กรณีตำรวจ สภ.เมืองสระบุรี พร้อมแพทย์ รพ.สระบุรี และตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบสภาพศพนายธีทัด สาระวงษ์ หลังเสียชีวิตภายในบ้านพักเลขที่ 4/1 หมู่ 5 ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี จากการตรวจสอบผู้เสียชีวิตนอนหงายอยู่บนเตียงนอน ลักษณะคล้ายถูกยิงกรอกปาก เจ้าหน้าที่คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง ส่วนภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้
ล่าสุดวันที่ 9 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ต.หนองปลาไหลอ.เมืองจ.สระบุรี สภาพที่เกิดเหตุ เป็นบ้านชั้นเดียวมุงด้วยสังกะสี ขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่เจ้าของบ้านได้ปิดประตูคล้องกุญแจ ไม่มีใครอยู่บ้านเนื่องจากเดินทางไปรับศพผู้ตายที่ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อ.องครักษ์ จ.นครนายก
สำหรับบ้านหลังเกิดเหตุ อยู่ติดกับกำแพงรั้วของบ้านพักหรูหลังหนึ่ง แต่ตัวบ้านอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 70 เมตร และอยู่ห่างจากร้านขายข้าวแกงประมาณ 100 เมตร ด้านหลังบ้านเป็นป่า และทุ่งนา
ทีมข่าวได้สอบถามข้อมูลกับชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลว่า เมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.64) เวลาประมาณ 20.00 น. ขณะที่ตนนั่งอยู่หน้าร้าน ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ตนได้ยินเสียงดังคล้ายปืนประมาณ 1 นัด แต่ไม่ได้สังเกตว่ามีใครเข้าไปในบ้านหลังเกิดเหตุหรือไม่
กระทั่งเวลาประมาณ 21.00 น. ภรรยาผู้ตายมาพบว่าสามีกลายเป็นศพ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งที่หากบเดินมาที่บ้านตน ตนจึงถามเขาว่าได้ยินเสียงอะไรหรือไม่ บ้านหลังดังกล่าวมีคนเสียชีวิต ชายหากบจึงบอกกับตนว่า ได้ยินเสียงคล้ายประทัดประมาณ 4 ครั้ง มาจากบ้านคนตาย
นางวาสนา สารวงษ์ อายุ 52 ปี ภรรยาผู้ตาย ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ตนกลับจากทำงานประมาณ 17.00 น. ส่วนสามีกลับจากเลี้ยงควายถึงบ้านประมาณ 18.00 น. จากนั้นสามีได้บอกตนให้ไปฟังพระสวดอภิธรรมที่งานศพญาติ แต่สามีไม่ไม่สะดวกมา เพราะเขาเหนื่อย จากนั้นตนและสามีก็ได้กินข้าวในบ้านด้วยกัน และเปิดโทรทัศน์ดูขณะทานข้าว
กระทั่งเวลา 19.00 น. สามีได้บอกตนว่า "มันหนึ่งทุ่มแล้วนะ เมื่อไรจะออกไปงานศพ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก" จากนั้นตนได้เดินทางออกจากบ้าน เพื่อมาฟังพระสวดที่งานศพของญาติ อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร หลังจากร่วมงานศพเสร็จ เวลาประมาณ 20.40 น. ตนได้เดินทางกลับบ้าน พอเปิดประตูบ้านเข้าไป ก็พบว่าสามีเสียชีวิตนอนอยู่บนเตียงนอน ไม่สวมเสื้อ มีเลือดเต็มใบหน้าและศีรษะ จากนั้นตนจึงรีบโทรศัพท์หาญาติให้มายังที่เกิดเหตุ
