ศาลฎีกาเมืองชลออกหมายจับ ลุงวิศวะยิงวัยรุ่นดับ เบี้ยวฟังคำพิพากษา

12 พ.ค. 64

ลุงวิศวะ เบี้ยวนัดไม่ยอมมารับฟังคำตัดสินของศาลฎีกา จังหวัดชลบุรี ศาลสั่งยึดเงินประกันพร้อมออกหมายจับแล้ว

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ศาลจังหวัดชลบุรี ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาในชั้นศาลฎีกาในคดีที่นายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ อายุ 56 ปี อาชีพวิศวกร เป็นจำเลยในความผิดฐานพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา โดยก่อเหตุยิงนายนวพล ผึ่งผาย หรือ ปอนด์ อายุ 17 ปี จากเหตุวิวาทเรื่องที่จอดรถเหตุเกิดใกล้ตลาดอ่างศิลา จ.ชลบุรี เมื่อค่ำวันที่ 4 ก.พ.2560 ซึ่งคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า นายสุเทพมีความผิดให้จำคุก 15 ปี แต่ลดโทษเหลือ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 10 ปี

1620803587638

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อพวกของผู้ตายขับรถตู้มาจอดที่หน้าร้านขายของฝากกีดขวางทางออกของจำเลยแล้วมีการโต้เถียงกันนั้น ยังไม่ปรากฏว่ามีถ้อยคำพูดที่ไม่สุภาพจากฝ่ายใด แต่หลังจากที่จำเลยกะพริบไฟใส่รถตู้และบีบแตรหลายครั้ง จำเลยเริ่มใช้คำพูดไม่สุภาพในลักษณะยั่วโทสะของผู้ตาย โดยขณะนั้นจำเลยมีอาวุธปืนของกลางอยู่ใกล้ตัวแสดงว่าจำเลยและภริยามีโทสะและพร้อมที่จะมีเหตุวิวาทกับพวกของผู้ตาย ที่จำเลยฎีกาอ้างว่าเหตุการณ์ในขณะนั้นมีปากเสียงกันเพียงเล็กน้อยและจบลงแล้วจึงฟังไม่ขึ้น

19357445_1693716387335284_704

เมื่อพวกของผู้ตายขับรถตู้และรถเก๋งออกไปแล้ว หากจำเลยมีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจอารมณ์ร้อนบ้างโดยจอดรถรอสักพักหนึ่งก่อนเพื่อให้โทสะคลายลงแล้วค่อยขับรถออกไป เหตุทะเลาะวิวาทในคดีนี้คงไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่จำเลยกลับขับรถตามไปในทันทีขับแซงรถตู้บีบแตรยาวใส่ แสดงให้เห็นว่าจงใจเจตนายั่วโทสะพวกของผู้ตาย มิใช่การบีบแตรเตือนดังที่จำเลยอ้างในอุทธรณ์ แสดงให้เห็นว่าจงใจเจตนายั่วโทสะพวกของผู้ตายมิใช่การบีบแตรเตือนดังที่จำเลยอ้างในอุทธรณ์ พฤติกรรมสมัครใจพร้อมจะทะเลาะวิวาท

166559

ศาลยังระบุอีกว่าจำเลยขับไปอยู่ด้านหน้า เมื่อพวกของผู้ตายซึ่งขับตามรถจำเลยมาบีบแตรยาวและเปิดไฟสูงใส่รถจำเลยอันเป็นการส่งสัญญาณความไม่พอใจและท้าทาย จำเลยก็ชะลอความเร็วลงจนเกือบจะหยุดรถเพื่อให้พวกผู้ตายขับชนท้ายและบีบแตรรถในลักษณะส่งสัญญาณโต้ตอบกลับไป อันเป็นการรับคำท้าทายของฝ่ายผู้ตายกับพวก ทั้งมีเจตนายั่วโทสะฝ่ายผู้ตายให้เพิ่มมากขึ้นและไม่เกรงกลัวจะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน เหตุที่จำเลยมีพฤติการณ์เช่นนี้เนื่องจากจำเลยมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย แสดงให้เห็นถึงนิสัยและพฤติกรรมของจำเลยว่าพร้อมที่จะสมัครใจวิวาท เมื่อพวกของผู้ตายขับรถยนต์เก๋งมาถึงที่เกิดเหตุจำเลยหักหัวรถอย่างกะทันหันในลักษณะปาดหน้าและขัดขวางมิให้รถยนต์เก๋งของพวกผู้ตายขับต่อไปได้ แสดงให้เห็นว่าจำเลยมีเจตนาวิวาทกับผู้ตายและพวกมาตลอดเส้นทาง

3-3-1_1

จนกระทั่งถึงที่เกิดเหตุจำเลยก็ยังมีเจตนาวิวาทอยู่ เมื่อจำเลยเห็นว่าผู้ตายกับพวกมากันหลายคนก็เริ่มเกิดความกลัวแต่ยังคงพูดกับผู้ตายและพวกด้วยน้ำเสียงดุดันในลักษณะไว้ท่าทีว่าจะเอาเรื่อง มิใช่คำพูดในทำนองขอโทษการกระทำของตนหรือแสดงให้เห็นว่าไม่อยากมีเรื่องหรือให้เลิกแล้วกันไป แม้ฝ่ายผู้ตายกับพวกทำร้ายร่างกายจำเลยก่อนจำเลยจึงใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นต่อเนื่องเชื่อมโยงกันมาไม่ขาดตอนนับระยะเวลาตั้งแต่ต้นจนจบเพียง 5 นาทีเศษ

