จากเหตุการณ์ที่มีผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ถูกรถเมล์ร่วมบริการทับร่างจนเสียชีวิต ย่านถนนพระราม 4 ล่าสุดทางด้านครอบครัวผู้ตาย ยังคงติดใจถึงสาเหตุการเสียชีวิต ที่คาดว่าอาจจะเกิดจากการถูกรถเมล์พุ่งชนก่อนกระเด็นไปถูกรถเมล์อีกคันหนึ่งทับร่าง
วันที่ 11 ส.ค. 61
นายจุมพล เหมนิหมัด พ่อของนายจตุพล เหมนิหมัด ผู้ตาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า วันเกิดเหตุมีคนได้โทรศัพท์มาแจ้งว่าลูกชายของตนได้ประสบอุบัติเหตุ เมื่อได้ยินดังนั้นตนก็รู้สึกตกใจจึงรีบเดินทางออกจากบ้านมาที่เกิดเหตุทันที เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็ทราบว่าลูกชายก็เสียชีวิตแล้ว และเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้มาบอกตนว่า ก่อนที่ลูกชายของตนจะหมดลมหายใจ ได้ฝากสั่งเสียให้ดูแลแม่และลูกด้วยงตนก็จูบหน้าผากลูกครั้งสุดท้าย และบอกกับลูกว่าหลับให้สบายนะ พ่อรับทราบแล้ว ซึ่งวินาทีที่ตนเห็นหน้าลูกก็พูดอะไรไม่ออก ร้องไม่ออก มึนไปหมด จนแม่ของผู้ตายเป็นลมขึ้นรถพยาบาลไป ส่วนตนยังใจแข็ง ซึ่งตนได้ฝากความหวังไว้ว่าน่าจะจากไปก่อนลูกชาย และให้ลูกชายดูแลแม่กับพี่ๆ แต่แล้วลูกชายก็จากไปก่อนถ้าหากวิญญาณของลูกชายรับทราบ พ่อคนนี้จะทำตามที่ลูกชายคนนี้ได้บอกไว้
ด้าน
น.ส.สุวัยบัส จารง ภรรยาของผู้ตาย เปิดเผยว่า มีคนโทรศัพท์มาบอกว่าสามีของตนได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากรถเมล์ชน ซึ่งวินาทีนั้นตนก็รู้สึกช็อก แต่คิดอยู่เสมอว่าสามีของตนนั้นไม่น่าจะเป็นคนขับไปชน เพราะเป็นคนค่อนข้างที่จะมัดระวังในการขับขี่รถจักรยานยนต์ โดยก่อนออกจากบ้านทุกครั้งจะมีอุปกรณ์เซฟตี้ทั้งหมวกกันน็อคและถุงมือ ถึงแม้ว่าจะออกจากบ้านไปในระยะทางไม่ไกลก็ตามอุปกรณ์เซฟตี้ก็ต้องพร้อมทุกครั้ง ซึ่งสามีของตนก็ได้มีรถจักรยานยนต์เป็นพาหนะหลักในการเดินทางไปทำงานและไปทำธุระต่างๆ
น.ส.สุวัยบัส ยังบอกอีกว่า โดยส่วนตัวนั้น มีความติดใจรถเมล์สาย 115 ทั้ง 2 คัน ซึ่งจากการดูคลิปวิดีโอแล้ว ระยะห่างระหว่างช่องตรงกลางของรถเมล์ สามีของตนเองไม่สามารถที่จะแทรกเข้าไปได้ มีความคาใจกับรถเมล์สาย 115 คันที่อยู่ขวามือน่าจะกระแทกหรือชนรถจักรยานยนต์ของสามีตน ทำให้รถจักรยานยนต์ของสามีตนล้มลงจนถูกรถเมล์สาย 115 คันซ้ายมือทับร่างของสามีจนเสียชีวิต ตนจึงอยากเรียกร้องความเป็นธรรมจากรถเมล์สาย 115 ทั้ง 2 คัน ให้ออกมารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น
โดยสามีตนเองนั้น เป็นคนรักครอบครัว คอยดูแลครอบครัวและลูก คิดวางแผนที่จะสร้างครอบครัวด้วยกันมาตลอด เพื่อที่จะทำสิ่งต่างๆ โดยเฉพาะการเก็บเงินซื้อบ้าน และอีกเรื่องหนึ่งที่มาทราบภายหลังจากเพื่อนของสามี ว่าสามีของตนเองนั้น ได้วางแผนที่จะซื้อบ้านหลังใหม่ เนื่องจากเดือนหน้าเป็นครบแต่งงาน 4 ปี โดยในช่วงนี้ ตนคงกลับไปทำใจที่ต่างจังหวัดซักระยะหนึ่ง เพราะไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ รู้สึกเสียใจที่สามีจากไป และเร็วเกินไป และอยากจะบอกสามีว่า ไม่ต้องเป็นห่วงเรากับลูกนะจะดูแลลูกให้ดีที่สุด
ด้าน
นายสมร สมวงศ์ คนขับรถเมล์สาย 115 คันขวา เปิดเผยว่า ตนพึ่งกลับมาขับรถเมล์สายนี้ได้เพียง 2 อาทิตย์เท่านั้น วันเกิดเหตุตนได้ขับรถเมล์คันนี้มาตามเส้นทางปกติ ซึ่งเมื่อถึงจุดเกิดเหตุนั้น ปริมาณรถค่อนข้างหนาแน่นและติดหนัก ทำให้รถเมล์ของตนต้องจอดติดอยู่ จากนั้นตนเองได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ล้มลง จึงมองไปที่กระจกมองข้างซ้าย จนพบว่า มีรถจักรยานยนต์ล้มลงอยู่ใต้ท้องรถเมล์สาย 115 คันซ้าย ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับรถเมล์สาย 115 คันซ้ายมือ กำลังเลื่อนรถออกไปพอดี ทำให้ทับร่างนายจตุพลเสียชีวิต
ตนยืนยันว่า วันเกิดเหตุไม่มีอาการมึนเมาแต่อย่างใด เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่ค่อยสุ่มตรวจวัดแอลกอฮอล์ตามจุดต่างๆ แต่ยอมรับว่าจะดื่มเหล้าเป็นประจำในช่วงเย็นหลังเลิกงานเท่านั้น โดยในวันนี้ได้เดินทาง มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนที่สถานีตำรวจนครบาลคลองตัน ซึ่งขอยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ ที่ขับรถเมล์มาตามช่องทางปกติและยืนยันไม่มีการแข่งกับรถเมล์สาย 115 คันซ้ายมือ มาอย่างแน่นอน
ด้าน
ร.ต.อ.ดนุรุจ บุญมูสิก พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลคลองตัน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เรียกคนขับรถเมล์สาย 115 ทั้ง 2 คัน มาสอบปากคำเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคนขับทั้ง 2 คน ต่างให้การปฏิเสธ โดยหลังจากนี้กำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม จากกล้องวงจรปิด กล้องหน้ารถและหาพยานแวดล้อม ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ รวมไปถึงเรียกเจ้าของคลิปวิดีโอที่สามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้มาให้ข้อมูล โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดกับผู้ขับรถเมล์สาย 115 ทั้ง 2 คัน เนื่องจากต้องรอพยานหลักฐานและจากการตรวจพิสูจน์ร่องรอยของรถเมล์ก่อน