จับแล้ว! ผัวเก่ายิงเมียโคม่าปัดขอโทษ ญาติยันคลั่งรัก โรงแรมช็อกพกกระสุนอื้อกบดาน (คลิป)

จากกรณีนายวรศักดิ์ อะทะวงษา อายุ 50 ปี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองบุกยิงนางสาวชนัญธิดา กองแก้ว อายุ 37 ปี บริเวณหน้าศูนย์โชว์รูมรถยนต์ฮอนด้า สาขาถนนพหลโยธิน ใกล้กับสี่แยกศรีทรายมูล ในเขตเทศบาลนครเชียงราย เหตุเกิดเมื่อประมาณ 17.30 น. ของวันที่ 29 พ.ค.64 ที่ผ่านมา

ล่าสุด วันที่ 31 พ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีเดินทางไปที่ สภ.เมืองเชียงราย โดยได้รับแจ้งว่าสามารถจับกุมตัวนายวรศักดิ์ อะทะวงษา อายุ 50 ปีได้แล้ว ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เมื่อช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดยชุดสืบสวน สภ.เมืองเชียงราย และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจังหวัดเชียงราย ผนึกกำลังจนสามารถจับกุมตัวนายวรศักดิ์ อะทะวงษา ผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายจับในคดีได้แล้ว

โดยทำการแกะรอยจากกล้องวงจรปิดเส้นถนนที่ผู้ต้องหาหลบหนี และเชื่อว่าผู้ต้องหายังคงหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ จากนั้นเมื่อทำการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายได้มีการไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่โรงแรมอยู่ในพื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ใกล้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย

ซึ่งการเข้าทำการจับกุมตัวนายวรศักดิ์ไม่มีท่าทีขัดขืนหรือต่อสู้แต่อย่างใด ขณะที่เข้าจับกุมพบอาวุธปืนลูกซองยาวและรถคันก่อเหตุไว้ได้

จากนั้นเจ้าหน้าชุดสืบ สภ.เมืองเชียงรายจึงนำตัวมาทำการสอบสวน ในเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การสารภาพว่าได้ไปตามง้อขอคืนดี แต่นางสาวชนัญธิดา ผู้บาดเจ็บ ไม่ยอมและพยายามหลบหน้า จึงเกิดบันดาลโทสะลงมือก่อเหตุ

ส่วนเรื่องปืน กำลังอยู่ในระหว่างการขยายผลต่อ และจะมีการประสานต่อไปยัง สภ.แม่ยาว ถึงเหตุการณ์ที่นายวรศักดิ์ผู้ก่อเหตุ บุกเข้าไปก่อเหตุยิงข้าวของในบ้านผู้บาดเจ็บต่อไป เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจคัดค้านการประกันตัว และยังไม่มีญาติผู้ต้องหาเข้ามาติดต่อ

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองเชียงราย นำตัวนายวรศักดิ์ผู้ก่อเหตุเข้าฝากขัง และเตรียมขยายผลต่อ ทีมข่าวสอบถามถึงแรงจูงใจในการต่อเหตุ แต่นายวรศักดิ์ตอบสั้น ๆ ว่า "ขอไม่ตอบครับ ขอให้การในชั้นศาลครับ" และไม่ได้มีการขอโทษต่อญาติผู้บาดเจ็บแต่อย่างใด ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจพาตัวมาพบพนักงานสอบสวน โดยมีหลักฐานเป็นอาวุธปืนลูกซองขนาดยาว พร้อมลูกกระสุนลูกซอง 30 นัด และเสื้อผ้าในวันก่อเหตุ รับสารภาพว่าของกลางทั้งหมดเป็นของตนเอง จากนั้นเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไปยังห้องขัง

นางผกามาศ (นามสมมติ) อาผู้ต้องหา บอกว่า ตนเพิ่งทราบไม่นาน ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายวรศักดิ์ได้แล้ว โดยที่ผ่านมานายวรศักดิ์ เคยมีภรรยามาหลายคน แต่ที่ผ่านมาก็เลิกกันด้วยดี กับนางสาวชนัญธิดา ผู้บาดเจ็บ ตนก็รักเหมือนหลานแท้ ๆ คนหนึ่ง ซึ่งก็เชื่อว่านายวรศักดิ์ หลานของตนก็คงรักนางสาวชนัญธิดามากไม่ต่างกัน แต่ก็ไม่คิดว่าจะกล้าลงมือก่อเหตุแบบนี้

