จากกรณีนายอภินันท์ ขวัญพุทธ หรือ ต้นกล้า อายุ 25 ปี หนุ่มวัยเบญจเพส ชาวอำเภอหล่มสัก จังหวัดเพชรบูรณ์ อาเจียนออกมาเป็นตะปู 4 ดอก มีเลือดปน บริเวณหน้าห้องพักคนงานแห่งหนึ่ง ภายในซอยเก็บทรัพย์เจริญ 1 ตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ อ่างว่าถูกทำของใส่นั้น
วันที่ 28 พ.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมายังที่เกิดเหตุ โรงจอดรถขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 10 เมตร ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหอพัก นางคำพู เอกวงค์ษา อายุ 53 ปี และนายพรบุญ แก้วอุดร อายุ 37 ปี ผู้ดูแลหอพัก อยู่ในเหตุการณ์ขณะที่นายอภินันท์กำลังอาเจียน เล่าว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 17.00 น. ตนกำลังทำอาหารอยู่ในบริเวณโรงจอดรถ นายอภินันนท์ได้เดินลงมาจากหอพักชั้น 2 เพื่อมาขึ้นรถจักรยานยนต์ของเพื่อนขับออกไปทำงานด้วยกัน มีนางสาวฮวามิน (นามสมมติ) แฟนสาวของนายอภินันท์ เดินตามมาด้วย
ขณะนั้นจากที่นายอภินันท์มีสีหน้าที่สดใสก็ได้หน้าซีด มีท่าทางผะอืดผะอม จึงได้ถอดกระเป๋าสะพานทิ้ง แล้ววิ่งไปอาเจียนออกมาเป็นหยดเลือดตามเสาเต็นท์ของโรงจอดรถ จากนั้นก็ได้วิ่งไปอาเจียนอยู่ริมกำแพง พวกตนก็ได้วิ่งตามไปดูอาการด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ต้องรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นว่านายอภินันท์อาเจียนออกมาเป็นตะปู 4 ดอก ลักษณะเก่าและสกปรก
สำหรับนายอภินันท์เพิ่งย้ายมาอยู่หอพักได้ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นิสัยดี ไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ ตนเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น นายอภินันท์ไม่ได้หลอกลวงใคร ตนไม่ทราบว่านายอภินันท์โดนเสกของเข้าที่ไหน แต่อึ้งเพราะตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
นายพรบุญ บอกว่า ตนได้รีบวิ่งตามไปดูอาการของนายอภินันท์ ซึ่งตนเห็นเต็มตาว่าตะปูกำลังออกมาจากปากของนายอภินันท์ โดยเมื่อนายอภินันท์อาเจียนออกมาแล้ว ตนก็สังเกตเห็นว่าผิวหนังของนายอภินันท์ บริเวณแขน หัวไหล่ และหน้าผาก เริ่มนูนขึ้นมีลักษณะคล้ายตะปูงอ จากนั้นก็ยุบหายไป ปกติแล้วตนไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่เห็นตนได้เห็นกับตาก็คงต้องเชื่อ ตนเชื่อว่าภายในตัวของนายอภินันท์น่าจะยังมีของหลงเหลืออยู่อีก