เท่าที่ตนสังเกตไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ส่วนประตูด้านหน้าบ้านก็ปิดปกติ แต่ไม่ได้ล็อก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนไม่รู้ว่าที่สามีถูกฆาตกรรมนั้น มาจากสาเหตุอะไร สามีตนไม่เคยมีศรัตรูหรือขัดแย้งกับใคร สามีตนประกอบอาชีพเกษตรกรเลี้ยงโคกระบือ ประมาณ 20 ตัว ซึ่งเวลาที่สามีไปเลี้ยงโคกระบือ ก็เลี้ยงในพื้นที่ของพี่สาวหรือญาติ ไม่ได้ไปขัดผลประโยชน์กับใคร และสามีตนก็ไม่ได้เป็นเจ้าของรถตักดินแล้ว เพราะสามีได้ขายรถไปเมื่อ 1 ปีก่อน สำหรับสามีเป็นคนนิสัยดี เฮฮา ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ตนรู้สึกแปลกใจว่าทำไมสามีถึงถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมแบบนี้
อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะเจอหน้าคนร้าย และอยากจะถามเขาว่า ฆ่าสามีตนเพื่ออะไร ก่อนเกิดเหตุตนไม่มีลางสังหรณ์ เหตุการณ์ทุกอย่างเป็นปกติ สำหรับตนอยู่บ้านกับสามี 2 คน ส่วนลูกชายทั้ง 2 ไปทำงานต่างจังหวัด และสามีก็เปรียบเสมือนเป็นเสาหลักของครอบครัว หลังเกิดเหตุตนพบว่าพระเครื่อง ที่สามีแขวนไว้ในคอหายไป มีพระเครื่อง 3 องค์ 1 สมเด็จวัดระฆัง, พระสมเด็จเกศไชโย และสมเด็จบางขุนพรหม วัดบางขุนพรหม และได้ย้อนกลับไปหาที่บ้านอีกรอบช่วงเช้าของวันนี้ ก็ไม่พบพระเครื่องดังกล่าว จึงได้นำข้อมูลนี้ไปให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายจักรพงศ์ สารวงษ์ อายุ 26 ปี หลานชายผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า หลังเกิดเหตุตนสังเกตตามสภาพศพของคนตายว่ามีพระเครื่องจำนวน 3 องค์ ที่คนตายจะห้อยคอเป็นประจำได้หายไป ตนจึงคิดว่าถ้าพระเครื่องของผู้ตายหายไปจริง ก็เป็นไปได้ที่คนร้ายจะชิงทรัพย์เอาพระเครื่องไปด้วย ซึ่งตนคาดว่าคนร้ายอาจเป็นพวกที่ติดยาเสพติด ที่เข้ามาหาทัพย์สินในบ้าน กระทั่งเจอนายธีทัดอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว จึงก่อเหตุและชิงทรัพย์ไป
สำหรับนายธีทัด ทำอาชีพเกษตรกรเลี้ยงควาย และไม่เคยขัดผลประโยชน์กับใคร ซึ่งผู้ตายเป็นคนอัธยาศัยดี เฮฮา เป็นที่รักของทุกคน เหตุที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องที่ทำให้ตนหดหู่ใจมาก ตนอยากฝากถึงคนร้ายว่า จิตใจเขาโหดเหี้ยมเกินไป ชีวิตคนทั้งคนยังทำได้ลงคอ ตนไม่ทราบว่าพระเครื่องทั้ง 3 องค์ ที่ผู้ตายสวมห้อยคอนั้น เป็นของจริงหรือไม่ เพราะไม่เคยสอบถามผู้ตายมาก่อน
เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.เมืองสระบุรี ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานเพิ่เติม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอดูโฉนดที่ดินของผู้ตายกับนายชินวัตร สารวงษ์ อายุ 25 ปี ลูกชายคนเล็กของผู้ตาย พร้อมกับหาพระเครื่องของผู้ตายที่ภรรยาผู้ตายให้ข้อมูลว่าหายไป โดยเจ้าหน้าที่ค้นหาด้านในบ้าน แต่ก็ไม่เจอพระเครื่องแต่อย่างใด
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เดินตรวจสอบรอบ ๆ บ้านของผู้ตาย เพื่อหาวัตถุพยานหลักฐาน และไปเจอจอบ 1 เล่ม โดยไม่อนุญาตให้ทีมข่าวเข้าไปด้านในบ้านคนตาย ให้อยู่บริเวณด้านนอกบ้าน