จากกรณีกู้ภัยคำหอมได้รับแจ้งจาก สภ.ภูพาน เมื่อวันที่ 31 ค.ค. 64 เวลา 08.20 น. ว่ามีชายถูกทำร้ายด้วยอาวุธมีคม คาดเสียชีวิตจุดเกิดเหตุ บริเวณบ้านโคกภูเก่า จึงได้จัดกำลังอาสาสมัครกู้ภัยคำหอมจุดกุดบาก และจุดเมืองออกสนับสนุนพนักงานสอบสวน สภ.ภูพาน จ.สกลนคร
เมื่อถึงจุดเกิดเหตุพบร่างชายทราบชื่อคือ นายชัยภัทร ศรีมุกดา หรือ สุภาพ อายุ 49 ปี สภาพนอนหงาย เนื่องจากญาติไปพบก่อนนำขึ้นมาจากคูน้ำ สวมเสื้อเลือดหมู กางเกงขายาวสีเทา สภาพถูกฟันที่ใบหูซ้าย และท้ายทอย
ทางพนักงานสอบสวน สภ.ภูพาน จึงประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ภจว.สกลนคร และแพทย์เวรโรงพยาบาลกุดบากร่วมชันสูตร เนื่องจากเป็นเหตุฆาตกรรม เบื้องต้นควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 1 ราย คือ นายพิพัฒน์ หงษ์ภู อายุ 47 ปี ลูกพี่ลูกน้องกันกับผู้เสียชีวิต
ล่าสุด วันที่ 1 มิ.ย. 64 เวลา 13.30 น. ที่ป่าช้าของหมู่บ้านโคกภูเก่ามีพิธีฌาปนกิจศพ นายชัยภัทร ศรีมุกดา หลังทางครอบครัวเดินทางรับศพจากโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ที่นำไปชันสูตร ตั้งแต่ช่วงบ่ายเมื่อวานนี้ ก่อนมาตั้งสวดพระอภิธรรมเพียง 1 คืน ที่บ้านโคกภูเก่า
ต่อมาเวลา 14.00 น. ญาติยกโลงศพขึ้นเมรุ และสัปเหร่อทำพิธีการทางความเชื่อและศาสนาต่อไป นางสาวสุภารัต ลูกสาวนายชัยภัทร ร้องไห้อย่างหนัก
นางมณีวรรณ ศรีมุกดา อายุ 48 ปี ภรรยานายชัยภัทร มีลูกด้วยกัน 3 คน คือนางสาวสุภารัต อายุ 26 ปี, นายสหรัส อายุ 23 ปี และเด็กหญิงรุจิรา อายุ 11 ปี เปิดใจว่า ที่ดินผืนนั้นทั้งผืนเป็นของนางเสียง หรือปาน แม่ของตนเอง ถือครองกรรมสิทธิ์ น.ส.3 ก. และมีการยกให้ตนเองใช้เป็นที่ดินทำกิน แต่ยังไม่ได้โอน หลังจากนั้นครอบครัวนายพิพัฒน์มีการขอที่ดินไปทำกินจากแม่ของตน ซึ่งก็อนุญาตให้ทำสวนหากินโดยไม่มีการยกให้ แต่ทำมาหลายปีแล้ว
จนสามีกลับจากต่างประเทศ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว จึงทำให้นายวิไล หงษ์ภู พ่อของนายพิพัฒน์ไม่พอใจ เพราะอยากถือกรรมสิทธิ์เป็นของตัวเอง แต่ก็ไม่ได้มีการทะเลาะวิวาท ไม่มีปัญหากัน ระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาพ่อตนเองไปพยายามถมที่ดินเรื่อย ๆ จนมาประมาณสัปดาห์ที่แล้วที่ดินถมจนเต็ม แม่และพ่อตนจึงเอาต้นไม้สวนครัวทั้งมะละกอ ข่า ตระไคร้ ไปปลูกไว้ แต่สุดท้ายมีคนมาถอนทิ้ง ทางครอบครัวก็ไม่ทราบว่าเป็นใคร
กระทั่งมาวันที่ 30 พ.ค. 64 พ่อออกไปทำงานปกติ ที่นาก็ติดกับผืนที่เกิดเหตุ ช่วงเที่ยงพ่อยังกลับมากินข้าวที่บ้าน ก่อนในช่วงเย็นพ่อโทรศัพท์บอกว่าจะยังไม่เข้าบ้าน ขอซุ่มดูคนมาถอนผักว่าเป็นใคร แต่ทั้งคืนพ่อไม่กลับบ้าน แต่มาช่วงเช้า แม่ของตนรู้สึกผิดปกติที่พ่อไม่กลับบ้าน จึงไปในที่ดินพบหัวพ่อโผลน้ำขึ้นมา จึงโทรศัพท์เรียกตนเองไปดู ซึ่งพ่อตายแล้ว ขณะนั้นยังสงสัยว่าใครทำพ่อ แต่เมื่อตำรวจคุมตัวนายพิพัฒน์ไปสอบก็รู้เลยว่าใช่นายพิพัฒน์แน่ ๆ ตนเองไม่ขอให้อภัย เขาเคยมามอบเงิน 10,000 บาทแล้วก็ไป โดยไม่มีการขอโทษ ตนเองขอให้ตำรวจดำเนินคดีถึงที่สุด ประหารติดคุกตลอดชีวิตได้ยิ่งดี
