จากกรณีเมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 10 พ.ค. 64 ตำรวจ สภ.พานทอง รับแจ้งมี ยิงกันบริเวณร้านขายผ้าม่าน อยู่ติดกับตลาดสดฟ้าไทย ตำบลพานทอง อำเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี
หลังรับแจ้งจึงรีบไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บหนึ่งรายคือ นายประพจน์ สินทักทรัพย์ อายุ 40 ปี เจ้าของร้านผ้าม่าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 11 มม. เข้าที่บริเวณต้นขาซ้าย กระสุนฝังใน ได้รับบาดเจ็บเสียเลือดมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยธรรมรัศมีมณีรัตน์รีบนำตัวส่งโรงพยาบาลพานทอง
ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายประจวบ ชาญพรม อายุ 38 ปี หลังจากก่อเหตุได้ขับรถหลบหนีไปทางพนัสนิคม โดยใช้เส้นทางสุขประยูร ได้ทิ้งภรรยา และลูกสาว 2 คน ไว้ในที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุยังพบ รอยเลือด ปลอกกระสุนปืนและมีดดาบสปาต้า ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ ตำรวจจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
ต่อมา นายประจวบ ชาญเกษม ผู้ก่อเหตุ เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเวลาต่อมา บอกว่าตนเองยิงเพื่อป้องกันตัว ไปโดนขาของผู้ได้รับบาดเจ็บ เพราะเจ้าของร้านจะใช้มีดดาบจะฟันใส่รถยนต์ก่อนนั้น
วันที่ 11 พ.ค. 64 นายประจวบ ชาญพรม อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา เปิดใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองไม่ได้ตั้งใจยิง แต่ถูกผู้บาดเจ็บเอามีดมาไล่ฟันก่อน จึงคว้าปืนออกมาป้องกันตัว แต่ปืนเกิดลั่นไปโดน เมื่อวานก่อนเกิดเหตุลูกสาวอยากได้ผ้าม่าน ตนเองจึงพาไปซื้อที่ร้านดังกล่าว ซึ่งร้านนี้ตนเคยมาซื้อ 2-3 ครั้งเเล้ว ไม่เคยมีปัญหา หลังจากซื้อเสร็จลูกสาวเอาผ้าม่านมาให้ดูในรถ ซึ่งผ้าม่านแบบที่ลูกซื้อมามันติดที่บ้านไม่ได้ จึงบอกให้ลูกเอากลับไปเปลี่ยนเป็นอีกแบบ แต่ลูกกลับมาบอกว่ายังเปลี่ยนไม่ได้
ตนเองจึงลงจากรถไปถามเหตุผล ก็ได้คำตอบว่าสินค้าหมด จะต้องรอ ตนจึงขอคืนสินค้า และขอเงินคืน เพราะมองว่าสินค้าเพิ่งออกจากร้าน ยังไม่ได้แกะใช้งาน แต่ทางร้านไม่ยอมคืนเงินให้จึงเกิดปากเสียงกัน แต่จังหวะนั้นผู้บาดเจ็บได้เดินมาแล้วพูดถ้อยคำหยาบคายใส่ตนว่า "มึงเป็น-วยอะไร มาโวยวายเสียงดังอยู่หน้าร้านกู" ตนก็ตอบกลับไปว่า "แล้วของซื้อมาแล้วทำไมจะคืนไม่ได้" จึงเกิดปากเสียงกันรุนแรงอีก ซึ่งในตอนนั้นผู้บาดเจ็บยืนอยู่ในร้าน ส่วนตนยืนอยู่หน้าร้าน ผู้บาดเจ็บได้ท้าทายตน ตนจึงท้ากลับว่า "มึงก็ออกมาสิ"
