จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ค.64 เวลาประมาณ 06.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทุ่งช้าง ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุตำรวจ 191 ภูธรจังหวัดน่านผ่านศูนย์วิทยุสื่อสาร สภ.ทุ่งช้าง ว่ามีผู้เสียชีวิตถูกยิงด้วยอาวุธปืน บริเวณถนนในหมู่บ้านปางแก หมู่ 7 ต.ทุ่งช้าง อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน ผู้เสียชีวิตนายชยันต์ สกุลวรภัทร์ อายุ 16 ปี โดยพ่อเลี้ยงพาร่างใส่ท้ายกระบะไปส่งโรงพยาบาล แต่เสียชีวิตระหว่างทาง และหายตัวไป
วันที่ 10 พ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ บริเวณริมถนนของหมู่บ้านปางแก หมู่ 7 ต.ทุ่งช้าง อ.ทุ่งช้าง จ.น่าน เป็นถนน 2 เลนสวนกัน ข้างทางเป็นป่าภูเขาสลับกับบ้านคน ไม่มีไฟส่องสว่าง พบรอยสเปรย์สีขาวพ่นที่พื้น
นายมูเซอ (นามสมมติ) ชาวบ้านใกล้จุดเกิดเหตุ บอกว่า คืนวันเกิดเหตุตนไปนอนที่ไร่ ไม่ได้กลับมาที่บ้าน มาทราบข่าวก็เช้าวันที่ 8 พ.ค.64 แล้วว่า นายชยันต์ หรือ เช้ง ผู้เสียชีวิต ตนก็เห็นมาตั้งแต่เด็ก พูดคุยรู้เรื่อง ด้วยความที่นายชยันต์เป็นเด็กซน พ่อแม่นายชยันต์ไม่ค่อยสนใจ ปล่อยให้เดินเล่นไปมาในหมู่บ้าน ตอนนายชยันต์ยังเด็กชอบเดินมาขอข้าวที่บ้านตนกิน ตนก็เห็นว่าเป็นเด็กในหมู่บ้าน ส่วนตัวมองว่าพ่อแม่ก็ควรใส่ใจดูแลมากกว่านี้ เนื่องจากนายชยันต์ก็โตพอที่จะหยิบจับอะไรได้บ้าง น่าจะพาไปช่วยทำไร่นา หรือหางานให้ทำได้
ส่วนประเด็นเรื่องปมขัดแย้ง ตนไม่ทราบว่านายชยันต์ไปมีปากเสียงกับใครหรือไม่ เพราะปกติจะเห็นว่าเดินไปเดินมาคนเดียวไม่ค่อยมีเพื่อน ตนไม่ทราบว่าคนก่อเหตุเป็นคนในพื้นที่หรือไม่ แต่ตนก็ไม่ได้รู้สึกกลัว เพราะไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่อย่างไรก็ตามบ้านเมืองมีกฎหมาย ก็ขอให้ตำรวจดำเนินการตามกฎหมาย
นายอำนาจ (นามสมมติ) น้าชายผู้เสียชีวิต บอกว่า ตนทราบเรื่องว่านายชยันต์ถูกยิงเสียชีวิต เมื่อเช้าวันที่ 8 พ.ค.64 ซึ่งตนเพิ่งกลับมาจากไร่ พอมาถึงบ้านเห็นผู้ใหญ่บ้านพาตำรวจมาเต็มบ้าน ตนได้สอบถามนายศักษ์กะ พี่ชายของตน ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งนายศักษ์กะ เล่าให้ตนฟังว่าหลังจากที่ทราบว่าลูกชายถูกยิง จึงรีบนำตัวขึ้นรถกระบะเพื่อไปส่งที่โรงพยาบาล แต่ด้วยระยะทางค่อนข้างไกล และเป็นเขาคดเคี้ยว จึงมีการจอดรถดูอาการนายชยันต์ที่อยู่หลังรถกระบะแล้วพบว่าเสียชีวิตแล้ว จึงหวนรถกลับมาที่บ้านของพ่อตัวเอง เพื่อมาแจ้งข่าวให้ทางครอบครัวทราบ
ส่วนเรื่องที่นายศักษ์กะไม่ขับรถไปต่อที่โรงพยาบาลและไม่ได้มีการแจ้งผู้ใหญ่บ้านเดี๋ยวนั้นเลย เป็นเพราะว่านายศักษ์กะไม่รู้ภาษาและไม่รู้ข้อกฎหมาย จึงไม่รู้ว่าจะต้องรีบไปโรงพยาบาลถึงแม้ว่าจะเสียชีวิตแล้วก็ตาม เป็นความเข้าใจแบบบ้าน ๆ ว่าไปไม่ทันแล้วก็นำศพลูกกลับมาทำพิธีตามศาสนาดีกว่า อีกทั้งเป็นช่วงเวลาดึกแล้ว รอให้สว่างค่อยไปแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ขณะนั้นก็มีการเปลี่ยนเสื้อให้กับศพของลูกชาย เนื่องจากกลัวว่าคนจะตกใจคราบเลือด
