จากกรณีผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ผู้เสียหายในคดีลวนลาม เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 63 ตอนนี้คดีไม่คืบหน้า ล่าสุดทีมข่าวเดินทางมายังบ้านของ นางเอ (นามสมมติ) อายุ 35 ปี ผู้เสียหาย และเป็นแม่ยายของนายภานุพงศ์ อายุ 24 ปี ซึ่งเป็นลูกเขย คนก่อเหตุนั้น
วันที่ 29 พ.ค. 64 นางเอ (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา ได้ถูกลูกเขยลวนลามร่างกายและพยายามที่จะยัดอวัยวะเพศเข้าปากของตน แต่ยังไม่ทันสำเร็จความใคร่ ลูกสาวเข้ามาเห็นพอดี ลูกสาวได้ดูจากกล้องวงจรปิดที่ดูผ่านโทรศัพท์มือถือจึงรีบมาจุดเกิดเหตุ จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.แกลง และได้ตรวจร่างกายเพื่อดำเนินคดีความกับนายภานุพงศ์ และบุคคลคนนี้ได้กระทำกับตนลักษณะแบบนี้มา 3 ครั้งแล้ว แต่คดีก็ยังไม่คืบหน้า
โดยครั้งแรก ลูกสาวพาลูกเขยมานอนที่บ้านต่างคนก็ต่างนอน พอช่วงเช้ามืด สามีของตนได้ออกไปละหมาดตามพิธีกรรมของศาสนาอิสลาม ลับมาเห็นลูกเขยนอนอยู่ในมุ้งตนก็ตกใจจึงถามตนว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนั้นได้ผลักลูกเขยออกทันที
หลังจากนั้นลูกเขยก็ได้กลับบ้านตัวเอง อยู่ที่ตำบลวังหว้า อำเภอแกลง จังหวัดระยอง หลังจากถึงบ้านแล้วลูกเขยก็แชตมาขอขมาลาโทษว่าตนได้ทำไป โดยไม่รู้ตัว หน้ามืดตามัวจึงทำลงไป พอได้รับข้อความมา ตนก็ยังไม่ได้บอกสามีเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องใหญ่เนื่องจากนายภาณุพงศ์เป็นลูกเขยของตน
ครั้งที่ 2 ถูกหลอกให้ไปห้องน้ำที่วัดสารนาถด้วย บอกว่าให้ไปช่วยถือต้นไม้เพราะอ้างว่าถือไม่หมด ก่อนหน้านี้ลูกสาวได้นั่งทำเล็บอยู่ที่ร้านเสริมสวยแห่งหนึ่ง ทางด้านนายภานุพงษ์รีบกระชากมือออกมา แล้วได้บอกกับแฟนตัวเองว่าเดี๋ยวจะเอาแม่ไปช่วยขนของ หลังจากนั้นก็เดินทางเข้าห้องน้ำวัด หลังจากปัสสาวะเสร็จ จึงเดินออกมาบอกว่ามีตัวอะไรไม่รู้สวยมากจึงพาตนไปดู หลังจากนั้นนายภานุพงศ์ก็ผลักตนเข้าห้องน้ำ ตนบอกกับลูกเขยว่าถ้าทำอะไรจะบอกสามีตน ทางลูกเขยเกิดความกลัว จึงลงคุกเข่ากราบขอโทษ
ครั้งที่ 3 นายภานุพงศ์ ได้ดึงมือไปหลังตู้แช่น้ำแข็งหลอดที่บ้านของตนเอง บังคับให้ตนนั่งลง และพยายามสอดใส่อวัยวะเพศเข้าปาก แต่ยังไม่ทันสำเร็จความใคร่ ลูกสาวเข้ามาในจุดเกิดเหตุ แล้วเกิดมีปากเสียงกัน ตนจึงตัดสินใจกลับบ้าน แล้วเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แกลง ทันที หลังจากแจ้งความเสร็จประมาณ 3 วัน นายภานุพงษ์ก็แอบมารับลูกสาวของตนไปอีก ซึ่งตนก็ไม่กล้าไปที่บ้านหลังนั้นแล้ว จนเวลาล่วงเลยมาประมาณ 6 เดือน ตนะไม่อยากให้ลูกสาวคบกับนายภานุพงศ์ต่อไปแล้ว
ด้านนายคม (นามสมมติ) สามีของผู้เสียหาย เผยว่า หลังรู้เรื่องสะเทือนใจมาก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับครอบครัวตนเองก็เกิดความไม่สบายใจทุกครั้ง โมโหมากกับสิ่งที่เกิดขึ้น กลายเป็นเรื่องติดใจตลอด เวลาที่ทะเลาะกันก็จะนำเรื่องนี้มาพูดถึงตลอด กลัวว่าเรื่องนี้ภรรยาจะรู้เห็นเป็นใจ และไม่อยากจะเครียดต่อไป ตนจึงอยากจะรู้ความจริง วอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยคลี่คลายคดีนี้ด้วย เพราะคดีนี้เป็นคดีรุนแรงในศาสนาอิสลามอย่างมาก