นักแสดง และนางแบบสาว ตุ๊ก ชนกวนันท์ กับบทบาทซิงเกิ้ลมัมของลูก ๆ น้องแพรวและน้องภูมิ และวิธีการเลี้ยงลูกแนวธรรมชาติ ไม่ให้ดูทีวี ไม่ให้ใช้โทรศัพท์มือถือ พร้อมเคลียร์ข่าวเมาท์บังคับลูกเรียนเสริม หวังดันเข้าวงการบันเทิง ผ่านทางรายการคุยแซ่บshow ที่มีพีเค ปิยะวัฒน์ และ ธัญญ่า ธัญญาเรศ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ตุ๊กเป็นไอดอลของแม่ๆ เลี้ยงลูกด้วยวิธีธรรมชาติ ในยุคนี้มันยากมาก?
ตุ๊ก : ตุ๊กคิดว่ามันยากเหมือนกัน คือมีคนมาถาม ถ้าทำไม่ได้จะไม่ว่าเลย บางคนบอกว่านี่ฝากไว้กับคุณปู่ คุณย่า ดูทีวี บอกแกความสัมพันธ์ในครอบครัวสำคัญกว่า ดูก็ดู กลับมาก็อยู่กับเรา ตอนอยู่กับเราเอาให้ดีแล้วกัน ก็จะให้กำลังใจคนอื่นอย่างนี้ ของตุ๊กมันอาจจะง่าย เพราะเป็นครอบครัวเดี่ยว ตอนเด็กๆ พ่อแม่ก็จะเปิดทีวีทิ้งไว้ทั้งวัน เราไม่ได้เป็นแบบนั้น ของตุ๊กไม่ได้มีอะไรยาก ที่ยากที่สุดคือการทำงานในวงการบันเทิง มันก็สวยทางแล้วกับการจะเลี้ยงเด็กให้แบบใสๆ
สไตล์การเลี้ยงลูกแบบตุ๊กขออนุญาตใช้คำว่าย้อนยุคก็แล้วกัน ไม่ต้องมีมือถือ ไม่ต้องมีไอแพค ไม่ต้องดูทีวี?
ตุ๊ก : ใช่ จริงๆ เริ่มจากอยากให้เขาเป็นเด็กที่มีความสุข ก่อนหน้านี้คำแรก ตุ๊กเป็นเด็กที่แทบจะ 4.00 แต่ก็รู้สึกว่าบางทีตัวเองก็ไม่เข้าใจ เรารู้สึกว่าโลกมันมากกว่านั้น ยิ่งสมัยนี้สำหรับการมีจิตใจที่สตรอง คุ๊กรู้สึกว่าการเข้าใจชีวิตมันน่าจะสำคัญกว่า อันนั้นคือเขารอด
ของเล่นที่เป็นชิ้นเป็นอันก็ไม่มีเหรอ?
ตุ๊ก : จริงๆ แล้วไม่มี เพราะว่าโลกความจริงมันมีอะไรน่าสนใจเยอะเลย ท่อนไม้ ท่อนนึง เขาเล่นวันนี้อาจจะเป็นดาบ เล่นอีกวันก็เป็นคฑาเสกแม่มด อีกวันนึงกลายเป็นเรือ อีกวันนึงเอาท่อนไม้หลายๆ อันมาต่อเป็นแพร มันโคตรไม่ปิดกั้นจินตนาการเลย แต่ของเล่นพลาสติกมันบล็อกจินตนาการ บล็อกวิธีเล่นไปแล้ว เล่นก็เล่นเหมือนเดิม ไม่ได้คิดวิธีเล่นเอง
พี่บ๊วยเห็นเราเลี้ยงลูกแบบนี้ เขาเห็นด้วยไหม?
ตุ๊ก : ถ้าเอาจริงๆ เราเลี้ยงแบบนี้มาตั้งแต่ก่อนหย่าแล้ว จริงๆ ต้องยกให้เขานะ เขาเป็นคนตัดสินใจ เลือกโรงเรียน คือโรงเรียนแนวเดียวกันกับวิธีเลี้ยง เขาเป็นคนไปบอกคุณแม่เขาว่าหลานไม่ดูทีวีนะ
เคยมีพ่อแม่ที่ไม่เลี้ยงลูกแบบเรา บอกว่าเราเว่อร ไปหรือเปล่า อันนี้เคยเข้าหูบ้างไหม?