จากนั้นผู้บาดเจ็บพยามปรี่เหมือนจะเข้ามาชก ตนจึงเบี่ยงตัวหลบ ชกสวนไป 1 ครั้ง จากนั้นผู้บาดเจ็บได้วิ่งกลับไปคว้ามีดในร้านมาไล่ฟัน พร้อมตะโกนข่มขู่ว่า "มึงรู้ไหมว่ากูเป็นใคร" ตนจึงวิ่งหนีเข้าไปหลบในรถ พร้อมกับตะโกนว่า "อย่านะ อย่าฟันนะ กูมีปืนนะ" แต่ผู้บาดเจ็บไม่ฟังได้ง้างจะฟัน ตนจึงเอื้อมตัวไปคว้าปืนในกระเป๋าเป้ที่วางไว้เบาะหลังรถออกมา จังหวะนั้นปืนเกิดลั่นไปโดนขาผู้บาดเจ็บ หลังจากนั้น ได้ขับรถไปหาที่จอดนั่งพักเพื่อสงบสติอารมณ์ประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่าเรื่องแบบนี้ควรจะพูดคุยตกลงกันได้ ไม่ใช่มาด่าลูกค้าแบบนี้ ซึ่งตนก็ทราบดีว่าการใช้อาวุธปืน เป็นเรื่องที่รุนเเรงเกินกว่าเหตุ แต่อีกด้านก็อยากให้เข้าใจว่าตนไม่ได้ตั้งใจยิง แต่ปืนลั่น เพราะถ้าหากตั้งใจยิงคงโดนจุดสำคัญไปเเล้ว จึงอยากขอความเป็นธรรมด้วย ส่วนอาวุธปืนตนซื้อมาได้ 3 ปี มีทะเบียนครอบครอง พกติดรถไว้เฉพาะตอนมีทรัพย์สินมีค่า หรือเวลามีลูกหรือคนในครอบครัวอยู่ในรถ เพื่อไว้ใช้ปกป้องชีวิตเเละทรัพย์สิน
ตำรวจ สภ.พานทอง ได้แจ้ง 2 ข้อหาแก่นายประจวบ คือพยายามฆ่าผู้อื่น และพกพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะ
นางมนัสนันท์ โชคบุญเรือง อายุ 55 ปี พี่สาวของผู้บาดเจ็บ บอกว่า ตอนนี้ยังตกใจกับเหตุการณ์ขึ้น เมื่อวานขณะเกิดเหตุ ตนอยู่ห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงปืน และเสียงคนทะเลาะกันจึงวิ่งออกมาดู ก็เห็นน้องชายตัวเองนอนเจ็บอยู่ที่พื้น มีเลือดออกเป็นจำนวนมาก จึงเข้าไปช่วย ซึ่งตอนนั้นลูกสาวและภรรยาของผู้ก่อเหตุก็ยังยืนด่าน้องสะใภ้ไม่หยุด เเสดงว่าเขาไม่ได้สลดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ซึ่งผู้ต้องหาอ้างว่าถูกน้องชายตนทำร้ายก่อน ตนไม่เชื่อ เพราะน้องชายเป็นคนดีมาก เป็นผู้ปฏิบัติธรรม สวดมนต์ไหว้พระทุกวัน เป็นไปไม่ได้ว่าจะหาเรื่องใครก่อน จึงเชื่อว่าน้องชายน่าจะถูกยั่วยุหรือถูกกระทำก่อน จึงไปหยิบมีดมาป้องกันตัว
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาไปอ้างว่าทางร้านไม่ให้เปลี่ยนสินค้า ก็ยิ่งทำให้ร้านเสียหาย ยืนยันว่าทางร้านเปิดมา 8 ปี ให้บริการเป็นอย่างดี รับผิดชอบสินค้าทุกชิ้น จนมีลูกค้าประจำเป็นจำนวนมาก แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ก็ไม่ทราบว่าเหตุใดฝั่งคู่กรณีจึงไม่เข้าใจ ก็อยากขอความเป็นธรรมให้ร้าน ขอความเป็นธรรมให้น้องชายด้วย อยากถามผู้ก่อเหตุว่าจิตใจคุณทำด้วยอะไร นอกจากยิงคนอื่นเเล้ว ยังด่าแม้กระทั่งผู้หญิง ตนจึงอยากให้ได้รับโทษตามกฎหมาย