จับ 7 ทมิฬฆ่าเสี่ยโกสนเปิดปากหามศพชุดเขียวห่อผ้าใบ อาวุธฆ่าเอาใส่เรือทิ้งทะเล (คลิป)

ภรรยาของนายโกสน ผู้สูญหาย ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่สามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นกำลังนอนหลับ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้า แต่ไม่พบตัวสามี ซึ่งในวันดังกล่าวสามีได้สวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือหนัก 10 บาทออกไปด้วย และล่าสุดตำรวจออกหมายจับแล้ว 7 ผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดีฆาตกรรมนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เปิดรอยแค้น 2 ตระกูล ฝั่งเสี่ยสุรัตน์ถูกยิงก่อน อึ้งวงจรโหดฆ่าโกสนเป็นญาติสุรัตน์
- 2 นักฆ่าอุ้มเสี่ยโกสนทิ้งทะเล ประวัติสุดสะพรึงยิงคนตายคดีเงียบ ไร้คาวเลือดให้สืบ
- ตะลึงก๊วนอุ้มเสี่ยโกสนเปิดปากจับยิงฝังบ่อดิน บิ๊กตำรวจผงะบุกค้นศพหาย
- หมอปลาพิสูจน์จุดอุ้มฆ่าโกสน เชื่ออิทธิพลเฮี้ยนกว่าผี เมียเสนอเงินแสนแลกศพ
- เปิดปมเสี่ยโกสนถูกอุ้มโยง 2 ตระกูลตาย 6 ศพต้องสาบานสงบศึก เมียหวั่นซ้ำรอย

วันที่ 11 พ.ค. 64 นายพล (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ท่าชนะ เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุตนเองได้คุยกับพ่อเลี้ยงของนายนัด หนึ่งในบุคคลที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปสอบปากคำเข้มและเป็นคนที่ชี้เป้าทางทะเล แต่นายนัดเล่าว่าไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรงกับนายสุรัตน์ ซึ่งเป็นเพียงเด็กในเรือประมงทั่วไป แต่เป็นคนรู้จักกับนายโจ้และนายแน็ก และในคืนวันเกิดเหตุ ทราบว่านายนัดไม่รู้ว่ามีเหตุยิงกันหรือฆ่ากันตาย แต่เวลาประมาณ 02.00 น. รถของนายโจ้และนายเจต มาหาที่บ้านให้ไปช่วยงาน ซึ่งนายนัดก็ออกไปโดยไม่รู้ว่าต้องไปขุดอะไร เมื่อไปถึงบ่อทรายจุดแรกที่มีการฝังร่างของเสี่ยโกสนก็ถูกใช้ให้ใช้จอบและเสียมในการขุดหลุมขนาดใหญ่ หลังจากที่มีการขุดหลุมเสร็จแล้ว พบว่ามีรถกระบะถอยมาเทียบ นายแน็กและนายโจ้ช่วยกันยกร่างเสี่ยโกสนลงจาดท้ายกระบะ ใส่เสื้อสีเขียว กางเกงขาสั้น ไม่มีรองเท้า ก่อนที่จะนำร่างของเสี่ยโกสนทิ้งลงไปในหลุมและมีการฝังโดยไม่มีการห่อหุ้ม

จนกระทั่ง วันที่ 4 พ.ค. เมื่อนายเจตถูกตำรวจควบคุมตัวได้ มีการเชื่อมโยงไปยังจุดที่มีการฝังร่างของเสี่ยโกสน กลุ่มของนายโจ้ก็เริ่มไหวตัวทัน บังคับให้นายนัดไปช่วยกันขุดร่างของเสี่ยขึ้นมานำผ้าใบสีเขียวปูยกร่างของเสี่ยโกศลใส่ผ้าใบ พันแล้วมัดใช้ไม้สอดทำเป็นราวแบกหาม ช่วยกันแบกหามจากหลุมเดินลัดไปสวนปาล์มทะลุไปที่คลองท่าชนะ ระยะทางประมาณ 700 เมตร มีการยกทั้ง 6 คน แบ่งเป็นเช็ตละ 2 คน น้ำหนักตัวของเสี่ยโกสนมากถึง 80-90 กิโลกรัม ทำให้ต้องมีการแบกและวางเป็นจุด ๆ