ตุ๊ก : มี ยิ่งใหม่ๆ ยิ่งเยอะ ดีที่สุดสำหรับคุ๊ก มันอาจจะไม่ดีหรือยังไง แต่ว่าตุ๊กเงียบง่ายสุด เพราะว่าไม่ใช่เป็นคนพูดอะไรแล้วดูน่ารัก ก็เคยคิดว่าถ้าไม่ได้ถาม ไม่ได้สนใจ ก็จะเฉยๆ
นี่เป็นครั้งแรกใช่ไหมแพรวที่มาออกทีวี เขินไหม?
แพรว : ค่ะ เขินคะ
วิธีที่แม่สอนเราไม่ดูทีวีเราเข้าใจไหม?
แพรว : เข้าใจค่ะ แต่เวลาแม่ไปทำงานหนูก็แอบดู
อย่างมือถือเราอยากมีไหม?
แพรว : ก็เพิ่งมาเริ่มอยากมีตอนนี้ หนูก็แอบเล่นของทีมงานเวลาแม่ไปทำงาน
ตุ๊กคิดว่าสักอายุเท่าไหร่ถึงอยากเปิดให้ลูกสัมผัสกับมือถือ ทีวี?
ตุ๊ก : คือยังไงเราก็จะสัมพันธ์กับแนวทางโรงเรียน เพื่อง่าย เพราะว่าการที่เขาจะมีไปถึงโรงเรียน การพูดคุยเลยมันก็จะกระทบเด็กคนอื่น มันก็ควรจะคล้ายๆ กัน เป็นไปในทางเดียวกัน เพื่อที่เราจะเคารพพ่อแม่บ้านอื่นด้วย อย่างโรงเรียนเดิมที่น้องเรียนโดยประมาณ 15 พอหลัง 15 ถามว่าจำเป็นไหม มันไม่จำเป็น เราก็ไปรับไปส่งตลอด แต่มันอาจจะมีการแอดซายงานบางอย่างที่ใช้ อันนี้เราก็เข้าใจ แต่เนื่องด้วยปีนี้เปลี่ยนแปลงกะทันหัน แพรวเขาก็จะเปลี่ยนแนวโรงเรียน ก็เลยไม่รู้ว่า ม.1 ของโรงเรียนใหม่มันมีความจำเป็นต้องใช้มากน้อยแค่ไหน มันก็เลยยังไม่ทราบ
เห็นว่าตอนนี้น้องแพรวคือเรียนเยอะมาก?
แพรว : เรียนไอซ์สเก็ต, ขี้ม้า, ไวโอลิน,ฮาร์ป แล้วก็เปียโน
น้องแพรวเป็นคนขอเรียนเองทั้งหมด จริงไหม?
แพรว : บางทีก็ขอเป็นปีเลย เพราะว่าไม่มีตารางลงแล้ว มันเยอะมาก
แพรวแม่ดุไหม?
แพรว : รอบแรกแม่ก็จะเตือน รอบสองบ่น รอบสามก็จะดุ
ส่วนใหญ่จะโดนดุเรื่องอะไร?
แพรว : ก็เก็บของไม่เรียบร้อย
ตอนนี้ลูกเราเริ่มโต เวลาคุย เราคุยในลักษณะเป็นเพื่อนไหม?
ตุ๊ก : เป็น เป็นเพื่อนก็เป็นอยู่แล้ว ตั้งแต่แรก ตอนแรกไม่รู้ตัว จนน้องสาวบอกว่าทำไมแพรวมีสิทธิเลือกทุกอย่างในชีวิตไม่เหมือนเราเด็กเลย เราเพิ่งเห็นตัวเองว่าเราคุยกันแบบนั้น เห้ย เป็นไงครูคนนี้โอเคไหม หรือว่าอันนี้อร่อยไหม ร้านนี้เราจะมาซ้ำอีกไหม แต่ยังไงความทรงสิทธิหรือผู้ปกครองเราต้องเป็น เด็กเขายังไม่มีสติสัมปชัญญะ หรือการคิดในเรื่องผิดชอบชั่วดี มันจำเป็นที่เราต้องดูแลเขา เพราะฉะนั้นมันก็ไม่ได้เป็นเพื่อนสักทีเดียว เราต้องดูแลควบคุม ให้ไกค์เขา เป็นหน้าที่พ่อแม่เนอะ