จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อย vplus" โพสต์ภาพพร้อมบรรยายข้อความระบุว่า ภรรยา"ผู้สูญหาย"ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งสามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังนั้น จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านในขณะนั้นยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายเจ้าของบ้านบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นตัวเองหลับอยู่ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้าตามทาง แต่ไม่พบตัวสามี ตอนนี้ก็ยังไม่เจอว่าเป็นยังไง ถึงจะไม่มีชีวิตอยู่ อย่างน้อยขอเจอตัวเพื่อทำพิธีก็ยังดี
โดยทรัพย์สินภายในตัวของนายโกศลที่สูญหายไปนั้น มีสร้อยคอทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น เลสข้อมือทองคำหนัก 5 บาท 1 เส้น
วันที่ 3 พ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ เดินทางไปยังจุดเกิดเหตุบริเวณ ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี บริเวณจุดเกิดเหตุยังคงมีร่องรอยคราบเลือด จากการสังเกตพบว่าจุดที่พบรอยเลือดจากบริเวณโต๊ะไม้หน้าบ้านยาวไปตามทางถนนที่เห็นได้ชัดกว่า 500 เมตร ส่วนหลักฐานอื่นที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพบในที่เกิดเหตุ ได้เก็บรวบรวมไว้เป็นข้อมูลทั้งหมดแล้ว
นางจินดาหรา วสินทรัพย์ อายุ 37 ปี ภรรยาของผู้สูญหาย เผยว่า สามีของตนคือนายโกสน เรื่องดุก หรือ ตุ้ม อายุ 44 ปี มีอาชีพทำประมงหาของทะเลขาย ปกติสามีของตนเป็นคนที่นิสัยดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร กระทั่งเหตุเกิดวานนี้ เวลา 18.00 น. หลังจากที่เลิกงานเสร็จแล้ว สามีกับตนเองและลูกน้อง รวมไปถึงนายตั้ม และนายนัด เพื่อนของสามีได้มานั่งดื่มกินกันที่บริเวณหน้าห้องพักของคนงานหลายคน ฉลองวันเกิดให้ลูกชายซึ่งเป็นลูกติดของภรรยาเก่าสามี
ทั้งนี้ ตนได้นั่งสังสรรค์กับสามี และกลุ่มเพื่อนจนถึงเวลา 22.00 น. ก็รู้สึกง่วงนอน เดินเข้าไปพักในห้องพักของตน กระทั่งตื่นมาช่วงเวลา 23.00 น. ไม่เห็นสามีเดินตามเข้ามาในห้อง จึงโทรศัพท์หา แต่สามีกลับบอกว่าออกไปนั่งดื่มกินกันต่อที่บ้านของนายบำรุง เพื่อนบ้าน ห่างจากห้องพักคนงานประมาณ 1 กิโลเมตร ออกไปพร้อมกับนายตั้มและนายนัด รวม 3 คน ตนจึงบอกให้สามีรีบกลับบ้านได้แล้ว เนื่องจากเป็นยามวิกาล สามีก็ได้ตอบกลับว่า "ไม่นานเดี๋ยวกลับ" จนตนเผลอหลับไป
ตื่นมาอีกทีช่วงเวลาเกือบ 01.00 น. ของวันที่ 3 พ.ค. ด้วยความเป็นห่วงเห็นสามียังไม่กลับบ้านผิดวิสัยจึงขับรถกระบะตามไปที่บ้านจุดเกิดเหตุ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าบ้านหลังดังกล่าวปิดเงียบ ไม่มีคนอยู่ ตนจึงพยายามโทรศัพท์หาสามี แต่สามีก็ไม่ยอมรับสาย ตนจึงขึบรถกลับที่ห้องพักของคนงานเพื่อตั้งหลัก หลังจากนั้นไม่นาน นายตั้ม เพื่อนของสามีที่ออกไปที่บ้านที่เกิดเหตุด้วยกันได้ขับรถมา และถามกับตนว่าสามีของตนกลับมาหรือยัง เนื่องจากขณะที่ไปนั่งดื่มกินกันที่บ้านจุดเกิดเหตุ
ช่วงเวลาประมาณเกือบ 01.00 น. นายตั้มได้เดินออกมายืนอยู่ที่ริมถนนหน้าบ้านจุดเกิดเหตุ ห่างกับโต๊ะไม้ที่นั่งดื่มกินกันประมาณ 20 เมตร ได้ยินเสียงเหมือนเกิดการชุลมุนกัน และได้ยินเสียงปืนดังสนั่นขึ้น 1 ครั้ง แต่เมื่อหันกลับไปดูกลับพบว่าไม่เห็นมีใครอยู่แล้ว นายตั้มจึงได้กลับบ้านมาก่อน ซึ่งตนก็เกิดความสงสัยเนื่องจากหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวจริง บุคคลที่นั่งดื่มกินด้วยกัน ก็น่าจะทราบเหตุการณ์บ้าง แต่นี่กลับปฏิเสธบอกไม่รู้เรื่อง อีกทั้งจากการสังเกตเห็นที่คอของนายตั้มมีรอยคล้ายถูกอะไรรัด แต่ตนก็ไม่สามารถปรักปรำใครได้ จึงตัดสินใจเดินทางเข้าแจ้งความกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไชยา ให้ช่วยติดตามตัวสามีในเวลา 01.20 น.