พ.ต.อ.พงษ์ศักดิ์ ยุทธศรี ผู้กำกับ สภ.ภูพาน เปิดเผยว่า การสอบปากคำนายพิพัฒน์ หงส์ภู อายุ 47 ปี ให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุฆ่านายชัยภัทรจริง โดยให้การว่าวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 19.00 น. นายพิพัฒน์มาจากทุ่งนาของตัวเองที่บ้านโคกภูเก่า หมู่ 17 กำลังกลับบ้านที่บ้านโคกภูใหม่หมู่ 2 เห็นฝั่งคนตายไปปลูกข่าไว้บนที่ดินที่อ้างว่าครอบครัวเคยทำกินบนที่ดินผืนนี้มาก่อน
จากนั้น จึงจอดรถจักรยานยนต์ลงไปถอนข่า ผู้ตายก็ออกมาจึงประชันหน้ากันพร้อมมีการต่อว่านายพิพัฒน์ ก่อนที่คนตายจะถือเสียมตีนายพิพัฒน์แต่ไม่โดน ซึ่งนายพิพัฒน์มีมีดอยู่ในกระเป๋าย่ามจึงหยิบออกมาฟันสู้ฟันไป 2 ที อ้างว่าไม่รู้ตัวว่าฟันถูกตรงส่วนไหนบ้าง จนมีดหล่น โดยมีการสู้กันกันต่อจนกลิ้งตกลงคลอง และยังกอดฟัดสู้กันอยู่ในน้ำ แต่ผู้ตายแน่นิ่งไป นายพิพัฒน์จึงหนีขึ้นฝั่ง ก่อนคว้ากระเป๋าย่ามกลับบ้านในหมู่ 2 ห่างจากที่เกิดประมาณ 1 กิโลเมตร และทำการซักผ้าที่เปื้อนเลือด นอนอยู่บ้าน นายพิพัฒน์ยืนยันว่าลงมือก่อเหตุเพียงคนเดียว ตั้งใจจะไม่หลบหนีไปไหน นอนรอดูเหตุการณ์ จนตำรวจสืบทราบเรื่องราวพร้อมเบาะแสและเข้าจับกุมตัวนายพิพัฒน์ได้ที่บ้าน
ทั้ง นี้ระหว่างวันที่เกิดเหตุตำรวจ พบมีด หมวกโม่งของนายพิพัฒน์ตกอยู่ในที่เกิด ก่อนให้ตำรวจอีกชุดลงงมหาเสียมจนพบว่าตกอยู่ในคลอง ตรงตามคำให้การของนายพิพัฒน์ อย่างไรก็ตาม นายพิพัฒน์เป็นผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พกพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันสมควร จึงนำส่งเรือนจำจังหวัดสกลนครรอศาลตัดสินโทษต่อไป
ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านโคกภูใหม่ หมู่ 2 ต.โคกภู อ.ภูพาน จ.สกลนคร ที่เกิดเหตุ ห่างจากทางหลวงชนบท เพียง 1.5 กิโลเมตร ติดริมคลองอีด่อนที่รับน้ำจากเทือกเขาภูพาน พบห่อยาเส้นของผู้เสียชีวิต และมีใบตองปูคาดว่าเป็นการปูรองศพตอนยกขึ้นจากน้ำ
นายภูไท (นามสมมติ) อายุ 60 ปี ชาวบ้านโคกภูใหม่ หมู่ 2 มีที่ดินแปลงติดกับที่ดินที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้ทำนาอยู่ที่แปลงตรงข้ามมีถนนกั้นจึงไม่เห็นเหตุการณ์ ประกอบกับเวลานั้นเกือบ 19.00 น. ซึ่งท้องฟ้ามืดมากแล้ว บริเวณนี้ไม่มีไฟฟ้า เพราะเป็นทุ่งนา จะมีก็ตอนที่รถชาวบ้านสัญจรผ่าน
ตนเองได้เสียงนายชัยภัทรตะโกนว่า "มึงตายแท้ละมื้อนี้" และเสียงก็เงียบไป ตนจึงทำนาต่อ ไม่ได้สนใจ ต่อมาในช่วงเช้าเห็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 17 พร้อมตำรวจมากมาย คิดว่ามีการทำความสะอาดหมู่บ้าน หรืออีกทางก็คิดว่ามีการเจรจาเรื่องที่ดินผืนนั้นที่เป็นปัญหาเมื่อตอน 2 ปีที่แล้ว แต่สุดท้ายพบว่านายชัยภัทรถูกฟันตาย
ซึ่งเรื่องที่ดินตนเองทราบว่าครอบครัวนายชัยภัทรมีปัญหากับครอบครัวนายพิพัฒน์มาก่อน แต่แท้จริงที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณะมาก่อน และฝั่งตาของนายพิพัฒน์ได้ทำกินมาตั้งแต่ปี 2534 แต่เมื่อ 4-5 ปี ก็เห็นนายชัยภัทรมาทำการถมที่ จึงไม่แน่ใจว่าขณะนี้ที่ดินใครเป็นผู้ครอบครอง