ซึ่งที่ผ่านมานายวรศักดิ์ หลานของตน ค่อนข้างที่จะแคร์ความรู้สึกตนมาก แต่ไม่เคยพูดปัญหาอะไรให้ฟัง เวลาตนซักถามก็จะบอกแค่ว่า "อาอย่ารู้เลย" แต่หลังเกิดเหตุการณ์ที่นายวรศักดิ์เข้าไปบุกยิงในบ้าน เมื่อวันที่ 25 พ.ค.64 ที่ผ่านมา ทางครอบครัวได้เดินทางไปขอโทษฝั่งครอบครัวผู้บาดเจ็บ แต่ก็ไม่คิดว่านายวรศักดิ์จะมาก่อเหตุรุนแรงเช่นนี้

เรื่องการประกันตัว ทางครอบครัวยังไม่ได้มีการพูดคุยปรึกษากันว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากขณะนี้พ่อและแม่ของผู้ต้องหายังไม่กลับมาที่บ้าน ซึ่งตนก็ตั้งใจว่าอาจจะมีการเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาผู้บาดเจ็บ ด้วยการไปทำขวัญครอบครัวผู้บาดเจ็บ แต่ขอเวลาปรึกษากันก่อน

โดยคลิปจากเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ความยาวคลิป 35 วินาที เป็นเหตุการณ์หลังเข้าจับกุมผู้ต้องหาตัวได้ ทีมข่าวย้อนรอยไปยังจุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมีการเข้าจับกุมนายวรศักดิ์ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย ระทางห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นลักษณะเป็นอาคารปูนสีเขียว 3 ชั้น ซึ่งผู้ต้องหามาเช่าห้องหมายเลข 107

นางแก้ว (นามสมมติ) พนักงานโรงแรม บอกว่า นายวรศักดิ์มาคืนวันที่ 29 พ.ค.64 บอกว่ามาขอเช่าห้อง 2 คืน ราคา 330 บาท ซึ่งตนเข้ากะกลางวัน ก็เห็นแค่ว่ารถจอดอยู่ด้านห้อง แต่ไม่เห็นคนออกมาจากห้อง และก็ไม่ให้พนักงานทำความสะอาดเข้าไปทำความสะอาดในห้องพัก กระทั่งในช่วงสายของวันนี้ เหมือนกับว่านายวรศักดิ์ถือปืนออกจากห้องจะเข้ารถยนต์ที่จอดไว้ เตรียมจะเช็กเอาต์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เข้าล็อกตัวนายวรศักดิ์ทันที ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนที่วันนี้เจ้าหน้าที่จะคุมตัวชี้จุด

นายปฐม กองแก้ว อายุ 59 ปี พ่อผู้บาดเจ็บ บอกว่า รู้สึกดีใจที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายวรศักดิ์ได้แล้ว ที่ผ่านมานอนผวาใจ กลัวนายวรศักดิ์ย้อนมาทำร้ายคนในบ้าน ตอนนี้สบายใจที่จะกลับมานอนที่บ้านตัวเองอีกครั้งแล้ว ตนคิดว่านายวรศักดิ์น่าจะสำนึกผิดกับการกระทำของตัวเองได้แล้ว ไม่รู้สึกโกรธ และพร้อมจะให้อภัย

ทั้งนี้ ตนไม่อยากซ้ำเติมความผิด แต่ของให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนอาการบาดเจ็บของลูกสาวของตน ได้รับแจ้งว่าอาการปลอดภัย และได้ออกจากห้องไอซียูแล้ว มีอาการปวดแผลบ้าง ซึ่งสภาพจิตก็ดีขึ้นกว่าวันแรก แต่ยังคงหวาดกลัวเพราะภาพตอนเกิดเหตุยังคงติดตา

เบื้องต้น ยังไม่มีการได้พูดคุยกับญาติของนายวรศักดิ์ เห็นแต่แม่ของนายวรศักดิ์ขอโทษผ่านสื่อฯ ตนก็ไม่ได้ติดใจ เพราะคนเป็นแม่ไม่รู้เรื่องด้วย แต่อยากให้ช่วยรับผิดชอบในค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล เพราะว่าลูกสาวตนตอนนี้ก็สูญเสียรายได้ สุดท้ายนี้ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย และสื่อมวลชนทุกคนที่ช่วยกันนำเสนอข่าว และสามารถติดตามการจับกุมคนร้ายได้