หลังทางเจ้าที่ตำรวจทราบเรื่องจึงเดินทางมาที่บ้านจุดเกิดเหตุพร้อมกับตน เพื่อทำการตรวจสอบ ปรากฏว่าพบหลักฐานที่บริเวณ จุดศาลาข้างบ้านนายบำรุง มีรอยเลือดจากศาลาลากยาวไปบนถนน 30 เมตร และมีร่องรอยเอาน้ำมาล้างที่ศาลาและบนถนน คล้ายทำลายหลักฐาน อีกทั่งพบปลอกกระสุนขนาด .45 มม. 1 ปลอก ตกอยู่ภายในที่เกิดเหตุ พบขวดเหล้า 1 ขวด ขวดเบียร์สภาพแตกในถังขยะ 1 ขวด จึงเก็บข้อมูลให้เป็นหลักฐาน สอบถามนายบำรุงเจ้าของบ้านที่เกิดเหตุให้การว่า ไม่ทราบเกี่ยวกับข้อมูลที่เกิดขึ้น ไม่รู้ว่าสามีของตนหายไปไหน เจ้าหน้าที่จึงนำตัวนายบำรุง นายตั้ม และนายนัด ไปสอบสวนที่โรงพัก
นางจินดาหรา เล่าต่อว่า นอกจากนั้นจากการตรวจสอบเส้นทางของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่ามีเบาะแสที่คนร้ายขับรถหลบหนี ซึ่งคาดว่าน่าจะอุ้มสามีขึ้นที่ถูกยิงขึ้นบริเวณหลังรถกระบะ ก่อนขับรถมาตามเส้นทางถนนหน้าวัดตะกรบ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 4 กิโลเมตร ก่อนไปเสียหลักพุ่งชนกับต้นไม้ และเสาไฟฟ้าจนหัก 2 ท่อน อีกทั้งจากการสอบถามชาวบ้านทราบว่าช่วงดึกวันเกิดเหตุ ได้ยินเสียงปืนในบริเวณนี้ 2 นัด ตำรวจนิฐานว่าหากรถของผู้ก่อเหตุขับมาเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้าจริง ต้องได้รับความเสียหาย ก่อนจะต้องมีผู้ร่วมก่อเหตุขับรถมาเปลี่ยน และมานำรถที่รับความเสียหายออกจากพื้นที่หนีไป
ส่วนร่างของสามีที่ถูกยิง ตนคาดว่าน่าจะเสียชีวิตเนื่องจากเสียเลือดมาก ตรวจสอบบริเวณพื้นถนนจากจุดที่ได้ยินเสียงปืนดัง 2 นัด เลยไปตามถนนนั้นก็ยังพบร่องรอยคราบเลือดไปตามทางมุ่งหน้าไปริมทะเล คาดว่าสามีน่าจะถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุโยนทิ้งทะเลเพื่อทำลายหลักฐานก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดว่าสามีของตนไปมีปมปัญหาขัดแย้งกับใคร ตำรวจตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเข้ามาเป็นวันครั้งสุดท้าย คาดว่าน่าจะเป็นผู้โทรมาหาสามีให้ออกไปที่บ้านจุดเกิดเหตุ หากตนมีโอกาสได้พูดกับทางผู้ก่อเหตุก็อยากจะถามว่า "ทำแบบนี้ก็จุดประสงค์อะไร" พร้อมทั้งอยากจะให้ทางเจ้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามขั้นตอนให้ได้โดยเร็ว เพราะคิดว่าปมเหตุการเสียชีวิตในครั้งนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ อีกทั้งหากสามีเสียชีวิตแล้วจริงก็อยากจะนำศพมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้ถูกต้อง
