กรณีเหตุสลดใจเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 22 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ร.ต.อ.คำจันทร์ งามจิตร พนักงานสอบสวน สภ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันเสียชีวิตที่บริเวณถนนในหมู่บ้านหนองน้ำขุ่น ม.5 ต.โนนงาม จึงรุดลงพื้นที่ตรวจสอบ ที่เกิดเหตุพบรถจักรยานยนต์ ทะเบียน 1 กง 8781 อำนาจเจริญ พบรอยกระสุนที่บริเวณคอรถด้านขวา ข้างรถพบกองเลือด ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บภายหลัง น.ส.หงวน น้อยหอม อายุ 51 ปี ญาติเร่งนำตัวส่ง รพ.อำนาจเจริญ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อ นายสุวิทย์ บุญหาญ อายุ 34 ปี อดีตลูกเขยของผู้เสียชีวิต
ล่าสุดวันที่ 23 พ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าบ้านของผู้เสียชีวิต สามารถบันทึกภาพของนายสุวิทย์ ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ปืนยิง น.ส.หงวน ขณะที่อดีตแม่ยาย กำลังขี่รถจักรยานยนต์เดินทางกลับบ้าน ซึ่งบริเวณที่เกิดเหตุห่างจากตัวบ้านเพียง 150 เมตร
โดยภาพจากกล้องวงจรปิด เผยให้เห็นนายสุวิทย์ บุกเข้าไปบ้านของอดีตภรรยา แล้วถามหาภรรยาจากลูกเลี้ยงวัย 12 ปี ก่อนที่จะจับตัวลูกเลี้ยงแล้วใช้ปืนจ่อยิงเข้าที่บริเวณศีรษะด้านซ้าย 2 นัด แต่โชคดีที่ลูกกระสุนด้าน ทำให้ลูกเลี้ยงไม่ได้รับบาดเจ็บ และสามารถหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านได้ทัน
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางมายัง 5 หมู่ที่ 5 ต.โนนงาม อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ซึ่งพบว่าทางครอบครัวได้ฌาปนกิจร่างของผู้ตายแล้วที่สำนักสงฆ์หนองน้ำขุ่น ต.โนนงาม ตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน เนื่องจากความเชื่อของชาวอีสาน หากผู้ใดตายโดยไม่ทันตั้งตัวให้เผาทันที
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายณรงค์ มณเทียร อายุ 46 ปี อบต.โนนงาม หรือ เพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามของผู้ตาย ซึ่งเข้าไปช่วยเหลือ ด.ญ.บี (นามสมมติ) เล่าว่า วานนี้ (22 พ.ค.64) เวลาประมาณ 08.35 น. ตนสังเกตเห็นผู้ก่อเหตุขับรถแท็กซี่มาจอดบริเวณหน้าบ้านผู้ตาย ทำท่าทีมองหานางสายฝน อดีตภรรยา แต่ขณะนั้นนางสายฝนไม่อยู่บ้าน ผู้ก่อเหตุจึงเข้าไปสอบถามด.ญบี (นามสมมติ) ลูกติดของนางสายฝน “แม่ไปไหน” ซึ่งด.ญ.บี (นาสมมติ) บอกว่า “ไม่รู้”
จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้ขับรถออกไป แล้ววนกลับเข้ามาอีกรอบ แล้วปรี่เข้าไปในบ้าน ผ่านไปประมาณ 2 นาทีตนก็ได้ยินเสียงดัง 2 ครั้ง เหมือปืนยิงไม่ออก ตามมาด้วยเสียงของด.ญ.บี ร้องตะโกนว่า "โอ๊ย กลัวแล้ว ๆ อย่าทำ ๆ ไม่ไป ๆ" ตนจึงรีบวิ่งมาดูเห็นผู้ก่อเหตุถือปืนอยู่ในมือ ส่องไปทางด.ญ.บี พร้อมฉุดกระชากลากด.ญ.บี พยายามพาขึ้นรถแท็กซี่ ตนจึงตะโกนว่า “ทำอะไร” ทำให้ผู้ก่อเหตุปล่อยมือเด็ก พร้อมเก็บปืน แล้ววิ่งขึ้นรถแท็กซี่แล้วขับออกไป ส่วนด.ญ.บี ก็ได้วิ่งหลบหนีไปตามซอยภายในหมู่บ้าน
