กรณีสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ รับเรื่องจากนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้เสนอต่อที่ประชุมประชุมมหาเถรสมาคม เพื่อพิจารณาถึงการแสดงออกทางความคิดเห็นของ พระมหาสมปอง ตาลปุตโต วัดสร้อยทอง ที่ออกมาวิจารณ์รัฐบาลในเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำ และบริหารงานรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 ตามที่ปรากฏเป็นคลิปวิดีโอบนสังคมออนไลน์นั้น
ล่าสุดวันที่ 4 พ.ค.64 ที่ประชุมมหาเถระสมาคม มีมติเห็นว่าการกระทำดังกล่าวของพระมหาสมปอง เข้าข่ายการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง และเป็นการแสดงออกที่ไม่เหมาะสม จึงได้มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ประสานพระสังฆาธิการที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่อไป
นอกจากนี้ บนโลกออนไลน์ยังมีคลิปวิดีโอของ พระมหาสมปอง สนทนากับ "สมพงษ์ คุนาประถม" หรือ อี๊ด โปงลางสะออน ที่วิจารณ์ประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่พัฒนาหรือยัง ซึ่งหนุ่มอี๊ก ก็บอกเล่นมุกว่า "ไทยเป็นประเทศยังไม่พัฒนา" แต่พระมหาสมปอง ตบมุกว่า "อย่าดูถูกประเทศไทย เพราะไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ได้แค่นี้" ก่อนจะแซวทิ้งท้ายคลิปว่า "ทหารจะมารับตัว"
ดร.วุฒิกร เดชกวินเลิศ ประธานสโมสรจัมปาศรี ยูไนเต็ด เปิดเผยว่า ภายหลังจากกระแสข่าวว่าพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต พระนักเทศน์ชื่อดังเข้ามาเป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของทีมสโมสรจัมปาศรี ยูไนเต็ด ไม่คิดว่าจะมีกระแสจะดีขนาดนี้ จริง ๆ แล้วเป้าประสงค์ของการเชิญท่าน คือ เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลแก่ทีม เป็นความตั้งใจที่จะนำเรื่องวัฒนธรรมอันดีงามของพุทธศาสนา มาช่วยในเรื่องของกีฬา เสริมสร้างทางด้านจิตใจให้มีจิตใจที่ดี รู้จักแพ้ ชนะ และให้อภัย
เพราะพระมหาสมปองก็เป็นตัวอย่างที่ดี ตนมีโอกาสติดตามท่านจากทางสื่อต่าง ๆ และได้นำสิ่งเหล่านั้นมาใช้ในการทำกีฬาฟุตบอล เป็นบุญของทีมมาก ๆ ที่ทางทีมบริหารได้รู้จักท่านเป็นการส่วนตัว แล้วท่านก็ชอบในกีฬาฟุตบอลมาก โดยที่ท่านรับเป็นที่ปรึกษาโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน ตนก็ไม่มีอะไรให้ท่าน
ส่วนเรื่องอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวมา ตนไม่ได้มีเจตนาที่จะทำให้เป็นประเด็น แต่ก็กราบขอบพระคุณแฟนกีฬาฟุตบอลที่เป็นห่วง ถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่จะทำให้ฟุตบอล โดยเฉพาะฟุตบอลท้องถิ่น ที่ไม่ได้มีงบประมาณมากมาย มีโอกาสได้พัฒนาฟุตบอลในระดับรากหญ้าไปสู่สิ่งที่วาดฝันได้ในอนาคต
ขณะที่ “พระมหาไพรวัลย์” กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า ถ้าภาครัฐไม่ให้พระเตือนสติ แต่อยากให้ชื่นชมเพียงอย่างเดียว อาตมาคิดว่าสังคมไทยก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพราะพระก็คือพลเมืองคนหนึ่งของประเทศไทย มีสิทธิ์มีเสียงที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น หากภาครัฐมองว่านี่คือคำแนะนำที่ดี ก็แค่ปรับปรุง แล้วผลดีมันก็จะเกิดขึ้นกับรัฐบาลเอง อีกอย่างประเด็นที่ “พระมหาสมปอง” พูดนั้น ไม่ได้เป็นประเด็นการเมือง หรือการปลุกระดมให้คนออกมาล้มล้างรัฐบาล แต่เป็นประเด็นสังคมเกี่ยวกับโควิด-19 อุปกรณ์ทางการแพทย์ เตียงผู้ป่วยที่ไม่เพียงพอเท่านั้น
นอกจากนี้ “พระมหาสมปอง” ก็พูดแหย่เรื่องการเมืองมานานมากแล้ว แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครจัดการ โดยเฉพาะท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตนก็อยากฝากบอกว่า หากคุณนำงบประมาณส่วนอื่นมาช่วยชาวบ้านท่ามกลางสถานการณ์แบบนี้ ก็จะทำให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือที่ดีกว่านี้
ดังนั้นอยากให้ดูว่าสิ่งที่ “พระมหาสมปอง” พูดเป็นคำสัตย์จริงหรือว่าเป็นคำเท็จ ท่านมีความประสงค์จะประทุษร้ายต่อรัฐบาลหรือเปล่า หรือสิ่งที่ท่านพูดเพียงแค่อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือประชาชนให้ดีขึ้น ให้พระท่านได้เตือนสติกันบ้าง มิใช่พระเตือนแล้วจะใช้กฎหมายมารังแกพระ ถ้าเป็นแบบนี้อาตมาขอถามท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า “คุณจะได้กัลยาณมิตรจากใคร?
อย่างไรก็ตาม “พระมหาไพรวัลย์” ยังฝากข้อความถึงพระมหาสมปอง ว่า “อาตมาไม่ได้เห็นด้วยกับทุกอย่างที่ท่านทำ เพราะบางอย่างอาจจะเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่กับเรื่องนี้อาตมาไม่ได้เห็นว่าท่านมีความผิดอะไร”
Advertisement