เป็นอีกคนที่ตั้งใจจะออกมาระบายความลำบากในช่วงสถานการณ์โควิด 19 แต่กลับโดนชาวเน็ตโฟกัสผิดจุดโยงเข้าการเมือง สำหรับนักแสดงหนุ่มเปิ้ล นาคร หลังโพสต์ข้อความในไอจีส่วนตัวว่า “2 ร้านอาหาร ค่าเช่า 1 ล้าน ค่าพนักงาน 1 ล้าน ยอดขายหลักพันต่อวัน” ชาวเน็ตจึงแห่กันเข้ามาคอมเมนต์ว่า “พี่เป่านกหวีดเอาเข้ามาเองป่ะคะ” จากนั้นก็คนมาร่วมผสมโรงด้วยอีกเพียบ
ล่าสุดวันที่ 7 พ.ค.64 พี่เปิ้ล จึงออกมาเคลียร์เรื่องดังกล่าวกับสื่อมวลชน โดยเจ้าตัวบอกว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เปิดใจพูดถึงเรื่องจุดยืนทางการเมืองของตัวเอง ทั้งนี้พี่เปิ้ล กล่าวว่า ม็อบเป่านกหวีดตนไปมาจริง แต่ม็อบเสื้อแดงก็ไป ม็อบเสื้อเหลืองก็ไป ตนไปมาทุกม็อบแล้ว และไปม็อบละ 1 วัน เพราะตนอยากรู้อยากหาคำตอบว่าคนที่ไปเขาพูดคุยอะไรกัน สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปมา 2 ข้อ
ข้อแรกคนที่ไปม็อบคือคนดีทุกคน คนที่มีจิตใจอยากจะเห็นประเทศ ณ ตอนนั้นดีกว่าเดิม ข้อที่ 2 สิ่งที่ตนได้เห็นทำให้รู้เลยว่า มันไม่ใช่หน้าที่ตนแล้ว ตนขอทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดดีกว่า เพื่อที่วันหนึ่งถ้าประสบความสำเร็จก็จะได้ไปช่วยคนที่แย่กว่าได้ ตนขอชื่นชมคนที่ไปต่อสู้ตรงนั้น แต่ตนไม่มีปัญญาแล้ว ขอหยุดการเป็นนักรบ แล้วออกมาเป็นกองหนุนดีกว่า ใครรบกันแล้วบาดเจ็บ ตนจะเข้าไปเยียวยา และต่อให้คนที่ด่าตนหยาบ ๆ ตนก็พร้อมเดินเข้าไปถามว่าเขาขาดเหลืออะไร ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย เพราะตนรักทุกคน นั่นคือจุดยืนที่ตนเลือกที่จะเป็นแล้วในวันนี้
ส่วนใครที่ได้ฟังคำสัมภาษณ์ในวันนี้ไปแล้ว จะด่าตนต่อก็ได้ไม่ว่ากัน แต่ถ้าเข้าใจแล้วก็อย่าด่าเถอะขอร้อง เนื่องจากสงสารคนในชุมชนที่ไม่มีรายได้ เพราะออกไปไหนไม่ได้ พวกตนมีร้านอาหารอยู่แล้ว ต่อให้สถานการณ์ทางร้านแย่ขนาดไหนก็อยากจะช่วย ตั้งใจจะทำอาหารแจกทุกวัน พร้อมถุงยังชีพ ที่ประกอบไปด้วยอาหารแห้งเล็ก ๆ น้อย ๆ และข้าวสารที่พวกตนได้รับการสนับสนุนมา 1 ตัน
สำหรับวันนี้จะมอบให้กับชุมชนคลองเตย โดยจะมีส่วนกลางมารับ แล้วก็ไปส่งต่อให้ตัวแทนของชุมชนอีกต่อหนึ่ง เพราะพวกตนก็ไม่กล้าที่จะเข้าไปในพื้นที่ พยายามเซฟตัวเอง เนื่องจากลูก ๆ ที่บ้านก็ยังเล็ก คุณแม่ก็อายุมาก และในพรุ่งนี้ (8 พ.ค.64) ก็จะมอบให้ที่ชุมชนบ่อนไก่ ส่วนวันที่ 9 พ.ค.64 จะมอบให้ที่พระสมุทรเจดีย์ แล้วคิวถัดไปก็คือดินแดง ซึ่งตนและภรรยาตั้งใจว่าจะทำไปจนกว่ารัฐบาลเปิดให้ทุกคนกลับไปทำงานกันได้ตามปกติ