984715

ตามพฤติการณ์เป็นกรณีจำเลยเป็นผู้เริ่มต้นก่อให้เกิดเหตุทะเลาะวิวาท เมื่อจำเลยยั่วโทสะท้าทายจนฝ่ายผู้ตายโต้ตอบและสมัครใจร่วมวิวาทกับจำเลยแล้ว จำเลยจึงไม่อาจกล่าวอ้างว่าฝ่ายผู้ตายเป็นผู้ก่อเหตุ และเมื่อเหตุการณ์ทวีความรุนแรงขึ้นจำเลยจึงจำต้องชักปืนออกมายิงเพื่อป้องกันชีวิตของจำเลยและคนในครอบครัวอันเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น หลังรับฟังคำพิพากษานายสุเทพยื่นประกันตัวเพื่อขอต่อสู้คดีต่อในชั้นศาลฎีกาด้วยเงินสด 874,000 บาท พร้อมระบุว่ายอมรับคำตัดสินศาล แต่ต้องการต่อสู้เพื่อให้ความจริงปรากฏ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศาลอุทธรณ์ ยืนคุก 10 ปี ลุงวิศวะ ยิงวัยรุ่นชลบุรีดับ ยันสมัครใจทะเลาะวิวาท

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2561 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายสุเทพมีความผิดฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านและทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายจริงโดยต้นเหตุเกิดจากที่รถตู้ของพวกผู้ตายจอดรถหน้าร้านขายของฝากกีดขวางทางเข้าออกของจำเลยแต่เหตุวิวาทจบลงภายหลังจากที่พวกผู้ตายจับรถตู้และรถเก๋งออกไปโดยไม่ได้ท้าทายจำเลยอีก หากจำเลยมีสติรู้จักยับยั้งชั่งใจเหตุการณ์คงไม่เกิดขึ้น ทั้งภรรยาจำเลยใช้โทรศัพท์ถ่ายภาพรถเก๋งของผู้ตายย่อมเป็นการท้าทายผู้ตายและพวกให้เกิดโทสะเข้ามาวิวาทเหตุ ที่จำเลยมีความฮึกเหิมกล้าท้าทายก็เนื่องจากจำเลยพกพาอาวุธปืนซึ่งบรรจุกระสุนไว้แล้วติดตัวไปด้วยและเตรียมอาวุธไว้ตั้งแต่ที่หน้าร้านขายของฝาก จำเลยจะอ้างว่ายิงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของตนไม่ได้

19357654_1693716384001951_178

ทั้งไม่ปรากฏว่าผู้ตายกับพวกทำร้ายมารดาภรรยาและหลานที่มากับจำเลย จึงมิอาจอ้างได้ว่าจำเลยยิงผู้ตายเพื่อป้องกันสิทธิของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะมาถึง จำเลยจึงมีความผิดฐานพาอาวุธปืนฯ และฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามฟ้อง แต่เนื่องจากจำเลยมิได้มีจิตใจเหี้ยมโหดเยี่ยงโจรผู้ร้ายเพียงแต่ขาดสติยับยั้งชั่งใจในการควบคุมตน จำเลยยิงปืนไปเพียง 1 นัด หลังเกิดเหตุมิได้หลบหนีไปไหนและยอมรับกับเจ้าพนักงานตำรวจในทันทีว่าเป็นคนยิงผู้ตาย ประกอบกับผู้ตายมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเห็นสมควรลงโทษจำเลยสถานเบาฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาจำคุก 15 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก10ปีฐานพาอาวุธปืนฯปรับ 4,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 10 ปี และปรับ 2,000 บาท ให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน 340,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันยื่นคำร้องขอเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง

s__22659166_1

และในวันนี้ นายวันชัย แสงสุวรรณ์ ทนายฝ่ายผู้เสียชีวิตได้เป็นตัวแทนฝ่ายโจทก์ผู้เสียหายได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาศาลฎีกา โดยนัดไว้เวลา 09.40 น. ผู้พิพากษาได้รอทั้งจำเลยและทนายฝ่ายจำเลยจนเวลาล่วงเลยไปเกือบ 10.30 น.ไม่มีวี่แววว่าจำเลยและทนายฝ่ายจำเลยจะเดินทางมาตามนัดและมีมีท่าทีจะติดต่อกลับมา ทางผู้พิพากษาจึงทำตามกระบวนการตามกฎหมายคือสั่งยึดริบประกันจำนวน 874,000 บาท พร้อมออกหมายจับนายสุเทพ โภชนสมบูรณ์ หรือ ลุงวิศวะ โดยภายใน 1 เดือน หากจับกุมตัวได้ก็จะคุมตัวมาฟังคำพิพากษา แต่หากยังตามจับกุมตัวไม่ได้ก็จะอ่านคำพิพากษาลับหลังในวันที่ 17 มิถุนายนในเวลา 09.00 น.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวที่ได้รับความสนใจ