ประเด็นเรื่องของนายชยันต์ เป็นลูกบุญธรรมที่นายศักษ์กะ อายุ 46 ปี และนางวิภา อายุ 40 ปี รับมาเลี้ยง โดยพี่ชายของนางวิภา เป็นครูสอนในโรงเรียนเกี่ยวกับคนพิการแห่งหนึ่ง แล้วมีคุณตาท่านหนึ่งพิการทางขาไม่สามารถเดินได้ถูกทอดทิ้งพร้อมกับหลานชายวัย 2 ขวบ จึงมีการปรึกษากันและได้รับเลี้ยงเด็กชายวัย 2 ขวบ ซึ่งก็คือนายชยันต์ ในช่วงวัยเด็กนายชยันต์ ยังคงปกติเหมือนกับเด็กทั่วไป แต่พอเข้าช่วงประถมวัย มีพฤติกรรมก้าวร้าว คือก่อเหตุสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนในห้องเรียน ด้วยการหักดินสอของเพื่อน กระชากสมุดในขณะที่เพื่อนกำลังเขียนหนังสืออยู่ จนไม่สามารถเรียนหนังสือได้ เพราะพัฒนาการทางสมองไม่สามารถรับรู้ได้มากกว่านี้ ก่อนหน้านี้ทางพ่อและแม่ผู้เสียชีวิตก็ยังคงพาตัวนายชยันต์ ไปทำไร่นาด้วยทุกครั้ง แต่พออายุเข้าช่วงวัย 13-14 ปี นายชยันต์ก็ไม่อยากไปกับพ่อแม่แล้ว
ขณะนี้ ตนไม่สามารถติดต่อทางพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิตได้ ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ค.64 ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกไปสอบปากคำ แต่มีภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นว่าทั้งสองคนเดินออกมาจาก สภ.ทุ่งช้างแล้ว ซึ่งก็มีความเป็นห่วงมาก ไม่รู้ว่าหายไปไหน ไปตามในสถานที่ที่คิดว่าทั้งสองคนจะไปก็ไม่พบ สภาพจิตใจของตนขณะนี้ค่อนข้างย่ำแย่ สูญเสียหลานชายไป แล้วพี่ชายกับพี่สะใภ้ดันหายตัวไปอีก
นายชาติ (นามสมมติ) เพื่อนบ้านที่เข้าช่วยเหลือ เล่าว่า เวลาประมาณ 20.30 น. ตนกำลังนั่งปอกขิงอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียง ลักษณะคล้ายปืนดัง 1 นัด ตอนนั้นตนก็รู้สึกตกใจไม่รู้ว่าคือเสียงอะไร จากนั้นไม่นายชยันต์ก็เดินมาเคาะประตูหน้าบ้าน ตะโกนขอความช่วยเหลือ พอตนเปิดประตูออกมา เห็นสภาพนายชยันต์อิดโรย เลือดเต็มเสื้อช่วงเอว กำลังจะล้มลงนอน ตนจึงช่วยพยุงขึ้นยืน แล้วภรรยาตนเปิดชายเสื้อของนายชยันต์ พบว่ามีรอยสะเก็ดลูกปืนกระจายอยู่เต็มหลัง
จากนั้น ตนก็ช่วยพยุงไปหานายศักษ์กะ กิตติรุ่งอรุณ พ่อของผู้เสียชีวิต ทางด้านพ่อก็พาตัวนายชยันต์ขึ้นไปนอนบนหลังรถกระบะสีขาว โดยผู้เป็นพ่อและแม่นั่งอยู่ด้านหน้าของรถ และก็มาทราบเรื่องอีกทีในเช้าวันต่อมาว่านายชยันต์ผู้เสียชีวิตแล้ว
ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากว่านายชยันต์เป็นผู้ที่ไม่สมประกอบ ไม่ค่อยสุงสิงกับใครในหมู่บ้าน ชอบเดินไปเดินมา และชอบมีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อยของชาวบ้าน ซึ่งตนเปิดร้านของชำเมื่อปี 2562 ก็เคยถูกนายชยันต์งัดเข้ามาในร้าน แล้วขโมยขนมถุงกับเงินสดไป 500 บาท ตนก็มั่นใจว่าคือนายชยันต์เป็นคนก่อเหตุ วันต่อมาตนก็ถามไปยังนายชยันต์ว่าเป็นคนทำใช่ไหม นายชยันต์ก็ยอมรับว่าเป็นคนทำ ตนจึงสอนไปว่าอย่าทำแบบนี้ มันไม่ดี ครั้งหน้าจะแจ้งตำรวจ ถ้าไม่มีกินก็มาขอดี ๆ ซึ่งนายชยันต์ก็ขอโทษ และไม่กี่วันก็นำเงิน 500 บาทที่ขโมยไปมาคืน ส่วนสาเหตุการถูกยิงตนไม่แน่ใจว่าคือปมอะไร อาจจะไปขโมยของคนอื่นแล้วถูกยิง ปล่อยให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนต่อไป และขอให้จับตัวคนก่อเหตุได้เร็ว ๆ