ซึ่งในวันที่มีการย้ายศพออกจากหลุมทรายไปขึ้นเรือ เมื่อไปถึงบริเวณคลองท่าชนะ กลุ่มคนก่อเหตุมีการนำเรือประมงที่เตรียมเอาไว้ไประยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เพื่อออกสู่ทะเลมุ่งหน้าไปที่เกาะอ่างทอง มีการซ่อนอำพรางโดยการทิ้งศพลงกลางทะเล ก่อนกลับมาก็ได้นำอุปกรณ์ทั้งหมดโยนทิ้งน้ำ แล้วนำเรือไปซุกซ่อน

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้รับคลิปการปฏิบัติการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ช่วงที่มีการตรวจค้นและหาหลักฐาน มีตำรวจกองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจเรือต้องสงสัย เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบในตอนกลางคืน เพราะเนื่องจากจะต้องใช้อุปกรณ์และน้ำยาเฉพาะ ในการตรวจหาคราบเลือด ซึ่งหากเรือลำใดที่เกี่ยวข้องกับการขนย้ายศพ ก็อาจจะทำให้เห็นร่องรอยผลการตรวจด้วยอุปกรณ์ดังกล่าวได้ โดยเจ้าหน้าที่ได้ใช้อุปกรณ์ซึ่งเป็นแบล็กไลต์สีฟ้าในการตรวจหาความผิดปกติ พร้อมกับมีการบันทึกสิ่งที่ตรวจพบไว้เป็นหลักฐานแล้ว

ชาวประมงที่อาศัยอยู่บริเวณปากอ่าวแหลมโพธิ์ เปิดเผยว่า คลองท่าชนะไม่สามารถนำเรือประมงที่มีความสูงและลำเรือใหญ่เช่นเดียวกับเรือที่ตำรวจถูกนำไปตรวจสอบ ไม่สามารถนำเรือดังกล่าวแล่นเข้าไปภายในคลองถ้าชนะได้ เพราะเนื่องจากไม่สามารถรอใต้สะพานปูนปากอ่าวไปข้างใน ประกอบกับความลึกของคลองไม่ได้เหมาะสำหรับเรือขนาดใหญ่ หากย้อนกลับไปในวันที่ 4 พ.ค. ก็ไม่ได้สังเกตความผิดปกติของเรือที่ใช้คลองท่าชนะ เพราะเนื่องจากในคืนวันดังกล่าวมีเรือประมงชาวบ้านจำนวนมาก

นายสิงห์ (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ตะกรบ คนสนิทของนายโกสน เปิดใจว่า ชาวบ้านในพื้นที่จะรู้กันดีว่าครอบครัวหนึ่งเป็นคู่ขัดแย้งและก่อเหตุกันไปมากับนายโกสน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะลูกน้องทำร้ายลูกน้อง ญาติทำร้ายเครือญาติ ซึ่งไม่ได้รุนแรงถึงขั้นไล่ฆ่ากัน เพราะการออกมาให้ข้อมูลของบางคนมีเจตนาที่จะบิดเบือนข่าว และต้องการโยนหินให้พ้นจากตัว

ถ้าหากย้อนกลับไป ชนวนเหตุการเปิดศึกเริ่มต้นจากฝั่งของผู้มีอิทธิพลส่งคนมาถล่มยิงฝั่งของนายโกสน หลังจากไปขึ้นศาลคดีทำร้ายร่างกาย ตอนนั้นเป็นช่วงปี 2547-2548 ทีมของนายโกสนกำลังจะกลับบ้าน ถูกดักถล่มยิงกลางทางทำให้มีลูกน้องฝั่งของกำนันได้รับบาดเจ็บ จึงเกิดเหตุการณ์เอาคืน ส่วนผู้มีอิธิพลมักครองท่าเทือบเรือหนึ่ง ห้ามให้ใครเข้าไปในเขตพื้นที่ของเขา เพราะจะถูกไล่ยิงออกจากบริเวณดังกล่าว

อีกทั้ง ผู้มีอิทธิพลเตรียมที่จะลงรับสมัครเลือกตั้งในสมัยนี้ มีการวางตัวและเตรียมที่จะหาเสียงเลือกตั้งจึงอาจเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ต้องนัดเคลียร์ใจกันกับเสี่ยโกสนหรือไม่ ประกอบกับมีประเด็นความขัดแย้งเรื่องการจอดเรือของลูกน้องผู้มีอิทธิพล จึงทำให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย