จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อย vplus" โพสต์ภาพพร้อมบรรยายข้อความระบุว่า ภรรยา"ผู้สูญหาย"ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งสามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังนั้น จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านในขณะนั้นยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายเจ้าของบ้านบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นตัวเองหลับอยู่ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้าตามทาง แต่ไม่พบตัวสามี ตอนนี้ก็ยังไม่เจอว่าเป็นยังไง ถึงจะไม่มีชีวิตอยู่ อย่างน้อยขอเจอตัวเพื่อทำพิธีก็ยังดี จากการตรวจสอบ ผู้สูญหายสวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือ 10 บาทด้วยนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดปมเสี่ยโกสนถูกอุ้มโยง 2 ตระกูลตาย 6 ศพต้องสาบานสงบศึก เมียหวั่นซ้ำรอย
- พลิกแผ่นดินหาร่างเสี่ยโกสน "พยาน" เปิดปากถูกกดหัวปืนยิง - เมียหวั่นถูกทิ้งทะเล
- ส่อถูกเก็บ! หนุ่มใหญ่หายตัวจากวงเหล้า เมียล่องเรือหาร่าง ดันเจอสาวใหญ่นิ้วขาด
- หนุ่มหายปริศนารอยเลือดโผล่เป็นทาง เมียหวั่นถูกอุ้มฆ่า คาใจเพื่อนวงเหล้ามีแผล
วันที่ 7 พ.ค. 64 ช่วงเช้าที่ผ่านมาชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบและสืบสวนภาค 8 ได้บุกเข้าไปควบคุมตัวชายต้องสงสัย ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายโกสน
โดยได้นำตัวมาสอบสวนปากคำที่กองกำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบช.ตร., พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก.สส.ภาค 8 และพ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้ร่วมกันสอบสวนจากปากคำ
โดยใช้เวลากว่า 6 ชั่วโมงจึงยอมเปิดปากรับสารภาพว่าเป็นผู้นำศพนายโกสนที่ถูกยิงเสียชีวิต อุ้มขึ้นใส่รถนำมาฝังในป่าบ้านทุ่งใสไช หมู่ 5 ต.พุมเรียง อ.ไชยา ชายคนดังกล่าว ชื่อเล่นว่าแน็ก อายุประมาณ 30 ปี
พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.จึงพร้อมด้วย พล.ต.ต.นภันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผบก. สส.ภาค 8 พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี และกำลังตำรวจ ได้นำผู้ชายดังกล่าวรีบเดินทางไปยังพื้นที่ถูกระบุเป็นสถานที่ฝังศพนายโกศล ถนนเส้นทางเลียบชายทะเลบ้านแหลมทราย พื้นที่สาธารณะประโยชน์ทุ่งใสไช หมู่ 5 ต.พุมเรียง อ.ไชยา ปัจจุบันศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายฝั่ง มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานีเป็นผู้ใช้ประโยชน์ และมี อาณาเขตติดต่อกับที่ดินของผู้ต้องสงสัยรายหนึ่ง มีเส้นทางเข้าไปในสวนปาล์มเป็นป่ารกห่างจากปากทางเลียบชายทะเลเข้าไปประมาณ 1 กิโลเมตร ได้นำไปชี้จุดที่ฝังศพ
อย่างไรก็ตาม บริเวณดังกล่าวซึ่งผู้ต้องสงสัยรายนี้ให้การรับสารภาพ เป็นพื้นที่ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดี เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมาว่าพบหลุมขนาดใหญ่มีลักษณะการถูกฝังกลบใหม่ และต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบ พบหลุมดินมีร่องรอยลักษณะเพิ่งถูกขุดดินใหม่ จึงนำรถแบ็กโฮมาขุดลึกประมาณ 1 เมตร พบไฟแช็กและธนบัตรฉบับละ 100 บาท
