จากกรณีวันที่ 29 พ.ค. 64 น.ส.พุฒนันท์ สดมณี อายุ 51 ปี ผู้เป็นแม่ได้เฝ้าศพลูกชาย นายภาณุพงศ์ มณีมงคล อายุ 21 ปี ที่เสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวมานาน 4 วั นโดยไม่นำศพลูกไปทำพิธีทางศาสนา จนศพเริ่มเน่าและส่งกลิ่นเหม็น เหตุเกิดขึ้นที่ห้องเช่าในชุมชนซอยวีนัส ถ.เทศบาล 2 ซอย3 ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี
วันที่ 31 พ.ค. 64 เวลา 10.00 น. ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ห้องเช่าถูกล็อกปิดเงียบ ไม่มีคนอยู่บ้าน ที่หน้าบ้านมีน้ำส้ม 1 ขวด ปักหลอดเอาไว้ ส่วนหน้าห้องของเพื่อนบ้านที่เป็นคนพบศพได้มีการปักธูป 9 ดอก ใส่กระถ่างเอาไว้
น.ส.เจน อายุ 42 ปี ผู้เช่าห้องพักข้างกัน เปิดเผยว่า ตนเห็นมีคนมารับ น.ส.พุฒนันท์ ขึ้นรถเก๋งไปตั้งแต่เช้า ไม่รู้ว่าไปไหนกัน และแม้ว่าตอนนี้กลิ่นเหม็นเน่าจะเจือจางลงแล้ว เพื่อนข้างห้องที่เป็นคนเจอศพก็ยังไม่กล้ากลับมานอนที่บ้าน แต่ตนไม่ได้กลิ่นแล้วและไม่ได้กลัวสิ่งลี้ลับ แม้ว่า น.ส.พุฒนันท์ จะมาอาศัยอยู่ที่ห้องเช่าได้ 1 ปีกว่า ๆ แต่ตนก็ไม่เคยเจอเขาและลูกเลย เพราะเขาเอาแต่ปิดประตูเก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง ไม่เคยออกมาทักทายกับเพื่อนบ้าน เงียบงันจนเหมือนไม่มีใครอยู่ในห้อง ไม่เคยเห็นหรือได้ยินเขาประกอบพิธีกรรม ไม่รู้ว่าลัทธิโยเรคืออะไร
อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้รังเกียจที่จะอยู่ห้องพักใกล้เขา และคงไม่ย้ายไปไหน แต่ยังรู้สึกเป็นห่วง น.ส.พุฒนันท์ ที่ต้องอยู่คนเดียวหลังจากลูกชายเขาตายไปแล้ว
ด้าน "เอ๋ เชิญยิ้ม" บอกว่าเริ่มจากการที่ตนเป็นคนชอบทำพิธีการเอาเสื้อผ้าไปใส่ให้ศพไร้ญาติ แล้วเอาเขาลงหลุมตามสุสานต่าง ๆ ที่รู้จักกัน พร้อมกับไลฟ์ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจตัวเองไปด้วย เคสล่าสุดเป็นศพของ นายภาณุพงศ์ มณีมงคล อายุ 21 ปีใน จ.สระบุรี ที่ตนเลือกเข้าช่วยเหลือเพราะเห็นว่าเป็นเคสที่แปลก แม่นอนกอดศพลูกที่เน่าแล้วนานถึง 4 วัน สภาพศพคืออืด ตาถลน ลิ้นจุกปากไปหมดแล้ว โดยจากที่ตนได้มีโอกาสคุยกับคุณแม่ของผู้เสียชีวิต ก็รับรู้ได้ว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูกเยอะมาก ตอนที่ลูกยังไม่เสียชีวิตก็เช็ดตัวให้ลูกตลอด และในขณะที่ลูกเสียชีวิตไปแล้วนั้น เหตุผลที่แม่ยังนอนกอดลูกอยู่ถึง 4 วันก็เพราะแม่เชื่อว่าปาฏิหาริย์ตายแล้วฟื้นจะมีจริง และมองว่าค่าใช้จ่ายก็ไม่น่าจะเยอะไม่เกิน 1,000 บาท เป็นค่าน้ำมัน ค่าโลง ค่าปัจจัยพระสงฆ์ ก็เลยอยากช่วยเหลือ
ทีมข่าวย้อนกลับไปบ้าน ต.นครนายก อ.เมือง จ.นครนายก ซึ่งเป็นบ้านที่ น.ส.พุฒนันท์ เคยร่วมเฝ้าศพเพื่อน ไม่มีใครมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวต่อ ส่วนข้างบ้านก็มีชาวฟิลิปปินส์มาเช่าบ้านอยู่
น.ส.จินตนา แย้มสุนทร อายุ 54 ปี ชาวบ้านใกล้กับบ้านที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า กลุ่มของ น.ส.พุฒนันท์ ย้ายออกจากบ้านหลังดังกล่าวตั้งแต่เกิดเหตุ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกลับมาเช่าบ้านหลังดังกล่าวอีกเลย เป็นเวลากว่า 1 ปีแล้ว แต่ก็มีคนมาเช่าบ้านหลังข้าง ๆ ทุกคนก็อยู่อาศัยกันตามปกติ ไม่เคยมีใครเจอผี ส่วนตนก็เคยเดินไปเข้าห้องน้ำในช่วงกลางคืน ก็ไม่เคยเจอสิ่งลี้ลับ และตนก็ไม่กลัวอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ติดตามข่าวของ น.ส.พุฒนันท์ จึงไม่รู้ว่าเขาไปทำอะไร และนับถือลัทธิอะไร
นายสิทธิโชค เพชรศิริ กู้ภัยที่ได้เข้าไปในวันที่เกิดเหตุเมื่อ 2 ปีก่อน บอกว่า วันที่เกิดเหตุตนได้งัดห้องเข้าไป เพราะเรียกแล้วไม่มีคนเปิดประตู เมื่อเข้าไปก็เจอศพลักษณะใกล้แห้งเริ่มดำแล้ว นอนอยู่บนที่นอน สภาพศพมีคนดูแลอย่างดี มีการโรยแป้ง และทำความสะอาดอย่างดี ไม่มีร่องรอยของน้ำเหลืองไหลและสิ่งปฏิกูลเปรอะเปื้อน
โดยตนได้เจอกับผู้ก่อเหตุด้วย เขาแอบอยู่หลังบ้านคุยด้วยเขาก็ไม่พูดอะไรเลย ลักษณะเป็นคนนิ่งเงียบ ไม่แสดงอาการอะไรเลย แต่ก็ได้ข้อมูลมาว่าการที่เขาทำแบบนี้เพราะทำตามความเชื่อในลัทธิของเขา ในห้องเขาก็มีป้ายเขียนข้อความเกี่ยวกับความเชื่อของเขาติดอยู่เต็มห้อง ในสมุดก็ยังมีเยอะมาก
นายสิทธิโชค กล่าวอีกว่า ตนในฐานะที่เป็นกู้ภัยอยู่กับศพมานับไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยมีใครเฝ้าได้นานถึง 12 วัน เต็มที่เลยหากเป็นศพเน่าและอืด แค่ 3 ชั่วโมงก็จะไม่ไหวแล้ว เพราะทั้งกลิ่นทั้งสภาพศพ หากอยู่ต่อก็อาจจะมีการอาเจียนออกมาได้
