวิญญาณเสร็จสิ้นในวันพรุ่งนี้ (3 พ.ค.64) ตนคาดว่าน่าจะมีความสบายใจขึ้น ตนอยากบอกกับผู้เสียชีวิตว่า ขอให้ไปดี ไม่ต้องทนทรมานอีกแล้ว และหากเจอคนร้ายจะเรียกตำรวจมาจับทันที
ต่อมาทีมข่าว ได้เดินทางไปพูดคุยกับนางนงลักษณ์ สุนทะโรจน์ อายุ 48 ปี แม่ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ลูกชายตนมาหาที่ร้านอาหาร เนื่องจากตนทำงานล้างจานอยู่ที่ร้านดังกล่าว โดยลูกชายบอกกับตนว่า “ผมฆ่าเมียตายแล้ว ให้ไปดูสิ” เมื่อตนทราบยังไม่ปักใจเชื่อ ได้แต่บอกลูกชายว่า “ไม่ต้องหนี ยอมติดคุกเถอะ เพราะยังไงก็หนีไม่รอด”
จากนั้นตนจึงรีบเดินทางไปยังที่เกิดเหตุ พบน.ส.มี่ นอนอยู่ในกระต๊อบ จึงเรียกเจ้าของบ้านออกมาดู และพบว่าเสียชีวิตแล้ว ตนถึงกับร้องไห้ เพราะเสียใจเป็นอย่างมาก และสงสารน.ส.มี่ มาก ๆ ที่ผ่านมาลูกชายรู้จักกับน.ส.มี่ มา 3 ปีแล้ว ทราบว่าทั้งคู่พบเจอกันที่ทะเล และเกิดถูกชะตากัน ตนก็ทราบพฤติกรรมของลูกชายดีว่ามักจะตบตีน.ส.มี่ เสมอ และดื่มเหล้า ไม่มีอาชีพ หารับจ้างไปวัน ๆ แต่ไม่เคยทำร้ายคนในบ้าน
ส่วนน.ส.มี่ ก็มักจะไปด้วยกันทุกที่ และก็ดื่มสุราด้วยกันทั้งคู่ ตนเคยเตือนแล้วแต่ไม่ยอมฟัง ตนอยากบอกกับลูกชายว่า "กลับมาเถอะ รีบมามอบตัว" จะได้ผ่อนหนักเป็นเบา และตนไม่รู้จะพูดอย่างไรกับสังคม “เลี้ยงได้แต่ตัว แต่เราไม่รู้จิตใจเขา” ตนสอนตลอดเพราะอยากให้ลูกได้ดีทุกคน
อย่างไรก็ดี ตนอยากจะขอโทษครอบครัวฝ่ายหญิงแทนลูกชาย ตนก็ไม่มีเงิน หาเช้ากินค่ำไปวัน ๆ ที่ผ่านมาตนทราบว่าน.ส.มี่ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ แต่ไม่เคยรู้จัก หรือพูดคุยกับญาติน.ส.มี่ ตนเคยจะส่งน.ส.มี่ ขึ้นรถทัวร์กลับบ้าน แต่เขาไม่ยอมกลับ และตนอยากให้ครอบครัวน.ส.มี่ ทราบข่าวการเสียชีวิตโดยเร็วจะได้ช่วยกันจัดการศพ หากไม่มีเงินตนก็จะช่วยเหลือ
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ น.ส.นิตย์ นิ่มนุช อายุ 62 ปี เพื่อนของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับน.ส.มี่ มาเกือบ 10 ปีแล้ว โดยทราบว่าก่อนหน้านี้น.ส.มี่ มีอาชีพหมอนวด แต่ไม่ทราบว่าทำอยู่ที่ใด โดยก่อนหน้านี้ที่จะมาคบหากับนายวิรัตน์ น.ส.มี่เป็นคนสวยแต่งตัวดีมีทองใส่ แต่เมื่อมาอยู่กินกับนายวิรัตน์ ก็มักจะเมาสุรา และทะเลาะกันบ่อยครั้ง ตนไม่ทราบว่าทั้งคู่คบหากันได้อย่างไร
ทั้งนี้ตนยังเคยบอกกับผู้ก่อเหตุว่า “รัตน์ มึงทำมี่ทำไม มึงไม่สงสารเหรอ มันเป็นปู้หญิง” โดยนายวิรัตน์ อ้างว่าน.ส.มี่ ไม่ยอมทำงานจึงต้องลงมือทำร้าย ตนจึงสวนกลับไปว่า “มึงก็ไม่ทำงาน วัน ๆ กินแต่เหล้า” และยังเคยเดินขอเงินกับชาวบ้านด้วย ทั้งคู่มีอาชีพเก็บขยะขาย อยู่ที่กระต๊อบดังกล่าว
โดยเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้ไปดูสภาพศพของน.ส.มี่ ในระยะไกลมากและเห็นว่าสภาพศพเละไปทั้งตัว แขนซ้ายห้อย ตนคิดว่าน่าสงสารมาก ยืนยันว่า น.ส.มี่ ไม่ได้คบชายอื่น ที่ผ่านมาก็มักจะมาหาตนเมื่อถูกทำร้าย โดยเมื่อประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมา นายวิรัตน์ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวไป เพราะพยายามจะเผากระต๊อบ น.ส.มี่ บอกกับตนว่ารักนายวิรัตน์มาก ตนยังขอร้องให้เลิกกับนายวิรัตน์ และหากจะกลับ จ.บุรีรัมย์ จะช่วยออกค่าเดินทางให้ และตนก็อยากให้กลับ เพราะไม่อยากให้ถูกทำร้ายอีกต่อไปแล้ว
ทีมข่าวยังได้คลิปวิดีโอ ซึ่งมีชาวบ้านถ่ายเอาไว้เมื่อวันที่ 23 ก.ค.63 โดยเป็นคลิปของผู้เสียชีวิต ซึ่งนั่งร้องไห้อยู่บริเวณริมถนน เนื่องจากไม่สามารถเดินทางไปทำบัตรประชาชนได้ เพราะไม่มีเงิน และไม่มีรถเดินทางไป ชาวบ้านจึงให้เงินไปเป็นค่าเดินทางด้วย
พ.ต.อ.พรัชต์ศรุต วัชรธนโยธิน ผกก.สภ.เมืองระยอง เปิดเผยว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนกำลังเร่งไล่ล่าคนร้ายมาดำเนินคดี เบื้องต้นขออำนาจศาลออกหมายจับนายวิรัตน์ ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต โดยปมสาเหตุเกิดจากความมึนเมาของทั้งคู่ เพราะทราบว่าก่อนเกิดเหตุมีการดื่มกินสุราด้วย โดยขณะนี้ศพอยู่ระหว่างชันสูตรพลิกศพผู้ตาย ที่รพ.ระยอง และยังไม่มีญาติของผู้เสียชีวิตติดต่อมา โดยทางเจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการตามขั้นตอน และแจ้งให้ญาติผู้เสียชีวิตมารับศพไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป