จากกรณีนางสาวพิชชาพร คิดชอบ อายุ 32 ปี หญิงไทยมีสามีเป็นชาวต่างชาติ ชื่อนาย เจสัน อายุ 32 ปี สัญชาติอเมริกา หลังหายตัวไปตั้งแต่ 2 พ.ค. 64 ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ได้ 4 เดือน หลังตำรวจพบหลักฐาน จากคลิปหน้ากล้องรถว่านายเจสันมีการนำฟูกที่นอนเปื้อนเลือดไปทิ้งไกลจากหมู่บ้าน 10 กิโลเมตร และหายตัวไปด้วยนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- พิรุธ! สาวท้องหายลึกลับ ผัวฝรั่งทิ้งของเปื้อนเลือดก่อนเผ่น ขุดคดีเก่าโผล่หวิดฆ่าสาว
วันที่ 6 พ.ค. 64 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับตัวนายเจสัน ได้ในพื้นที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ ขณะที่เจ้าตัวบังคับโดรนเพื่อดูภาพมุมสูงอยู่ พบบาดแผลถลอกที่แขนใกล้ข้อศอก และขาซ้ายด้วยนั้น สอบเค้นจนทราบว่าก่อเหตุฆาตกรรมภรรยาและนำศพไปยัดถังทิ้งในป่า ก่อนหลบหนีข้ามมาที่ จ.เชียงใหม่นั้น
นางอนงค์ ตันยา อายุ 52 ปี แม่ของผู้สูญหาย บอกว่า ได้ยินข่าวว่าสามารถจับตัวนายเจสันได้แล้ว แต่ก็ยังเป็นเพียงแค่ข่าวลือ ตนยังไม่ได้เห็นนายเจสันเป็นตัวเป็นตน ก็ไม่รู้ว่าจริงแค่ไหน แต่ก็พอมีกำลังใจที่จะตามหาลูกต่อไป ถ้าจับตัวได้แล้วจริง ๆ ก็ภาวนาให้เจสันยอมเผยว่าเอาลูกแม่ไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้สภาพจิตใจแม่ไม่ดี เมื่อคืนกินข้าวไม่ได้นอนไม่หลับ ใจคิดถึงแต่ลูก ร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล
ในช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้มีโอกาสเข้าไปปูพรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็รู้สึกขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกภาคส่วน ที่เข้ามาช่วยเหลือในการค้นหาลูกสาวของตน ตนเห็นว่าเจ้าหน้าที่ร่วมมือร่วมใจกัน จึงมีความเชื่อมั่นในฝีมือเจ้าหน้าที่ตำรวจเลยไม่ได้ไปดูหมอทรงที่ไหนเพิ่มเติม
ส่วนเรื่องจดหมาย ที่นายเจสันเขียนถึงอีกบุคคลหนึ่งที่ชื่อจิมมี่ ยืนยันว่าไม่รู้จักจิมมี่ และลูกสาวของตนไม่เคยมีแฟนเก่าเป็นชาวต่างชาติ นายเจสันเป็นสามีคนแรกที่เป็นชาวต่างชาติ เนื้อหาข้อความตนคาดว่านายเจสันเขียนเพื่อเบี่ยงเบนให้คนเข้าใจว่าลูกสาวของตนไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น ซึ่งลูกสาวของตนไม่เคยมีนิสัยแบบนี้ เป็นคนค่อนข้างซื่อ ๆ จริงใจ รักใครรักจริง หากจับตัวได้แล้วจริง ๆ แล้ว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพราะตนไม่รู้กฎหมาย
ทีมข่าวได้ข้อมูลว่าคนรายจะผ่านจุดตั้งด่านยาเสพติดของชุมชน ซึ่งมีกล้องวงจรปิดจับภาพได้ หลังหลบหนีออกจากบ้านที่เกิดเหตุ ช่วงวันที่ 3 พ.ค. 64 เวลา 17.58 น. คนร้ายขับรถมาจากน่าน มุ่งหน้าแพร่ ผ่านถนนทางหลวงชนบท 1026
