ผบ.ตร.เผยดึงผู้เชี่ยวชาญวิทยาศาสตร์-ไสยศาสตร์ คลี่คลาย คดีน้องชมพู่ หาพยานหลักฐานมัดตัว ลุงพล
วันนี้ (2 มิ.ย.64) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยืนยันว่าตำรวจดำเนินคดีกับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ ตามพยานหลักฐาน เพียง 1 คน ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่อสื่อมวลชนได้ แต่พยานหลักฐานที่มี ยืนยันว่าตำรวจรวบรวมทั้งจากหลักพฤติกรรมมนุษย์ ประจักษ์พยาน วัตถุพยาน หลักฐานวิทยาศาสตร์ นิติวิทยาศาสตร์ รวมไปถึงไสยศาสตร์ ความเชื่อต่างๆ เพียงพอที่จะขอศาลอนุมัติหมายจับ 3 ข้อหา คือ พรากผู้เยาว์ฯ, ทอดทิ้งเด็ก เป็นเหตุให้เด็กถึงแก่ความตาย และกระทำการใด ๆ แก่ศพที่อาจผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาใดเพิ่มเติม หรือพยานหลักฐานเชื่อมโยงถึงบุคคลใดอีกหรือไม่ ตำรวจจะเดินหน้าสืบสวนสอบสวนต่อเนื่อง
ตำรวจพา ลุงพล ขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับ สภ.กกตูม หลังปฏิเสธให้การที่สตช.
“คดีนี้ให้หลายอย่างมาประกอบ การที่คดีช้าเพราะมีการใช้ศาสตร์ใหม่ๆ มาประยุกต์กับการสอบสวนด้วย โดยต้องอธิบายความคิดตามหลักวิชาการได้ด้วย ต้องหานักวิชาการมารองรับ เราจะหาค่าต่างๆในเส้นผมคน ก็บอกได้ว่าเอาวิชานี้มาจากไหน และใครยอมรับบ้าง เป็นที่ยอมรับกี่เปอร์เซ็นต์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการให้สัมภาษณ์ของผบ.ตร.สอดรับกับการสืบสวนสอบสวนของตำรวจที่ระบุว่า การสอบสวนคดีนี้มีพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคลที่ใกล้ชิดเหตุการณ์ พยานผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น นักจิตวิทยา นักโภชนาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์ สุนัขดมกลิ่น มาร่วมคลี่คลายคดี
ส่วนการที่นายไชย์พล เข้าแสดงตัวกับตำรวจ ถือเป็นการจับกุม ไม่ใช่การเข้ามอบตัว และการที่นายไชย์พลเดินทางจากจังหวัดมุกดาหาร มาที่กรุงเทพมหานคร ต้องดูพฤติการณ์และเจตนาว่าเป็นการหนีหมายจับหรือไม่
ทั้งนี้ ตามขั้นตอนได้มีการนำตัวนายไชย์พล ไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ก่อนจะส่งกลับไปที่สถานีตำรวจภูธรกกตูม เพื่อสอบสวนต่อ โดยตำรวจมีอำนาจควบคุมตัว 48 ชั่วโมง หากยังสอบสวนไม่แล้วเสร็จ ก็จะขออำนาจศาลฝากขังต่อไป ส่วนการพิจารณาให้ประกันตัวหรือไม่ ให้เป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน
ผบ.ตร.กล่าวด้วยว่า คงไม่จำเป็นที่ต้องไปสอบสวนเอง เพราะมั่นใจในทีมสืบสวน พร้อมเปรียบเทียบว่า ขณะนี้เข้าสู่รอบสุดท้ายของการแข่งขันฟุตบอลแล้ว ซึ่งตราบใดที่ศาลยังไม่ตัดสิน ก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ ตำรวจจะทำให้ดีที่สุด แต่คดียังไม่จบ เนื่องจาก ในการพิจารณาคดี ยังมีอีกหลายขั้นตอน โดยในชั้นอัยการ และชั้นศาล อาจมีความเห็นแตกต่างกับตำรวจ
อีกทั้งยังมองว่า คดีนี้เป็นเพียงคดีฆาตกรรมปกติ แต่สิ่งที่ผิดปกติ คือ การไต่สวนในโลกโซเชียล เนื่องจาก ภูมิคุ้มกันในโลกโซเชียลไม่พอ จนเกิดปรากฎการณ์ประหลาดในสังคม และเห็นว่าหากหยุดติดตามคดีบ้าง ก็จะให้สุขภาพจิตดีขึ้น ส่วนจะมีการแถลงรายละเอียดในคดีนี้อีกหรือไม่ ขอหารือร่วมกับพนักงานสอบสวนก่อนหากเห็นว่า ไม่จำเป็น คงจะไม่มีการแถลง และอยากฝากถึงแม่น้องชมพู่ว่าได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้แล้ว
ทั้งนี้มีการเปิดเผยเอกสารที่ระบุที่มาที่ไปของการสืบสวนของ ตร. ระบุว่า การรวบรวมพยานหลักฐานในคดีนี้มาอย่างต่อเนื่อง สอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยสัมภาษณ์บุคคล จำนวน 384 ปาก และได้สอบปากคำเข้าสำนวนการสอบสวน จำนวน 120 ปาก สอบปากคำพยานผู้เชี่ยวชาญด้านนิติวิทยาศาสตร์ และพยานผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ไว้แล้ว จำนวน 31 ปาก
รวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งเป็นพยานวัตถุจากจุดเกิดเหตุที่น้องชมพู่ถูกนำตัวไป เส้นทางที่เชื่อว่าเป็นเส้นทางการก่อเหตุ ไปจนถึงจุดพบศพบนภูเหล็กไฟ รวมจำนวน 113 ชิ้น พยานวัตถุจากกลุ่มบุคคลผู้ต้องสงสัย หรือผู้เกี่ยวข้อง จำนวน 166 ตัวอย่าง แล้วดำเนินการส่งตรวจพิสูจน์เปรียบเทียบ ตลอดจนพยานหลักฐานเอกสารที่เกี่ยวข้องจากข้อมูลโซเชียลมีเดีย ข้อมูลการให้สัมภาษณ์ ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลต้องสงสัย ทั้งช่วงก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุ นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญดำเนินการวิเคราะห์ข้อมูล และประเมินผลไว้เรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณภาพ - policenews
ลุงพล อัดคลิปจากในบ้าน เผยถึง หมายจับคดีน้องชมพู่ ก่อน ตร.บุกรวบเมื่อเช้า แต่เจ้าตัว หนี?
ป้าแต๋น ตัดพ้อมรสุมข่าว นิยามตัวเองเป็น "คนดีสีเทา" ก่อนตกดึกช็อกหมายจับ ลุงพล