จากกรณีการหายตัวไปของนาย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ หรือ ต้าร์ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้ลี้ภัยชาวไทยซึ่งมีข่าวว่าถูกอุ้มหายไปจากที่พักในกรุงพนมเฟญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 4 มิ.ย.63 หรือหายตัวไปครบ 1 ปีแล้วนั้น
ล่าสุดวานนี้(3 มิ.ย.) เพจ มูลนิธิกระจกเงา โพสต์บทสัมภาษณ์ของสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม ระบุ
"วันหนึ่ง แม่กับน้องสาวบอกพี่ว่า ยังมีพวกเขาอยู่นะ ยังมีแม่ มีน้องนะ ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา พี่เดินหน้าตามหาต้าร์มาตลอด พี่คิดไปเองว่าเขาอยู่กันได้ สบายดี เพราะเขาไม่เคยเรียกร้องอะไรจากพี่ มันเหมือนเราตามหาคนคนหนึ่ง แต่ลืมทั้งครอบครัวเราไปเลย
ไม่ใช่พี่ไม่คิด หนึ่งปีที่ผ่านมา เราเสียอะไรไปบ้าง ได้อะไรกลับมาบ้าง ทำอะไรบ้างแล้วจะทำอะไรต่อ จะแก้ปัญหายังไง จะเดิน จะหยุด จะไปต่อ จะสู้ต่อ หรือกลับไปใช้ชีวิตปกติ ซึ่งพี่โฟกัสแต่การเดินหน้า ไม่เคยเหลียวหลังเลย นี่เป็นเรื่องที่พี่เสียใจ ครอบครัวเราไม่ได้มีแค่ต้าร์ หนึ่งปีที่ผ่านมาไม่ได้หันกลับมาดูครอบครัวเลย ทั้งๆ ที่เขายังต้องการเราเหมือนกัน
พี่สาววันเฉลิมสะอื้น ชี้น้องมีโอกาสรอดแค่ 1% เผยถูกอุ้มทำทีเผลอ ร้องเฮือกสุดท้าย (คลิป)
พี่จะทิ้งทุกอย่าง แล้วเดินทางไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศวันนี้ยังได้เลย แต่เราทิ้งอะไรไปไม่ได้ พี่เคยคิดนะว่าทำไมเราต้องแบกรับทุกอย่าง เราวางเรื่องนี้ไม่ได้เลย แต่เราวางแผนให้น้องเรา ให้ครอบครัวเรา อยากให้พวกเขาย้ายไปอยู่ต่างประเทศ ให้เขาไปเริ่มต้นชีวิตกันใหม่ ที่นี่มันไม่มีความหวังแล้ว ทั้งสวัสดิภาพ สวัสดิการรัฐ และเศรษฐกิจ แต่พี่ยังจะอยู่ ตัวพี่เป็นปัญหา พี่จะทิ้งเรื่องให้คาราคาซังไม่ได้
ในครอบครัวเราไม่พูดเลย ไม่คุยถึงเรื่องต้าร์ เขาหายไปไหน หายไปยังไง ไม่พูดไม่ถามกันเลย มันเหมือนเรารู้กันอยู่แก่ใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้องเรา มีแต่แม่ ถามพี่ว่า “ไหวมั้ย” แล้วแม่ก็ย้ำอีกว่า “ถ้าไม่ไหวก็พอนะลูก”
ถ้าพี่หยุดไม่ทำต่อ มันก็จะเหมือนอีก 8 รายก่อนหน้านี้ที่หายไป เรื่องมันก็เงียบในที่สุด มันเป็นกลยุทธ์ให้เรายอมแพ้ ให้ผู้เสียหายแพ้ไปเอง แต่รายก่อนหน้าต้าร์มันมีปัจจัยเรื่อง ไม่มีข้อมูล ไม่มีหลักฐาน กระทั่งไม่กล้าเพราะไม่รู้ว่าหาความจริงไปแล้วมันจะได้อะไร แต่ยิ่งถ้าเราไม่ทำอะไรเลย มันจะมีลูกคนอื่นเป็นรายต่อไปที่ต้องหายแบบนี้
มีญาติคนหายรายอื่น เห็นพี่ออกมาต่อสู้ เขาบอกว่าอยากทำแบบนี้บ้าง อยากหาความจริง อยากออกมาต่อสู้ แต่เขามีครอบครัว เขาบอกเขากลัวเขาขี้ขลาดเกินจะออกมาเปิดหน้า คนอื่นจะสู้หรือไม่สู้พี่ไม่รู้ แต่พี่แบกทุกคนไม่ได้ ครอบครัวอื่นก็เหมือนมาฝากพี่ให้พี่สู้แทน ให้พูดแทนเขา
ถ้าพี่ไม่ลุกขึ้นมาพูด หรือญาติคนหายไม่ลุกขึ้นมาพูดเอง มันไม่มีใครพูดแทนเราได้หรอกนะ นักข่าวเขาอาจจะพูดให้เราได้แค่สองวัน หลังจากนั้นมันก็มีข่าวใหม่มาแทนที่ เราก็กลายเป็นข่าวเก่า แล้วเราเลือกจะไม่พูด หรือให้คนอื่นพูดให้ในเรื่องของเรา ทั้งๆที่เราเป็นญาติ เรารู้เรื่องดีที่สุด ใครจะต่อสู้แทนเรามันไม่ได้