นางสาวฮวามิน (นามสมมติ) อายุ 29 ปี ชาวกัมพูชา แฟนสาวของนายอภินันท์ ยืนยันกับทีมข่าวว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ เพราะนายอภินันท์โดนของมาตั้งแต่อายุ 17 ปี ตนเพิ่งรู้จักกับนายอภินันท์เมื่อ 1 สัปดาห์ก่อน วันที่ 20 พ.ค. 64 เมื่อวานนี้นายอภินันท์ได้ชวนตนไปทำงานด้วยกัน ซึ่งนายอภินันท์บอกกับตนว่า "ฉันโดนของง่าย ยิ่งใกล้วันพระใหญ่ยิ่งกังวล เพราะเคยโดนมาก่อน ตั้งแต่อายุ 17 ปี" เคยอาเจียนออกมาเป็นตะปู 4 รอบ ถือว่านายอภินันท์รู้ตัวเองมาโดยตลอด ยังบอกตนว่าเบญจเพสนี้โดนแน่ ๆ แต่ไม่รู้วันไหน กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. ตนก็เห็นว่านายอภินันท์อาเจียนออกมาเป็นเลือดและตะปู
ซึ่งตั้งแต่เมื่อวานนี้ นายอภินันท์มาอาการมีไข้ ตัวร้อน โดยเฉพาะบริเวณหน้าท้องมีอุณหภูมิที่ร้อนกว่าจุดอื่น ขณะนี้อาการของนายอภินันท์ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงมีไข้เล็กน้อย จากการตรวจร่างกายเมื่อวานนี้ ร่างกายของนายอภินันท์ปกติดี ทั้งนี้ นายอภินันท์บอกกับตนว่า คาดว่าน่าจะถูกคุณไสย์สายเขมร ซึ่งอยู่ในแถบจังหวัดภาคอีสาน จ.สุรินทร์ แต่ไม่รู้ใครเป็นคนทำใส่ และทำด้วยเหตุผลอะไร โดยตนได้พยายามติดต่อพี่สาวที่อาศัยอยู่ประเทศกัมพูชา เผื่อจะมีวิธีรักษาแต่ขณะนี้ยังติดต่อไม่ได้
ตนเชื่อว่านายอภินันท์ไม่ได้หลอกลวง เพราะตนเชื่อว่าไสยศาสตร์มีอยู่จริง ส่วนชาวบ้านก็ไม่ได้หวาดกลัวตน เพราะทุกคนทราบดีว่าตนไม่ได้เป็นคนทำของใส่นายอภินันท์ ตนเชื่อว่าหากมีผู้รู้เก่ง ๆ นายอภินันท์ก็สามารถถอนของออกได้
รศ.นพ.วีระศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว กล่าวว่า บ่อยครั้งคนเรามักได้ยินข่าวกลืนสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย โดยส่วนใหญ่จะพบในผู้ป่วยจิตเวชหรือมีอาการเครียด หรือมีจุดประสงค์จะฆ่าตัวตาย
จากข่าวที่เกิดขึ้นการอาเจียนออกมาเป็นตะปูได้ ผู้ป่วยจะต้องกลืนตะปูลงไปก่อน ซึ่งการกลืนตะปูจะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินอาหารและลำไส้ หากไม่อาเจียนออกมาก็จะตกค้างในกระเพาะและลำไส้ บางรายขับถ่ายออกมาได้ก็จะมีบาดแผล ร้ายแรงถึงลำไส้ทะลุแล้วแต่กรณี แต่บางกรณีไม่สามารถขับถ่ายออกมาได้ แพทย์ก็ต้องทำการผ่าตัด อาจมีภาวะแทรกซ้อน ติดเชื้อบาดทะยัก ส่วนรอยนูนลักษณะคล้ายตะปูที่ชาวบ้านเห็น ตนคิดว่าเป็นอุปาทานหมู่ หากมีรอยนูนจริงคงเป็นการศัลยกรรม ซึ่งรอยนูนจะอยู่ถาวร
เหตุการณ์ดังกล่าว หมอปลาได้ไปร่วมรายการโทรทัศน์ พร้อมกับนายอภินันท์และแพทย์ นายจีรพันธ์ เพชรขาว บอกว่า วันนี้นายอภินันท์ยอมรับแล้วว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นการแต่งขึ้นบางส่วน ยอมรับเพียงว่าอาเจียนออกมาเป็นตะปูเมื่อวานนี้ กับเมื่อเดือนมีนาคม แต่ที่เหลือนั้นโกหก ส่วนที่ตอนเด็กเคยเอกซ์เรย์พบตะปูก็ไม่จริง ส่วนตัวตนไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เพราะหากถูกเสกตะปูเข้าไปในร่างกาย นายอภินันท์คงจะต้องเจ็บปวดเพราะตะปูแทงลำไส้หรือติดเชื้อบาดทะยัก เนื่องจากตะปูที่อาเจียนออกมานั้นสภาพสกปรกมาก ส่วนที่ชาวบ้านต่างลือกันว่านายอภินันท์อาเจียนออกมาเป็นตะปู เชื่อว่าเป็นการอุปาทานหมู่