ทั้งนี้ ผู้รับสารภาพยืนยันว่า เมื่อคืนวันที่ 2 พ.ค.64 หลังมีการก่อเหตุยิงนายโกสนเสียชีวิตได้นำศพมาฝังที่นี่จริง โดยตนเองได้ร่วมกับพวกอีก 3 คนเป็นผู้นำศพใส่ท้ายรถยนต์กระบะมา ไม่ได้ห่อศพ จึงคาดว่าศพอาจจะถูกเคลื่อนย้ายออกจากจุดดังกล่าวก่อนที่เจ้าหน้าที่จะมาตรวจพิสูจน์เมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่ผ่านมา การเข้าตรวจค้นครั้งล่าสุด ได้มีการนำรถแบ็กโฮมาเพื่อขุดทราย และดินบริเวณดังกล่าวพร้อมทั้งได้มีการเก็บตัวอย่าง และได้มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่กระจายค้นหาบริเวณใกล้เคียง ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณปากทางเข้าของจุดที่พบหลุมขนาดใหญ่ พบรอยเลือด
นายโน๊ต (นามสมมติ) ชาวบ้านหาเห็ด เปิดเผยว่า ตนเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ได้มาหาเห็ดบริเวณจุดดังกล่าว เหมือนตามปกติ ตั้งแต่วันที่ 4 พ.ค. ได้เห็นความปกติบริเวณบ่อดิน มีร่องรอยเหมือนมีคนมาขุดอะไรบางอย่าง พร้อมทั้งเจอเงิน 100 บาท และไฟแช็กหนึ่งอันตกอยู่ ด้วยความที่ตนก็ทราบข่าวว่าขณะนี้เกิดกรณีนายโกสนถูกยิง และนำร่างไปทิ้งไว้ที่ไหนสักแห่ง คนในครอบครัวกำลังออกตามหากันเชื่อว่าอาจจะถูกฝังไว้ภายในพื้นที่ ต.ตะกรบ ตนจึงทำการแจ้งเจ้าที่ตำรวจให้เป็นเบาะแสในการติดตาม กระทั่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่มาทำการขุดเจาะกันภายในบริเวณนี้ อย่างไรก็ตาม ตนก็ไม่ทราบรายละเอียดอะไรแน่ชัด เพียงแค่หวังดี และอยากให้พบร่างของนายโกสนโดยเร็ว
ขณะที่ช่วงเวลา 10.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาที่หมู่ 5 ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจากในวันนี้ทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ชาวบ้านตามมารวมตัวเพื่อประชุมเตรียมที่จะวางแผนการออกค้นหากันเป็นวันที่ 6 โดยในวันนี้มีชาวบ้านจำนวนกว่า 30-40 คนรอช่วยคนหาในวันนี้
เวลา 09.00 น. ทุกคนก็เริ่มออกค้นหากันบริเวณพิ้นที่ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ใกล้บ้านนายสุรัตน์ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านเห็นมีแบ็กโฮเข้ามาขุดอยู่บ่อยครั้ง หลังจากเกิดเรื่องจึงเป็นจุดต้องสงสัย จากการสำรวจพบว่ามีจำนวน 3 จุดด้วยกัน แต่จากการสำรวจพบว่าไม่เจออะไร กระทั่งมีอีกจุดหนึ่งที่ชาวบ้านไปพบว่าคล้ายกับมีคนมาขุดฝั่งอะไรบางอย่าง จึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไชยาทำการขุด
นายดำ (นามสมมติ) ผู้นำชุมชน เปิดเผยว่า ในวันนี้ทุกคนจะช่วยกันค้นหา บริเวณรอบพิ้นที่ ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี จุดใกล้กลับบ้านของนายสุรัตน์ ซึ่งเป็นจุดที่ชาวบ้านเห็นมีแบ็กโฮเข้า-ออก มาขุดอยู่บ่อยครั้งหลังจากเกิดเรื่องจึงเกิดความสงสัย และอยากลองมาสำรวจดู โดยในวันนี้มีชาวบ้านมากกว่า 30 คนที่มาช่วยกัน ตนมีความคาดหวังที่อยากจะเจอศพของผู้เสียชีวิตโดยเร็ว เนื่องจากไม่อยากให้ระยะเวลายืดเยื้อไปนาน เพราะชาวบ้านก็ช่วยกันค้นหาอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
ทั้งนี่ก็อยากจะให้กำลังใจครอบครัวนายโกสน และชาวบ้านทุกคนที่รู้จักนายโกสน และรู้ว่าทุกคนต่างเสียใจ และไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ก็อยากให้ทุกคนสู้ต่อ อย่างน้อยก็ขอให้คนผิดได้มารับโทษตามขั้นตอนของกฎหมาย และได้เจอร่างของนายโกสนโดยเร็ว
