เผยความลับขนน็อกลุงพล อ.อ๊อดแจงยิบเทคโนโลยีขั้นสูงไม่มโน ฝากษิทราไปศึกษา (คลิป)

3 มิ.ย. 64

กรณีนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล อายุ 44 ปี ถูกออกหมายจับ 3 ข้อหา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 บนเขาภูเหล็กไฟ หลังจากนั้นทนายตั้ม ได้พาลุงพลเข้ามามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถูกคุมตัวไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ปทุมวัน ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.กกตูม ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

645275

โดยหลักฐานสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้จับกุมผู้ต้องหา คือ เส้นผมของน้องชมพู่ที่ติดไปกับลุงพล และตกอยู่ในรถกระบะ เป็นเส้นผมกลุ่มเดียวกับ 36 เส้นที่ถูกตัดและสับด้วยมีด ซึ่งไปพบบริเวณร่างของน้องชมพู่ รวมทั้งดีเอ็นที่พบในขน 3 เส้น ครั้งแรกผ่านการตรวจดีเอ็นเอแบบไมโตคอนเดรีย พบว่าเชื่อมโยงกับเพศหญิง ระบุได้ว่าเป็นของญาติสายเลือดเดียวกันฝั่งแม่ อาจเป็นของน้องชมพู่ แม่ พี่สาว ป้า น้า ยาย และเมื่อตรวจละเอียดวิธีพิเศษ "อนุภาคแสงซินโครตรอน" ด้วยเครื่องมือพิเศษที่มีเพียง 2 เครื่องในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย และสิงคโปร์ พบความเข้ากันได้มากที่สุดกับ "ป้าแต๋น" ที่เชื่อมไปถึง "ลุงพล"

758631

ล่าสุดวันที่ 3 มิ.ย.64 รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายถึงแสงซินโครตรอน ให้ฟังว่า ขณะนี้คดีของน้องชมพู่ต้องพึ่งพาหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะเส้นขน 3 เส้น และเส้นผมอีก 36 เส้น ซึ่งต้องใช้เทคนิคเอกซเรย์ด้วยกล้องอิเล็กตรอนแบบส่องกราด (Scanning electron microscope หรือ SEM) ในการตรวจสอบว่าเป็นเส้นผมของใครและเข้ากับใครที่เป็นผู้ต้องสงสัย แต่ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ต้องการหลักฐานที่ละเอียดกว่านี้ จึงต้องพึ่งพาแสงซินโครตรอน ซึ่งในประเทศไทยมีอยู่ 1 เครื่อง อยู่ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา

943685

โดย “แสงซินโครตรอน” จะช่วยเอกซเรย์ภาพตัดขวางของพื้นผิวของวัตถุ (ในที่นี้คือเส้นผม) ซึ่งหากภาพเอกซเรย์เส้นขน 3 เส้น เหมือนหรือเข้ากับบุคคลใด แปลว่าบุคคลนั้นคือคนร้ายหรือบุคคลใกล้ชิดคนร้าย ดังนั้นจึงขอฝากประเด็นนี้ไว้ให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ลองแก้ดู

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม