ไม่ขอ รับบริจาค พ่อเป็นมะเร็งตับดับจุดประกายความฝัน น้องแนน วัย 18 ปี เด็กนักเรียนคนเก่งเมืองตรัง อยากช่วยเหลือคนอื่น พิชิตความฝันสอบติดแพทย์เพื่อชาวชนบทได้สำเร็จ ร่ำไห้น้ำตาคลอเบ้าพ่อเป็นแรงผลักดัน ยอมรับครอบครัวลำบากไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่ขอดิ้นรนกู้เงิน กยศ. และสอบชิงทุนเพื่อให้สำเร็จการศึกษาตามใจหวัง
จนทิพย์ อดได้ทุน คณะแพทย์ มมส.ชี้เงินบริจาค น้องโวลต์ เพียงพอแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านเช่าหลังเล็ก จำนวน 1 ห้องนอน ตั้งอยู่เลขที่ 148/32 ถนนกันตัง ต.บางรัก อ.เมืองตรัง จ.ตรัง เปิดเป็นร้านรับซักอบรีด ริมซอยทางเข้าวัดโคกกระท้อน ซึ่งเป็นบ้านที่ น.ส.กัลยา ตันเองฉ้วน หรือน้องแนน อายุ 18 ปี นักเรียนที่มีความขยัน จบการศึกษาจากโรงเรียนสภาราชินีตรัง อาศัยอยู่ร่วม 10 ปีกับ น.ส.มลิวรรณ ไพริน หรือแม่นา อายุ 49 ปี และพ่อเลี้ยงที่เพิ่งมาอยู่ภายหลัง รวม 3 ชีวิต โดย น.ส.กัลยา หรือน้องแนน เป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดี จบการศึกษามัธยมศึกษาปีที่ 6 เกรดเฉลี่ย 3.97 และสามารถสอบติดคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ตามโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท ศูนย์รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ที่เพิ่งประกาศผลเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้เป็นที่ภาคภูมิใจของแม่ และสมความตั้งใจของน้องแนน แม้ครอบครัวของน้องแนนไม่ได้สมบูรณ์แบบ และฐานะค่อนข้างลำบาก หาเช้ากินค่ำ ไม่ได้มีเงินเก็บสะสม แต่น้องแนนยังคงคาดหวังว่าจะขอกู้เงิน กยศ.และสอบชิงทุนเพื่อทำให้ตนเองสำเร็จการศึกษาตามที่หวังไว้
ส่วนผู้เป็นพ่อคือนายยงยุทธ ตันเองฉ้วน ได้เสียชีวิตลงไปด้วยโรคมะเร็งตับ เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา ในวัย 50 ปี ซึ่งจากสาเหตุดังกล่าว ทำให้น้องแนนที่มีความขยัน ประกอบกับการตั้งใจเรียนมาโดยตลอดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กลับกลายมีความฝันอยากจะเป็นแพทย์เพื่อช่วยเหลือคนอื่น เนื่องจากการสูญเสียผู้เป็นพ่อไป เป็นความสูญเสียครั้งสำคัญในชีวิตที่ทำให้โศกเศร้าเสียใจจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งน้องแนนเป็นลูกคนเดียวระหว่าง น.ส.มลิวรรณ กับ นายยงยุทธที่เสียชีวิตลงไป โดยน.ส.มลิวรรณ เคยมีครอบครัวมาแล้วก่อนหน้านี้มีลูกจำนวน 3 คนแต่ได้เลิกรากันไป
ซึ่งพี่น้องต่างบิดาจำนวน 3 คนได้สำเร็จการศึกษาและประกอบอาชีพกันหมดแล้วทุกคน และหลังจากนายยงยุทธได้เสียชีวิตลง น.ส.มลิวรรณ ได้มีสามีใหม่และอยู่อาศัยอยู่ร่วมกันในปัจจุบัน ส่วนน้องแนนยังคงอยู่ในการเลี้ยงดูของผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นเสาหลักของบ้านมีอาชีพรับจ้างซักอบรีดผ้า และเป็นแม่ค้าขายผลไม้ แต่ด้วยสภาวะโควิด-19 ทำให้มีรายได้ลดลง จากรายได้เดือนละ 20,000 บาท เหลือเพียงเดือนละ 10,000 กว่าบาท ที่จะต้องนำมาใช้จ่ายภายในครอบครัวทั้งหมด ทั้งค่าเช่าบ้านเดือนละ 1,800 บาท ค่าผ่อนรถยนต์กระบะที่ใช้สำหรับขายผลไม้เดือนละ 6,000 บาท ส่วนที่คงเหลือเป็นเงินที่ใช้สำหรับการกินอยู่ในครอบครัว
น.ส.กัลยา หรือ น้องแนน กล่าวทั้งน้ำตาคลอเบ้าว่า ตนเข้าสมัครโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท จากมหาวิทยาลัยมหิดล เมื่อเดือน มี.ค.64 ที่ผ่านมา และประกาศผลเมื่อวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมาว่าติดแพทย์ และจะเปิดเทอมในวันที่ 9 ส.ค.64ที่จะถึงนี้ แต่ตนก็มีเรื่องเครียดในส่วนเงินค่าใช้จ่ายในการเรียน จากที่ดูมาจะต้องจ่ายค่าเทรมก่อนเข้าเรียน 30,000 บาท ไม่รวมค่าหอพัก ซึ่งยังไม่มีแต่ก็ตั้งใจที่จะกู้เงิน กยศ.และสอบชิงทุนต่าง ๆ
น.ส.กัลยา กล่าวอีกว่า ก่อนสอบนั้นตนได้ตั้งใจอ่านหนังสือเอง และได้สมัครขอทุนจากสถาบันแห่งหนึ่งเพื่อเรียนพิเศษเพิ่มเติมก็ได้เรียนพิเศษและติวฟรี สาเหตุที่ทำให้ตนตัดสินใจเรียนแพทย์นั้นเป็นช่วงที่พ่อเริ่มป่วย ตนได้คุยกับหมอซึ่งในระหว่างทำการรักษา หมอได้บอกอาการป่วยของพ่อ ด้วยความที่ไม่เข้าใจตนจึงหาข้อมูลดูในกูเกิลจึงมีความรู้สึกอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับโรคมากกว่านี้ เป็นจุดเริ่มต้นที่อยากเป็นหมอ เพื่อตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนอื่น ๆ อยากให้เขามีโอกาสได้มีชีวิตต่อไป
ด้าน น.ส.มลิวรรณ หรือแม่นา กล่าวว่า หลังจากที่ทราบว่าลูกติดแพทย์ตนก็รู้สึกดีใจ แต่ก็กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเพราะทางบ้านก็ลำบาก รายได้ลดลงเนื่องจากช่วงโควิดจากปกติได้รับรายได้เดือนละ 20,000 กว่าบาท แต่ตอนนี้ได้รับรายได้เพียงแค่เดือนละ 10,000 กว่าบาท แต่ก็จะหาทางให้ลูกมีเงินเรียนหมอต่อโดยจะขอจากพี่ๆต่างบิดา เพื่อให้ช่วยเหลือน้องและน้องแนนเองก็ตั้งใจจะกู้เงิน กยศ. ด้วย ก็มีความหวังว่าลูกต้องเรียนจบหมอ เพราะลูกมีความตั้งใจ ตั้งแต่เรียนชั้น ป.1- ป.6 ก็เรียนได้ที่ 1 ของห้องตลอด และเชื่อว่าจะต้องมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือน้องในการประสานงานเรื่องขอทุนในการศึกษา โดยหากใครจะติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 090-261-8873 ( น.ส.มลิวรรณ ไพริน)
จนทิพย์ ร้อนดุ้ง! ผู้ใหญ่บ้านชี้ น้องโวลต์ เปิดบริจาคโดยพลการ บ้านไม่ได้จนขนาดนั้น
น้องจูน เด็กกตัญญูโคราช ขอหยุดรับบริจาค ได้ 180,000 บาท พอแล้ว