ด้านนายบำรุง ดีมีศรี อายุ 67 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุ เล่าว่า บริเวณดังกล่าวเป็นศาลาที่ตนเองได้เตรียมน้ำเตรียมกาแฟไว้ ร่วมถึงติด wifi ชาวบ้าน เพื่อน ๆ และวัยรุ่นมักแวะมาดื่มกาแฟ ในช่วงค่ำวันที่ 2 พ.ค. 64 ได้นั่งกับคนในครอบครัวประมาณ 4 คน ก่อนจะเข้าบ้านตอนเกือบ 21.00 น. แล้วก็หลับไป มารู้ตัวอีกครั้งตอนประมาณตี 3-4 ตำรวจมาที่บ้านถึงทราบเรื่อง ตอนเกิดเหตุก็ไม่ได้ยินเสียงผิดปกติใด ๆ
น.ส.ครีม (นามสมมติ) ลูกสะใภ้ผู้สูญหาย กล่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 01.00 น. บ้านของตนที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 300 เมตร ได้ยินเสียงปืนดังสนั่นขึ้นจำนวน 1 นัด ตนก็ยังพูดกับแฟนอยู่ว่า "ใครมายิงกันแถวนี้" แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นเสียงปืนที่ผู้ก่อเหตุใช้ยิงนายโกสน กระทั่งมาทราบข่าวจากแม่ว่านายโกศลถูกผู้ก่อเหตุยิงและนำร่างหลบหนีไป ตนก็รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งอยากจะให้ทางเจ้าที่ตำรวจเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายให้ได้โดยเร็ว เนื่องจากผู้ที่สูญหายเป็นคนดี
ซึ่งหากมีโอกาสได้พูดกับทางกลุ่มผู้ก่อเหตุก็อยากจะบอกว่าให้เข้ามอบตัวกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหากนำร่างของนายโกสนไป ก็อยากจะให้นำกลับมาคืนคนในครอบครัว หากเสียชีวิตจริงจะได้นำร่างมาทำตามขั้นตอนของศาสนาให้ถูกต้อง พร้อมทั้งหากนายโกสนเสียชีวิตแล้วจริงนั้น ก็อยากจะให้วิญญาณมาเข้าฝันบอกหรือสื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรู้เบาะแสคนร้าย เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดี
นายวีรฉัตร นาคปถุม อายุ 37ปี ลูกน้องของผู้สูญหาย เผยว่า ตนมาทำงานบนเรือของผู้เสียชีวิต หาอาหารทะเลมานานเกือบ 1 ปี เท่าที่สัมผัสมาเจ้าตัวก็เป็นคนที่นิสัยดี ลูกน้องไม่เห็นเคยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับใคร หลังเกิดเหตุตนก็รู้สึกตกใจ เมื่อทราบข่าวว่านายหัวถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงและพาร่างหายไป จึงคิดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้น แต่ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด ถึงอยากให้ทางเจ้าที่ตำรวจดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายหาตัวนายหัวให้เจอโดยเร็ว
ขณะที่ภรรยาของผู้สูญหาย ไลฟ์เฟซบุ๊ก เล่าว่า หลังจากตนได้ไปดูหมอดู ก็ทักว่าสามีของตนชะตาขาด ตายแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เพราะโดนอุ้มฆ่าไปในป่า
และตอนนี้ร่างอยู่กลางทะเล สามีไม่สามารถขึ้นมาเองได้ เพราะถูกของหนักถ่วงร่างไว้ ถ้าหากมีบุญจะได้ขึ้นน้ำมาเอง ตนเสียใจมาก และทำใจไว้แล้วว่าสามีอาจจะเสียชีวิต แต่ก็อยากจะได้ร่างมาทำพิธีทางศานาต่อไป