“เป็นโปรเจกต์ที่จูนอยากทำมาก คิดเมื่อ 2 วันก่อนก็เริ่มเลย เราเห็นชุมชนที่ติดโควิด-19 เยอะมาก ตอนนี้ประเทศไทยค่อนข้างจะสาหัส หมายความว่าไม่สามารถออกไปไหนได้ ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ ก็เลยเกิดโปรเจกต์นี้ขึ้นมา เป็นสิ่งที่เราอยากทำ น่าจะทำไปจนกว่าที่เขาจะเปิดให้ทุกคนกลับไปทำงานกันได้ เพราะตอนนี้อย่าว่าแต่เครื่องมือหาปลาเลย หาปลาสักตัวก็ยังลำบาก ออกไปไหนไม่ได้ ร้านปิด งานต้องหยุด เงินเดือนก็ต้องหยุดไปด้วย ซึ่งตรงนี้มันหนักมากกว่าน้ำท่วม ถึงเวลาที่คนไทยต้องช่วยกันแล้วครับ” พี่เปิ้ล กล่าว
พี่เปิ้ล ยังกล่าวถึงดราม่าที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ว่า ตนก็เข้าใจเขา คือมันเป็นการตัดพ้อของตัวเง แล้วสิ่งที่เราพูดไป เราไม่ได้ต้องการจะด่าใคร เพราะเราไม่ใช่คนชอบด่า สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เกิดขึ้นจากโรคภัยธรรมชาติและเกิดขึ้นทั่วโลก ส่วนมากคนที่ด่าเราก็น่าจะคนเดิม ๆ เอาภาพเก่าเรามาโพสต์แล้วบอกว่า "ก็มึงเป่านกหวีดเรียกเขามาเอง อันนี้พี่เปิ้ลเข้าใจว่าเขาไม่เคยรู้เรื่องบางเรื่องที่พี่เปิ้ลไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ถ้าจะด่าต่อก็ว่ากันไป ม็อบเป่านกหวีด พี่เปิ้ลไปมาจริง แต่สิ่งหนึ่งที่คนไม่เคยรู้เลยคือ พี่เปิ้ลไปมาแล้วทุกม็อบ ม็อบเสื้อแดงก็ไป ม็อบเสื้อเหลืองก็ไป ม็อบเป่านกหวีดก็ไป แต่ไปม็อบละ 1 วันนะ เพราะตัวเองอยากรู้ อยากหาคำตอบว่าคนที่ไปกำลังพูดคุยอะไรกัน"
"ส่วนข้อความที่ด่ามาเนี่ย อยากจะบอกเลยนะ ที่พี่เปิ้ลพูดไปพอจะเข้าใจนะว่าไปมาแล้วทุกสี แล้วก็ชื่นชมคนที่ไปต่อสู้ตรงนั้นด้วย แต่ตัวเองไม่มีปัญญาแล้ว ขอหยุดการเป็นนักรบ ขอออกมาเป็นกองหนุนดีกว่า ใครรบกันแล้วบาดเจ็บ พี่เปิ้ลจะเข้าไปเยียวยา คนที่ด่าที่เปิ้ลถ้าเห็นหน้า ถ้าเจอหน้ากัน สามารถวิ่งเข้ามาด่าได้อีก แต่ต้องสัญญานะว่าด่าพี่แล้วคุณจะมีความสุข เพราะนั่นคืออาชีพของพี่เปิ้ล พี่อยู่วงการนี้มา 30 ปี คือการสร้างความสุข สร้างเสียงหัวเราะ ถ้าน้องด่าแล้วมีความสุข พี่ก็ดีใจ แต่ถ้าเข้าใจแล้วก็อย่าด่าเถอะ จริง ๆ ไม่ค่อยได้อ่านคอมเมนต์ แต่มีคนมาเล่ามาให้ฟัง ก็เลยไปแอบเปิด 4-5 อัน แสดงว่าเขายังไม่เข้าใจ แต่ถ้าตอนนี้เข้าใจแล้วก็มาช่วยกันดีกว่า คนไหนลำบากบอกมาเลย ต่อให้น้องด่าพี่หยาบ ๆ พี่ก็จะเดินเข้าไปถามว่าขาดเหลืออะไรไหม พี่ช่วยได้พี่จะช่วย พี่รักทุกคน นั่นคือจุดยืนที่พี่เปิ้ลเลือกที่จะเป็นแล้วในวันนี้" พี่เปิ้ล กล่าวทิ้งท้าย
Advertisement