หลังจากนั้น เวลา 14.00 น. นายธีรศักดิ์ อินทจักร์ พี่ชายของนายโกสน ได้เดินทางไปที่บริเวณวัดตะกรบ ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎ์ธานี ซึ่งเป็นจุดที่พบร่องรอยรถของกลุ่มผู้ก่อเหตุมาประสบอุบัติเหตุ และพบรอยเลือดของผู้เสียชีวิต ก่อนเริ่มทำการค้นหา นายธีรศักดิ์ ได้ทำการจุดธูป 3 ดอก เพื่อทำการขอพรกับรูปปั้นพระครูชยาภิวัฒน์ หลวงพ่อที่คนในพื้นที่นับถือให้ช่วยบันดาลหาร่างของนายโกสนให้พบ
นายธีรศักดิ์ อินทจักร์ พี่ชายของนายโกสน กล่าว่า พระครูชยาภิวัฒน์ เป็นหลวงพ่อที่คนในพื้นที่นับถือ จึงมาขอพรให้ช่วยบันดาลหาร่างของนายโกสนให้พบ เนื่องจากชาวบ้านก็ตามหากันหลายที่แต่ก็ยังไม่พบ ตนจึงตัดสินใจอยากย้อนมาลองค้นหาในบริเวณนี้อีกครั้ง เพราะเป็นจุดที่เชื่อว่าน้องชายถูกพาร่างผ่านมาบริเวณนี้ และอาจจะพบร่างของน้องชายตน
จากข้อมูล ข้าราชการในสายตำรวจรวมทั้งฝ่ายปกครองใน อ.ไชยา ได้เข้าร่วมพิธีดื่มน้ำสาบานต่อหน้าพระสารีริกธาตุ ภายในวัดพระบรมธาตุไชยาวรมหาวิหาร เพื่อยุติการฆ่าล้างแค้นของ 2 ตระกูลใน อ.ไชชยา คือ ตระกูล "ยังอ้น" กับตระกูล "เศวตศิลป์" โดยมีพระครูพิเศษเขมาจาร วัดศรีสุวรรณ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมเป็นสักขีพยาน
โดย 2 ตระกูลดังกล่าวได้ฆ่าล้างแค้นกันถึง 6 ศพ โดยต่างฝ่ายต่างสูญเสียคนในครอบครัวไปฝ่ายละ 3 ราย ด้วยการใช้อาวุธสงครามในการก่อเหตุทั้งสิ้น กระทั่งมีการร้องเรียนไปยังกองปราบปรามเพื่อคลี่คลายคดีของการฆ่าล้างแค้น 2 ตระกูล และมีการตรวจค้นบ้านพักทั้ง 2 ฝ่าย ได้อาวุธไปจำนวนมาก ทั้งนี้ การฆ่าล้างแค้นติดต่อกันรวม 6 คดี เกิดขึ้นนับตั้งแต่ปี 2547 ต่อเนื่องมาจนถึงมีนาคม 2550 โดยชนวนเหตุเกิดมาจากผลประโยชน์จากการถือครองที่ดินใน อ.ไชยา จ.สุราษฏร์ธานี
นายรัก (นามสมมติ) อายุ 36 ปี หลานของนายเหม๋ ญาตินายโกสนที่ถูกยิงเสียชีวิต ผ่าท้องยัดหินใส่มัดเชือก นำถ่วงทะเลในอดีต
เผยว่า เรื่องของนายเหม๋ผ่านมานานกว่า 8 ปี ย้อนกลับไปช่วงที่เกิดเหตุ ขณะนั้นนายเหม๋ไปร่วมงานศพของญาตินายสุรัตน์ ที่ถูกจัดขึ้นที่บ้านฝั่งตรงข้าม ในวันนั้นถ้าตนจำไม่ผิด นายเหม๋ได้เข้าไปที่งานศพ
โดยเจ้าตัวใส่ทองหนักกว่า 10 บาท ขณะที่นายเหม๋เข้าไปเล่นแล้วขอตัวกลับบ้าน แต่ในช่วงที่กำลังจะเดินออกมา ไฟในงานศพก็ดับ ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 3-4 นัด และนายเหม๋ก็หายไปนาน 5-6 วัน คนในครอบครัวก็ออกตามหากัน กระทั่งมีชาวบ้านออกเรือไปหาของทะเล โดนกับเชือกที่นายเหม๋ถูกถ่วงไว้กลางทะเล ศพลอยขึ้นมา มีร่องรอยการผ่าท้อง คาดว่าใช่หินยัดใส่เข้าไปแทนก่อนมัดเชือกให้ศพจม แล้วคดีก็เงียบไป
ซึ่งตนก็เชื่อว่าน่าจะเป็นฝืมือของพวกที่มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงเกิดความไม่พอใจเห็นนายเหม๋อยู่กับฝั่งที่ขัดแย้ง จึงทำการฆ่าทิ้ง ปมปัญหาธุรกิจ และชิงทรัพย์ โดยตนมองว่ากรณีของนายโกสนที่เป็นญาติก็คงจะเช่นเดียวกัน เพราะส่วนตัวชาวบ้านในพื้นที่ก็รู้ดีว่าเป็นผู้มีอิทธิพล และไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้ายุ่งเกี่ยวด้วย อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าหากคนในครอบครัวไม่สู้ ปล่อยให้เรื่องเงียบไปอีกก็ต้องเกิดเหตุการณ์ในลักษณะดังกล่าวซ้ำอีก