โดยขับรถหน้าตาเฉย ไม่สวมหมวกกันน็อก ใส่หน้ากากอนามัย ใส่แว่นตากันลม ผ่านด่านมุ่งหน้าตามทาง จ.แพร่ ไม่ได้มีท่าทีเร่งรีบแต่อย่างใด
น.ส.ณัฐชญา ธนภัคพลชัย ผู้ให้เบาะแสพาทีมข่าวเดินดูพื้นที่ลักษณะเป็นถนนเลนเดียว ทางลูกรัง อยู่ท้ายหมู่บ้าน ซึ่งเป็นทางตัด สุดท้ายเป็นสวนของชาวบ้าน เปิดเผยว่า วันที่ตนเองเห็นรถคนรายคือวันที่ 3 พ.ค.64 ช่วง 20.00-21.00 น. ตอนนั้นตนเองอยู่ที่บ้าน ซึ่งอยู่ท้ายหมู่บ้าน โดยได้ยินเสียงรถคนร้าย ท่อไอเสียค่อนข้างดัง ขับเข้ามาท้ายชุมชนเลยบ้านตนเข้าไปราว 5-10 นาที คาดว่าหาทางไปต่อไม่เจอ จึงย้อนกลับมาผ่านบ้านตนอีกครั้ง
จังหวะกลับออกมา คนร้ายน่าจะขับรถล้มเนื่องจากถนนลื่น พื้นที่มีฝนตกเล็กน้อย และคนร้ายมีการเร่งเครื่องยนต์ยิ่งทำให้จำได้ ประกอบกับหลังจากข่าวเริ่มดัง หลานตนเองซึ่งอยู่บ้านอีกหลังหนึ่งมาเล่าว่า เห็นชายชาวต่างชาติขับรถจักรยานยนต์สีแดง ท่อดังเข้ามา ซึ่งเป็นคันเดียวกันกับที่เป็นข่าว รถคันนี้ปกติไม่เคยเข้ามาในหมู่บ้าน และหมู่บ้านไม่มีรถท่อดัง ทำให้เป็นที่จดจำง่าย เส้นทางหมู่บ้านตนเป็นทางตัน แต่คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้เส้นทางน่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน เพื่อไปเชียงใหม่ อีกทั้งเส้นทางนี้ใกล้กว่าเส้นทางอื่น
ตนเองยังได้ข้อมูลจากชาวบ้านเพิ่มเติมว่าช่วงเช้าของวันที่ 4 พ.ค. เห็นคนร้ายเร่งเครื่องยนต์ผ่านหมู่บ้าน จึงคาดว่าชายชาวต่างชาติอาจพักอยู่ตามเถียงนา
ทีมข่าวย้อนรอยไปยังจุดเกิดเหตุหมู่บ้านน่านเจ้า ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน เป็นป่าข้างทางระยะมีระยะทางห่างประมาณ 6.2 กิโลเมตร นางจงรัก สมร อายุ 53 ปี ชาวบ้านใกล้จุดพบศพ บอกว่า ช่วงเวลาวันเกิดเหตุวันที่ 2 พ.ค.64 ตนนอนหลับตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00 น. พอตกช่วงดึกก็ได้ยินเสียงเห่า เป็นเรื่องปกติว่าหมาที่บ้านตนจะเห่าเสียงดังตอนกลางคืน แต่เส้นทางที่ผ่านหน้าบ้านตน ยอมรับว่าค่อนข้างเปลี่ยว กลางคืนไม่ค่อยมีคนขับรถผ่านเส้นนี้
ส่วนตัวรู้สึกตกใจว่ามีชาวบ้านมาบอกว่ามีคนเอาศพมาทิ้งไว้ใกล้บ้านตน แต่ตนก็ไม่ได้กลัว มองว่าคนก่อเหตุทำรุนแรงเกินไป ตนอยากทราบสาเหตุว่าทำไปเพราะอะไร ปกติแล้วตนเป็นแฟนข่าวอมรินทร์ทีวี ก็ติดตามข่าวเป็นประจำ ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุอาชญากรรมใกล้บ้านตัวเอง