โดยเมื่อตนได้พูดคุยกับนายอภินันท์ ตนรับรู้ได้ว่านายอภินันท์นั้นเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเอง เรื่องที่เกิดขึ้นน่าจะรับฟังร่างทรงและหมอดูทัก นำมาคิดเป็นเรื่องเป็นราว หากเบญจเพสแล้วตายคงไม่มีใครอายุ 26 ปี โดยวันนี้ตนจะเดินทางไปพิสูจน์ที่เกิดเหตุที่นายอภินันท์อาจจะอาเจียนจริง แต่ตะปูอาจจะตกอยู่ข้างกำแพงอยู่แล้วหรือไม่ เพราะหากตะปูออกมาจากปาก ปากของนายอภินันท์ต้องมีแผล
ทีมข่าวได้เดินทางมายังวัดจรเข้ใหญ่ พระครูวิบูลปัญญากร (อุทัย ปญฺญาวชิโร) เจ้าอาวาสวัดจรเข้ใหญ่ บอกว่า ต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเพื่อนของนายอภินันท์ได้พาตัวนายอภินันท์มาพบกับอาตมา รวมประมาณ 5 คน เพื่อขอให้อาตมารดน้ำมนต์ให้ ซึ่งขณะนั้นเวลาประมาณ 17.00 น. อาตมากำลังเตรียมจะทำวัดเย็น อาตมามีความรู้สึกว่าไม่ค่อยอยากทำ แต่ก็ไม่สามารถขัดญาติโยมได้ เนื่องจากเพื่อน ๆ ของนายอภินันท์บอกว่านายอภินันท์ไม่สบาย อาตมาจึงยินยอมทำให้ เพื่อให้เกิดความสบายใจกับทุกฝ่าย
ขณะที่อาตมาจะรดน้ำมนต์ อาตมาสังเกตได้ว่านายอภินันท์มีอาการตาขวาง หน้านิ่ง สีหน้าหมองคล้ำ ตอนแรกอาตมาคิดติดตลกว่าหรือว่าผีเข้า แต่เมื่ออาตมารดน้ำมนต์ให้นายอภินันท์ เจ้าตัวก็มีสีหน้าที่สดใสขึ้น แต่ก็ยังคงไม่พูดจาใด ๆ เพื่อน ๆ จึงต้องคอยบอกและจัดท่าทางให้นายอภินันท์ไหว้พระและกราบพระ กระทั่งวันรุ่งขึ้น เพื่อน ๆ ของนายอภินันท์ก็ได้กลับมาถวายสังฆทาน แต่นายอภินันท์ไม่ได้เดินทางมาด้วย
ทั้งนี้ อาตมาไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ เพราะอาตมาไม่เคยเจอไม่เคยเห็นกับตัวเอง อาตมาอยากเตือนผู้เสพข่าว ขอให้ฟังหูไว้หู และมีสติ ขอให้ยึดหลักและนึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ด้าน นายเบิ้ม ลูกโป่ง นักมายากลอิสระ และอดีตรองประทานชมรมวิทยากลแห่งประเทศไทย บอกว่า ถ้ามีคลิปตอนอ้วก แล้วตะปูออกมาจากปาก นักเล่นกล เล่นกันได้ จากนั้น ได้สาธิตเสกตะปู นำมาห่อกระดาษเขียนตัวเล 2 ไว้ แล้วเสกให้ไปโผล่ที่กระเป๋ากางเหงด้านหลังของช่างภาพอมรินทร์ได้
นอกจากตะปู ก็มีพวกหนังควาย ของแบบนี้นักเล่นกลทำได้ นักเล่นกลหลายคนที่เคยเห็นเป็นนักมายากลชาวต่างชาติ เอาปลาทองใส่ปากกลืนน้ำตาม สักพักขย้อนเอาปลาทองออกมาได้ โดยปลาทองไม่ตาย
ขณะที่ทีมข่าวกำลังสัมภาษณ์ ได้โชว์มายากลคายตะปูออกมาจากปากได้ และมีการคายตะปูตัวใหญ่ที่งอออกมาได้อีกด้วย กรณีนายต้นกล้าอ้วกเป็นตะปูเป็นแบบนี้หลายครั้ง น่าจะถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ครั้งแรกอาจตกใจ แต่ถ้าหลาย ๆ ครั้งน่าจะถ่ายคลิปเอาไว้ ใช้มือถือก็ถ่ายคลิปได้ และยืนยันว่าตนเองไม่ได้ก้าวล่วงความเชื่อของใคร