จากนั้นตนก็ได้ยินเสียงปืนดังขึ้นอีก 8 นัด ดังมาจากหลังบ้านตน พร้อมเสียงโวยวายของชาวบ้าน “ช่วยด้วย ๆ คนยิงยายสงวน” พบว่าผู้ก่อเหตุยิงรัวใส่ผู้ตายคารถจักรยานยนต์ ขณะที่ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์กลับมาจากนา ตนคิดว่าหากตนไม่ออกมาพบ ด.ญ.บี เด็กอาจจะถูกลักพาตัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ตนสังเกตเห็นว่าผู้ก่อเหตุไม่เคยทำงาน นอนเล่นทั้งวันภายในบ้านบ้าง ภายในนาบ้าง โดยให้น.ส.ฝนคอยทำงานหาเลี้ยง ทั้งนี้ตนไม่เคยได้ยินเสียงผู้ก่อเหตุกับนางสายฝนทะเลาะกัน และไม่เคยเห็นแผลเขียวช้ำของนางสายฝนจากการตบตี แต่ชาวบ้านต่างก็รู้ดีว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหากับทางบ้านของนางสายฝน ขณะนี้ชาวบ้านต่างขวัญผวา เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์โหดร้ายแบบนี้ ตนเกรงถึงความปลอดภัยของครอบครัวผู้ตายและครอบครัวของตน เนื่องจากตนรู้เห็นเหตุการณ์ และเห็นชัดเจนว่าผู้ก่อเหตุมีปืน ตนยอมรับว่าตนกลัวแต่ถ้าตนไม่วิ่งเข้าไปช่วย ด.ญ.บี เด็กก็จะเป็นอันตราย ตนจึงวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับตัวผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็วที่สุด
จากนั้น ทีมข่าวได้ย้อนไปดูที่เกิดเหตุอีก 1 จุด ซึ่งคือจุดที่ผู้ก่อเหตุรัวยิงใส่ผู้ตาย โดยภายในที่เกิดเหตุ ทีมข่าวยังสังเกตเห็นคราบเลือดที่แห้งแล้วติดอยู่บนพื้นหญ้าด้วย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายบัง (นามสมมติ) อายุ 64 ปี ญาติของผู้ตาย ซึ่งได้พูดคุยกับผู้ก่อเหตุก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะรัวลูกปืนใส่ผู้ตาย บอกว่า ผู้ก่อเหตุพบเจอกับนางสายฝน เมื่อประมาณ 3 ปีก่อนที่พัทยา ขณะนั้นผู้ก่อเหตุทำงานขับรถส่งของ จากนั้นเมื่อทั้งคู่ย้ายกลับมาอาศัยภายในหมู่บ้าน ผู้ก่อเหตุกลับไม่ช่วยทำงาน อ้างป่วยเป็นความดัน เบาหวาน และชอบทุบตีนางสายฝน ทำให้นางสายฝนและผู้ตายต่อว่าผู้ก่อเหตุอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ผู้ก่อเหตุย้ายออกจากบ้านไป
กระทั่งวันที่ 22 พ.ค.64 เวลาประมาณ 08.35 น. ผู้ก่อเหตุได้ขับรถแท็กซี่มาจอดบริเวณหน้าบ้านของตน พร้อมกับยื่นเนื้อวัวให้ตน 2 กิโลกรัม ตนที่กำลังตัดผมให้หลานจึงบอกกลับไปว่า “เดี๋ยวตัดผมเสร็จแล้วจะทำให้กิน” ขณะนั้นตนคิดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะกลับมาภายในหมู่บ้าน เพื่อปรับความเข้าใจกับนางสายฝนและผู้ตาย
จากนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้วนรถรอบหมู่บ้าน 1 รอบ แล้วกลับมาจอดที่หน้าบ้านตนอีกครั้ง ขณะนั้นผู้ตาย ซึ่งเป็นแม่ยายของผู้ก่อเหตุ ก็ได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาจากนา ผู้ก่อเหตุจึงได้ลดกระจกลง พร้อมชักปืนยิงใส่ผู้ตาย ซึ่งในตอนแรกตนคิดว่าใครเหยียบกล่องนมระเบิด จากนั้นผู้ตายได้พยายามขี่รถจักรยานยนต์หนีออกจากที่เกิดเหตุ แต่ผู้ก่อเหตุไม่ยอมหยุด ลงมาจากรถและวิ่งตามผู้ตายไประยะประมาณ 5 เมตร จากนั้นก็ได้รัวยิงใส่ผู้ตาย
ทั้งนี้ ตนรีบวิ่งออกมาดูเหตุ ได้แต่ยืนนิ่งทำอะไรไม่ถูก ผู้ก่อเหตุได้เดินเข้ามาหาตน ยกมือไหว้ พูดว่า “ขอโทษ ผมโมโห” แล้วขับรถหนีไป เหตุการณ์นี้ทำให้ตนย้อนคิดขึ้นได้ว่า เมื่อไม่กี่เดือนก่อนผู้ก่อเหตุเคยส่งรูปรถแท็กซี่คันดังกล่าวมาให้นางสายฝนดู ว่าขณะนี้มีงานทำแล้ว และส่งรูปปืนมาให้นางสายฝน พร้อมขู่ว่าจะฆ่ายกครัว ตนคิดว่าผู้ก่อเหตุมีเจตนาที่จะฆ่าเอาชีวิต เพราะความแค้นที่สะสม เนื่องจากผู้ก่อเหตุเคยมาปรึกษาปรับทุกข์กับตนอยู่บ่อยครั้ง
นายบัง ยังเผยด้วยว่า แท้จริงแล้วแม่ยายไม่ได้ห้ามที่นางสายฝนจะคบหากับผู้ก่อเหตุ เพียงแต่อยากให้ผู้ก่อเหตุทำงานเก็บเงิน แล้วแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี แต่ผู้ก่อเหตุไม่เคยทำ อีกทั้งยังอ้างว่าเงินของนางสายฝน ที่ส่งให้ผู้ตายทุกเดือนขณะที่ทำงานอยู่พัทยานั้น เป็นเงินของเจ้าตัว ตนอยากจะวิงวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งจับผู้ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.สุทธกาญจน์ ฟักทอง ผกก.สภ.ปทุมราชวงศา เปิดเผยว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจพบปลอกกระสุนปืน 5 ปลอก และลูกกระสุน 1 ลูก (กระสุนด้าน) ตกอยู่ในที่เกิดเหตุที่ผู้ตายถูกยิง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบรถแท็กซี่ที่เป็นพาหนะในการก่อเหตุได้ที่ข้างวัดถ้ำแสงเพชร อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ จึงได้นำรถของกลางไปเก็บไว้ที่กองกำกับการสืบสวนอำนาจเจริญ
โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับผู้ต้องหาเป็นที่เรียบร้อยแล้วใน 3 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พยายามฆ่าผู้อื่น, พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต คาดว่าจะสามารถจับกุมคนร้ายมาลงโทษไม่เกิน 3 วัน เพราะขณะนี้ได้ทราบเบาะแสว่าคนร้ายแล้วว่าไปกบดานอยู่ที่ใด ซึ่งยังคงวนเวียนอยู่ในจังหวัดอำนาจเจริญ
ส่วนนางสายฝน อดีตภรรยาของผู้ก่อเหตุ และ ด.ญ.บี (นามสมมติ) ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ปทุมราชวงศา จะส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปคุมกันดูแล คืนละ 4-5 นายทุกคืน เพื่อความปลอดภัย เพราะเกรงว่าผู้ก่อเหตุอาจจะหวนกลับมาก่อเหตุซ้ำ