นายธีรชาติ ต๊ะดี เพื่อนบ้านผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองเห็น น.ส.โอ ล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย.64 ตอนนั้น น.ส.โอ ขับรถกระบะกลับมาพร้อมกับนายเจสันเข้ามาที่บ้านพัก ซึ่งเป็นภาพปกติที่จะเห็นผู้หญิงเป็นฝ่ายขับรถ และผู้ชายจะลงมาเปิดประตูบ้าน ทุกอย่างดูปกติ แต่หลังจากนั้นไม่เห็นผู้ตายแล้ว เห็นและนายเจสัน ซึ่งตนเห็นความแปลกคือ นายเจสันออกมาตัดหญ้าหน้าบ้านช่วง 21.00 น. พฤติกรรม 2 คนนี้มักคุยกันเสียงดัง ร้องเพลงคาราโอเกะ แต่ช่วงก่อนจะมาทราบข่าวรู้สึกแปลก ๆ
นอกจากนี้ในวันที่ 3 พ.ค. ตนเองก็เห็นว่ามีรถวิบากคันที่นายเจสันใช้หลบหนีเพิ่งมาส่ง แต่นายเจสันไม่อยู่บ้านพร้อมรถกระบะ ซึ่งทราบภายหลังจากตำรวจว่าผู้ตายเป็นคนซื้อรถคันนี้ให้ หลังจากนั้นตนก็เห็นนายเจสันกลับเข้ามาบ้าน ก่อนแม่ฝ่ายหญิงมาและนายเจสันก็ขับรถออกไป ซึ่งแปลก เพราะปกตินายเจสันไม่เคยขับรถกระบะ ตนไม่คิดว่านายเจสันเตรียมการ เพราะที่ผ่านมาก็ดูซื้อของเข้าบ้าน เหมือนจะปักหลักอยู่แบบจริงจัง ส่วนถังขยะเขียว ยืนยันว่าในหมู่บ้านไม่มี คาดว่าคงซื้อมาใหม่ ตามห้างสรรพสินค้าที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านพัก
ข้อมูลจากหน้าเว็บไซต์ กรมตำรวจโคโลราโด สำนักงานที่เมืองมี้ด (Mead) ซึ่งเป็นท้องที่ล่าสุดที่เจสันถูกจับกุมในสหรัฐฯ ตรวจสอบพบข้อมูลว่า เจสันเพิ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เมืองมี้ด จับกุมตัวล่าสุดเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 63 ที่ผ่านมา หลังจากที่เจสัน วัย 32 ปี ขับรถฝ่าไฟแดง ด้วยรถที่ติดป้ายทะเบียนปลอม โดยเจสันถูกจับกุมพร้อมกับเพื่อนของเขาที่นั่งมาในรถ ตำรวจยังพบอาวุธปืนชนิดต่าง ๆ จำนวนมากถึง 72 กระบอก
หลังถูกจับ ตำรวจเมืองมี้ด ที่โคโลราโด ได้สอบสวนขยายผล ก่อนที่บุกไปตรวจค้นโกดังเก็บของแห่งหนึ่งของเจสัน และพบอาวุธปืนถูกซุกซ่อนอยู่อีก 7 กระบอก ทำให้จำนวนอาวุธปืนที่ตำรวจยึดได้มีทั้งสิ้น 79 กระบอก หลังจากนั้น ตำรวจได้ส่งตัวเจสันฝากขังชั่วคราวที่เรือนจำในเขตปกครอง เวลด์ เคาน์ตี้ เพื่อรอการพิจารณาคดีในชั้นศาล เมื่อ 31 ธ.ค. 63 แต่นายเจสันได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว และหลบหนีมายังประเทศไทย
นอกจากนี้ นายเจสัน มีประวัติอาชญากรรมยาวเหยียดในสหรัฐฯ ประกอบด้วย คดีละเมิดคำสั่งคุ้มครอง ห้ามเข้าใกล้บุคคลตามคำสั่งศาล จำนวน 74 คดี ดีครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยไม่ได้รับอนุญาต 2 คดี คดีครอบครองอาวุธร้ายแรง (อาวุธที่ใช้ในสงคราม) 2 คดี คดีทำร้ายร่างกายอดีตแฟนสาว 1 คดี เมื่อวันที่ 6 ธ.ค. 62 ศาลตัดสินให้เจสันรับโทษจำคุกเป็นเวลา 2 ปี แต่โทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญา
จากข้อมูลทั้งหมด นายเจสัน แม็ทธิว บัลเซอร์ วัย 32 ปี มีคดีอาชญากรรมติดตัวรวมทั้งหมด 79 คดี ก่อนหลบหนีเข้ามายังประเทศไทยและล่าสุดฆาตกรรมภรรยาชายไทย