"บิ๊กต่าย" เผย ตร.ลุยค้นอีก 11 จุด เชื่อมโยง ดิไอคอน หมายจับล็อต2 เร็วๆนี้ ยัน พลอย เมียกันต์ ไม่ได้ออกนอกประเทศ ตอบแล้ว "บอสพอล" คนไทยหรือไม่
วันที่ 22 ต.ค. 67 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. แถลงความคืบหน้าในคดี ดิไอคอน กรุ๊ปว่า ขณะนี้ผู้ต้องหาทั้ง 18 คนอยู่ในการควบคุมที่เรือนจำ ส่วนการขยายผลอยู่ระหว่างการสอบสวน ทั้งเรื่องเส้นทางการเงิน การวิเคราะห์บัญชีการเงิน ซึ่งในวันนี้มีการไปตรวจค้นทั้งหมด 11 จุด ซึ่งเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องในฐานะเป็นพนักงาน และคนใกล้ชิดกับผู้ต้องหาทั้ง 18 คน โดยปฏิบัติการอยู่ระหว่างการตรวจค้น ยังไม่ได้รายงานผลเข้ามา เพื่อต้องการที่จะเก็บข้อมูล หรือหลักฐานต่างๆ ที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อคดีด้วย
เมื่อถามว่า การประชุมวันนี้มีเรื่องของผู้ต้องหาที่จะออกหมายจับล็อต 2 ด้วยหรือไม่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ เมื่อถามว่าจะเกี่ยวข้องกับ 11 จุดที่เราไปตรวจวันนี้ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ก็เกี่ยวข้องในเรื่องของหลักฐานทั้งหมดที่เราได้มา ถ้ามีความเกี่ยวข้องกับผู้ใด และมีหลักฐานอย่างชัดเจน ทั้งจากการสอบสวนที่ผ่านมาแล้วและในวันนี้ จากการตรวจค้นหากพบว่าเป็นการกระทำความผิด เราก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
เมื่อถามว่า ผู้ต้องหาล็อต 2 น่าจะเป็นใครบ้าง และระดับไหน จะเป็นระดับแม่ข่ายหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน ขอยังไม่เปิดเผย แต่ยืนยันว่าถ้าผลการสอบสวน และหลักฐานไปพาดพิงถึง ไม่ว่าจะระดับบอสหรือเกี่ยวกับพนักงาน หรือเป็นผู้ใดก็ตาม ก็คงต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด
เมื่อถามถึง เรื่องเส้นแบ่งระหว่างผู้ต้องหากับผู้เสียหายเส้นแบ่งอยู่ตรงไหน พราะบางคนที่เป็นแม่ข่ายก็สุ่มเสี่ยงที่จะเป็นผู้ต้องหา พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ตอนนี้เราสอบปากคำมาถึง 6,000 คน ตนเองก็ให้แนวคิดกับพนักงานสอบสวน และทีมวิเคราะห์ว่าการสอบปากคำปากในบุคคลที่แสดงตนเป็นผู้เสียหาย เราได้ให้เตรียมหลักฐานทางการเงินว่าท่านมีการสูญเสียเงินด้วยวิธีใดอย่างไร และเราก็พึ่งระวังในเรื่องของผู้ที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด และมาแสดงตนเป็นผู้เสียหาย ซึ่งเรามีการสอบ แต่ถ้าข้อเท็จจริงปรากฏว่ากลายเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดครั้งนี้ด้วย ถ้าพยานหลักฐานปรากฏเช่นนั้นก็จะกลายเป็นผู้ที่อยู่ในข่ายของผู้ที่ต้องถูกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งเมื่อมาแสดงตัวเป็นผู้เสียหายเราก็ต้องสอบ แต่ทั้งหมดอยู่ในการวิเคราะห์คำให้การทุกราย ส่วนเรื่องบัญชีรายรับรายจ่ายเป็นเรื่องการวิเคราะห์บัญชี เส้นทางการเงิน และบัญชีกับการประกอบการของบริษัท เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนมาก และต้องใช้ความรอบคอบจริงๆ ในการวิเคราะห์เรื่องนี้
เมื่อถามว่า อะไรที่จะบ่งบอกว่าคนนั้นเป็นผู้ต้องหาหรือผู้เสียหาย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องของรายละเอียดในคำให้การ และพยานหลักฐานที่เราจะนำมาสู่การวิเคราะห์ได้ว่าเสียหายจริงหรือเป็นส่วนรวมในการกระทำความผิดและมาแสดงตนเป็นผู้เสียหาย แต่ตอนนี้เมื่อแสดงตนเป็นผู้เสียหายเราก็ให้สิทธิ์ และเชื่อว่าเป็นผู้เสียหายก่อนแล้วคำให้การทั้งหมดจะต้องผ่านการวิเคราะห์ในเรื่องพยานหลักฐานด้วย
เมื่อถามว่า จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับ 18 บอสหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน เพราะในเบื้องต้นเท่าที่สื่อได้ทราบเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน และนำข้อมูลเข้าสู่ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หากพบว่ามีฐานความผิดฐานอื่นด้วยก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม
เมื่อถามว่า จะเป็นเรื่องของการฟอกเงินหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า หากพบว่ามีความผิดฐานฟอกเงินด้วย ก็ต้องแจ้งข้อกล่าวหาฟอกเงินด้วย ซึ่งขณะนี้เรามีการตรวจยึดอายัดทรัพย์ไว้ในส่วนหน้าที่ของตำรวจบางส่วนแล้วด้วย อีกทั้ง ปปง.ก็มีการยึดทรัพย์อายัดทรัพย์ไว้บางส่วนแล้ว เมื่อถามว่าในทรัพย์เหล่านี้พบรูปแบบการฟอกเงินด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ขอให้เป็นเรื่องของการสอบสวน อย่างไรก็ตามเรายืนยันว่า ตรวจสอบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผู้ต้องหา ซึ่งตำรวจสอบสวนกลางก็กำลังดำเนินการอยู่
เมื่อถามถึงกรณีเลขบัตรประชาชนของบอสพอล พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช. กล่าวว่า เบื้องต้นเราได้ตรวจสอบไปทางทะเบียนราษฎร์ว่าทำไมถึงเป็นเลข 5 คือจากข้อมูลเขาแจ้งว่าเป็นการตกหล่นในการสำรวจ จึงไปเพิ่มชื่อภายหลัง แต่เรายังไม่หยุดตรวจสอบ และจะตรวจสอบต่อไป เบื้องต้นยืนยันว่าบอสพอล เป็นคนไทยไม่ได้เป็นคนต่างด้าว
เมื่อถามกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า พนักงานสอบสวนชี้นำข้อกล่าวหาหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นความเข้าใจของบุคคลใดบุคคลหนึ่งได้ แต่การทำงานของตำรวจทำงานหนักมาก และเราทำเพื่อประชาชน เข้าใจความรู้สึกผู้เสียหายดี แต่กระบวนการยุติธรรมเบื้องต้นในการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานจำเป็นต้องมีความรอบคอบรัดกุม และความผิดแต่ละประเภทแต่ละฐานจะมีองค์ประกอบแห่งความผิดนั้นนั้นตามกฎหมายนั้น ถ้าเราเอาความรู้สึกอย่างเดียว และเราจะแกล้งแจ้งข้อกล่าวหาผู้ใดผู้หนึ่งเราเองอาจจะตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาเองก็ได้ ดังนั้นเรากำลังทำทุกอย่างในเรื่องกระบวนการสอบสวนหากครบองค์ประกอบ และมีพยานหลักฐานเพียงพอในฐานความผิดใดเราต้องแจ้งข้อกล่าวหานั้น
ส่วนเรื่องคดี ดิไอคอนที่มีกระแสข่าวว่า อาจจะส่งฟ้องไม่ทัน 48 วันนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า 48 วันเป็นเรื่องของการควบคุมของเจ้าพนักงานตำรวจ แต่ขณะนี้ผู้ต้องหาอยู่ระหว่างการฝากขังแล้ว ซึ่งกฎหมายก็บอกว่าสามารถฝากได้ 4 ฝากแต่เราจะทำให้เร็วที่สุด และยืนยันว่าทันตามกรอบเวลาแน่นอน อย่างไรก็ตามจะตรวจสอบทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบริษัท ดิไอคอน กรุ๊ป
ส่วนกรณีที่มีการโอนเงินให้กับพระนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ เราต้องใช้การตรวจสอบที่ใช้ดุลยพินิจและวิจารณญาณในการตรวจสอบรอบคอบจริงๆ เพราะมีผลกระทบวงกว้าง ซึ่งเราต้องตรวจสอบให้ดี เมื่อถามว่า หากเงินดังกล่าวมีข้อสงสัยสามารถอายัดได้หรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เป็นกระบวนการในเรื่องการสอบสวนสืบทรัพย์และอายัดทรัพย์อยู่แล้ว
สำหรับความคืบหน้าการยึดทรัพย์บุคคลที่เกี่ยวข้องกับ ดิไอคอน กรุ๊ป ในส่วนของตำรวจยึดทั้งอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์ และทรัพย์สินอื่นๆ ขณะนี้เกือบ 400 ล้านบาทและยังคงเดินหน้าดูว่าในอำนาจหน้าที่ตำรวจสามารถจะสืบยึดและอายัดทรัพย์ได้อีกหรือไม่ ส่วนปปง.ก็ทำหน้าที่ของเขา ทราบว่าอายัดทรัพย์ได้หลายร้อยล้านบาท จากนี้ไปก็ยังเดินหน้าเรื่องการตรวจสอบทรัพย์อยู่
ส่วนเรื่องเส้นทางการเงินคริปโต พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้เราได้มีการสอบปากคำ และตรวจสอบโดย บก.ปปป. ได้ดำเนินการแล้วมีความคืบหน้าไปมากและรวบรวมพยานหลักฐานไว้มากพอสมควร ซึ่งจะนำมาวิเคราะห์ และพิจารณาขอให้เวลาทีมงานที่ทำเรื่องนี้ ซึ่งข้อเท็จจริงก็จะปรากฏเร็วเร็วนี้นำมาพิจารณาว่าเกี่ยวข้องกับไอคอนกรุ๊ปหรือไม่
เมื่อถามถึงกระแสข่าว พลอย อัยดา ภรรยาของนาย กันต์ กันตถาวร ผู้ต้องหาคดีดิไอคอน เดินทางออกนอกประเทศนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า อยู่ระหว่างการสอบสวน และยังไม่พบข้อมูลว่าเดินทางออกนอกประเทศ
Advertisement