รู้จัก โควิดสายพันธุ์อินเดีย ไวรัสกลายพันธุ์น่ากังวลระดับโลก อันตรายแค่ไหน ?

11 พ.ค. 64

โควิดสายพันธุ์อินเดีย ท่ามกลางวิกฤตการระบาดของโควิด-19 ในอินเดีย ที่มาพร้อมกับการพบเชื้อกลายพันธุ์ โควิดสายพันธุ์อินเดีย ที่ล่าสุดวันนี้(11 พ.ค.) องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศให้กลายเป็น สายพันธุ์น่ากังวลในระดับโลก ซึ่งขณะนี้เรารู้ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัสกลายพันธุ์นิดนี้อย่างไรบ้าง และควรเป็นกังวลมากแค่ไหน? 

โควิดสายพันธุ์อินเดียคืออะไร

เป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์ในประเทศอินเดีย รายงานระบุว่าพบครั้งแรกตั้งแต่เดือนตุลาคม 63 ก่อนจะพบมีการระบาดในรัฐมหาราษฏระ ในช่วงเดือนธันวาคม 63-มีนาคม 64 โดยพบผู้ติดเชื้อราว 15-20% ที่ถูกเก็บตัวอย่างในรัฐดังกล่าว ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่มีการกลายพันธุ์สองตำแหน่ง ได้แก่ E484Q และ L452R มีชื่อว่า “B.1.617” ซึ่งต่อมา พบมีการกลายพันธุ์ย่อยของสายพันธุ์นี้อีก 3 ตัว 

จนถึงขณะนี้ (12 พ.ค.64) องค์การอนามัยโลก รายงานพบการแพร่กระจายแล้วในอย่างน้อย 44 ประเทศทั่วโลก  

000_98u469_1

ความอันตรายของโควิดสายพันธุ์อินเดีย

ขณะนี้ยังไม่อาจระบุได้ แต่นักวิทยาศาสตร์กำลังวิจัยเพื่อยืนยันว่าโควิดสายพันธุ์อินเดียมีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อื่นหรือใหม่ อาทิ สามารถระบาดได้รวดเร็วกว่า หรือมีอาการรุนแรงกว่า

ก่อนหน้านี้หน่วยสาธารณสุขของอังกฤษ (PHE) ได้ประกาศให้โควิดสายพันธุ์อินเดียทั้ง 3 ชนิด เป็น "ชนิดที่อยู่ระหว่างการสืบสวน" แต่ต่อมา ได้ยกระดับ B.1.617.2 ให้เป็นไวรัสกลายพันธุ์ที่น่ากังวล (Variant of Concern) และล่าสุด 11 พ.ค.64 องค์การอนามัยโลกได้ยกระดับสายพันธุ์อินเดีย ให้เป็นสายพันธุ์น่ากังวลในระดับโลก (Variant of Global Concern) จากก่อนหน้านี้มีเชื้อกลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล หลังผลการศึกษาเบื้องต้นส่วนหนึ่งชี้ว่า เชื้อสายพันธุ์อินเดียสามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็ว

ทั้งนี้ข้อมูลระบุว่า การกลายพันธุ์ในตำแหน่ง L452R อาจทำให้ไวรัสสามารถหลบภูมิคุ้มกันที่เกิดจากวัคซีนได้ ขณะที่การกลายพันธุ์ในตำแหน่ง E484Q มีความคล้ายคลึงกับตำแหน่ง E484K ในโควิดสายพันธุ์แอฟริกา ที่สามารถต้านวัคซีนได้บางส่วน

000_99c9pe

โควิดสายพันธุ์อินเดียเป็นสาเหตุของการระบาดระลอกสองในอินเดียหรือไม่ 

โซเมีย สวามีนาตัน อดีตหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ขององค์การอนามัยโลก ระบุว่า ไวรัส B.1.617 มีการกลายพันธุ์ที่ทำให้แพร่ระบาดได้เร็วขึ้น และอาจมีโอกาสจะต้านทานภูมิคุ้มกันจากวัคซีน แต่อย่างไรก็ดีไวรัสกลายพันธุ์อาจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้เกิดการระบาดใหญ่อีกครั้งในอินเดีย แต่อาจมาจากการที่ประชาชนระมัดระวังตัวน้อยลง รวมถึงการจัดงานรวมตัวขนาดใหญ่

เช่นเดียวกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญก่อนหน้านี้ อาทิ ศ.ระวี คุปตะ ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยาคลินิกจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่ระบุว่า การที่อินเดียมีประชากรจำนวนมากและอยู่กันอย่างหนาแน่นแออัด นับเป็นแหล่งเพาะเชื้อและสนามทดลองชั้นดีสำหรับการกลายพันธุ์ของไวรัสหลากหลายรูปแบบ 

ขณะที่ ดร. เจฟฟรีย์ บาร์เร็ตต์ จากสถาบันเวลล์คัมแซงเกอร์ของสหราชอาณาจักร เผยว่า การระบาดระลอกนี้และการเกิดขึ้นของโควิดสายพันธุ์อินเดียเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันนั้นอาจจะเป็นเพียงเหตุบังเอิญ แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองเรื่องนี้จะมีความเกี่ยวเนื่องกัน แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้ 

วัคซีนยังคงได้ผลกับโควิดสายพันธุ์อินเดียหรือไม่

นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า วัคซีนที่มีอยู่ตอนนี้ยังสามารถลดอาการป่วยรุนแรงจากไวรัสกลายพันธุ์ได้อยู่ แม้อาจมีเชื้อกลายพันธุ์บางตัวที่หลบวัคซีนได้บ้าง ซึ่งอาจต้องมีการปรับปรุงโครงสร้างวีคซีนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต่อไป 

ขณะที่องค์การอนามัยโลก กล่าวในการแถลงวันที่ 11 พ.ค.64 ว่า จากข้อมูลล่าสุดที่มียังไม่พบข้อบ่งชี้ใดๆ ที่บ่งชี้ว่าการวินิจฉัยโรควิธีการรักษา และวัคซีนที่มีอยู่ในขณะนี้ไม่ได้ผล และขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนที่ทางการได้จัดหาให้  

ที่มา - theguardian, france24, bbcbusiness-standard  / ภาพจาก - AFP

ผลวิจัยพบ ไฟเซอร์ - โมเดอร์นา ต่อต้าน โควิดสายพันธุ์อินเดีย ได้ 

ผลวิจัยพบวัคซีน แอสตร้าเซนเนก้า ต้านโควิดสายพันธุ์อินเดียได้ 97% 

อินเดียเผย วัคซีนโควาซิน มีฤทธิ์ต้านโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ-อินเดีย 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม