จากกรณีกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) บุกจับกุม
นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม ดารานายแบบ ตามหมายจับของศาลอาญาในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน โดยสามารถจับกุมได้บริเวณห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านพหลโยธิน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่าน :
รวบดาราหนุ่ม “บูม จิรัชพิสิษฐ์” ฐานร่วมฟอกเงิน หลังลวงเหยื่อสูญกว่า 700 ล้าน )
ล่าสุด
นายจิรัชพิสิษฐ์ ได้ให้การปฏิเสธในชั้นสอบสวนว่า ได้รับโอนเงินมาจากนายปริญญา จารวิจิต พี่ชายเท่านั้น ซึ่งเจ้าหน้าได้ควบคุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ ส่งศาลอาญาเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป โดยหลังจากสอบปากคำเสร็จสิ้น นายจิรัชพิสิษฐ์ ไม่ได้ตอบคำถามกับสื่อมวลชน
ด้าน
พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ผู้ต้องหาในกลุ่มแต่ละคน หลังจากได้รับการโอนเงินมา ก็ได้โอนต่อไปยังครอบครัว พ่อแม่พี่น้อง นอกจากนายจิรัชพิสิษฐ์ หรือ บูม ,นายปริญญา จารวิจิต พี่ชาย และ นางสาวสุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่สาว แล้วในกลุ่มผู้ต้องหายังมีเซียนหุ้นและเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย
ทั้งนี้ การกระทำของนายปริญญา ที่โอนเงินให้ครอบครัวเป็นการสร้างความเดือนร้อนให้แก่ครอบครัว จากการสอบสวนชี้ว่านายจิรัชพิสิษฐ์ ก็เป็นหนึ่งในผู้ร่วมพูดคุยกับผู้เสียหายชาวต่างชาติ ดังนั้นจะอ้างว่าไม่รับรู้ถึงเหตุการณ์ไม่ได้
ด้าน
พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) ผู้ควบคุมสำนวนการสอบสวนในคดีนี้ ได้ให้ข้อมูลว่า กลุ่มผู้กระทำผิดได้ร่วมกันหลอกลวงชายชาวต่างชาติสัญชาติฟินแลนด์ เพื่อให้ร่วมการลงทุน เนื่องจากกลุ่มผู้กระทำผิดสืบทราบว่า ชายชาวฟินแลนด์คนดังกล่าวมีเหรียญบิทคอยน์จำนวนมาก โดยกลุ่มผู้กระทำผิดได้บอกกับผู้เสียหายว่า ให้นำเหรียญบิทคอยน์มาขายในประเทศไทย เพื่อนำเงินไปซื้อเหรียญดิจิทัลอีกสกุล โดยจะนำบริษัทที่ทำเหรียญดิจิทัลนี้เข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเหรียญดิจิทัลที่ได้จะนำไปใช้ที่บ่อนการพนันมาเก๋า ทำให้ชายชาวฟินแลนด์หลงเชื่อ และได้นำเหรียญบิทคอยน์จำนวนประมาณ 774 ล้าน ให้กับกลุ่มผู้ต้องหา แต่กลุ่มผู้ต้องหากลับไม่นำเงินที่ได้ไปลงทุน แต่นำไปหมุนเวียนในกลุ่มพี่น้อง โดยเฉพาะในกลุ่มพี่น้องของนายจิรัชพิสิษฐ์ ที่นำไปหมุนเวียนประมาณ 400 กว่าล้านบาท และนำเงินที่ได้ไปใช้ในการรับขายฝากที่ดิน ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ติดตามและยึดไว้ได้ประมาณ 200 กว่าล้านบาท
โดยเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายจับแล้ว 3 คน คือ นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม , นายปริญญา จารวิจิต พี่ชาย ที่ขณะนี้อยู่ที่ต่างประเทศตั้งแต่ 19 ก.ค. ที่ผ่านมา และน.ส.สุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่สาว ในข้อหาสมคบกันฟอกเงิน ขณะนี้ มีรายงานว่าน.ส.สุพิชย์ฌา ได้ติดต่อเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่แล้ว ส่วนการโยกเงินในประเทศนั้นตรวจพบแล้ว 49 บัญชีในประเทศ และตรวจพบการโอนเงินออกนอกประเทศอีก 30 ล้านบาท
ทั้งนี้ วันพรุ่งนี้ (10 ส.ค.) พนักงานสอบสวนจะควบคุมตัว นายจิรัชพิสิษฐ์ หรือ บูม ไปฝากขังต่อศาลอาญาถนนรัชดาภิเษก โดยพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีมูลค่าความเสียหายสูง หากได้รับการประกันตัว ผู้ต้องหาอาจหลบหนี อีกทั้งยังมีผู้ร่วมขบวนการอีกหลายคน ที่ยังอยู่ระหว่างการติดตามตัว