หนึ่งปีที่ผ่านมา พี่เรียนรู้ว่าพี่ต้องพูดกับใคร พูดไปแล้วเขาจะฟังเรามั้ย เวลาเราพูดกับกลุ่มหนึ่งมีคนรับฟัง เขาสนใจ แต่อีกกลุ่มหนึ่งไม่รับฟัง ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง ในขณะที่ทั้งโลกเขาเชื่อว่าต้าร์หายไป มีแต่ประเทศไทยนี่แหละที่ไม่เชื่อ สื่อบางสำนักยังเคยเอาไปโหวตในรายการ ว่า “วันเฉลิมหายไปจริงมั้ย” มันเอาชีวิตคนมาล้อเล่นแบบนี้เลย พี่คิดว่า มันเลยไม่จำเป็นที่ต้องพูดกับกลุ่มคนที่ไม่อยากฟัง มันเปลี่ยนเขาไม่ได้ และมันไม่มีประโยชน์
พี่ยอมรับนะ ว่าช่วงแรกจัดการอารมณ์ไม่ถูกเลย เขารู้ข้อมูลมาแบบหนึ่ง แล้วมาด่าเรา สุดท้ายมาคิดได้ เราจะไปแคร์คนพวกนี้ทำไมกัน มันคิดในใจว่า คุณไม่ฉลาดเลย คุณไม่หาข้อมูลเลย มันมีอยู่เต็มไปหมด พี่เลยเลิกจะอธิบาย พูดไปก็ไม่ฟัง ไม่เชื่อ
ทัวร์ก็มาลงพี่เยอะมาก มาจากทุกฝ่าย พี่เคยบอกว่า พี่ไม่ชอบ “โทนี่”(นามแฝง ของทักษิณ ชินวัตร ในคลับเฮ้าส์) คือตอนนั้นมีคนถามเรื่องความรุนแรงเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในขณะนั้นเขาเป็นนายกรัฐมนตรี เขาไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ แต่เขาตอบว่าจำไม่ได้ ความรุนแรงจากรัฐ คุณบอกคุณจำไม่ได้ แต่ญาติของผู้สูญเสียเขาไม่เคยลืม
พี่เปลี่ยนเป็นคนละคน พี่เดินหน้า ขับเคลื่อนด้วยความคับแค้น มันคือความแค้นในกระบวนการยุติธรรม ที่มันพังไปทั้งระบบแล้ว มันแค้นกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันดูคล้ายพี่ไปเคลื่อนไหวในทางการเมืองนะ แต่มันเกี่ยวข้องกัน เพราะเผด็จการมันไม่ดี แล้วจะมาบอกว่าสิ่งนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองได้ยังไง
คิดง่ายๆ นะ ต้นตอการหายตัวไปของต้าร์เกิดจากอะไรล่ะ ต้าร์ถูกเรียกให้ไปรายงานตัว แต่ต้าร์ไม่ไป ก็ถูกบุกจับ มันก็หนี พอหนีไปได้ ก็เอาเรื่องการทุจริตของรัฐมาตีแผ่ แล้วอยู่ๆ ก็หายตัวไป นี่ไงมันเป็นเรื่องการเมือง ถามว่าเราเรียกร้องเรื่องคนหาย เราไม่ไปม๊อบได้มั้ย เราไม่ต้องไปยืนเรียกร้องหน้าศาลได้มั้ย แต่นั่นคือต้นตอนะ มันคือเรื่องเดียวกัน
จนพี่ไปตามเรื่องที่กัมพูชาด้วยตัวเองพร้อมทีมทนายความ เราไปจุดที่น้องเราหายไป พี่เข้าไปในคอนโดที่ต้าร์เคยอยู่ เพื่อยืนยันว่าต้าร์อยู่ที่นี่ก่อนหายไปจริงๆ ได้คุยกับคนที่เขาเห็นเหตุการณ์ บางคนเขาอาจไม่กล้าให้ข้อมูลกับที่อื่น แต่เขากล้าคุยกับเรา แล้วตอนเกิดเหตุมีนักข่าวในกัมพูชามาลงพื้นที่ทันที ซึ่งเขาเก็บข้อมูลตั้งแต่เกิดเหตุใหม่ๆ มันจึงเป็นข้อมูลที่สำคัญมาก ได้คุยกับหน่วยงานรัฐของที่นั่น พอได้คุยกับหลายคนก็ทำให้เข้าใจว่าที่นั่นเขาทำกันแบบนี้
วันแรกที่ต้าร์หายไป เรารู้สึกไม่ปลอดภัยนะ มีคนมาเสนอว่า อยากไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยมั้ย พี่เชื่อว่าคนจ้องจะทำร้ายเราก็มี แต่คนที่จะปกป้องเราก็มี แต่พี่ปฏิเสธไป พี่ก็เชื่อว่าเราอยู่ได้ มันเลยความกลัวไปแล้ว ครอบครัวเราไม่กลัวเรื่องความปลอดภัยแล้ว
พี่ไม่มีอนาคต พี่อายุมากแล้ว สิ่งที่พี่ทำมันไม่ใช่เพื่ออนาคตของพี่ แต่สู้เพื่ออนาคตของคนอื่นแล้ว สิ่งที่น้องๆแกนนำต่อสู้ เขาลงถนน เพราะออกมาเรียกร้องอนาคตของพวกเขา บางคนมาถามว่า แล้วเมื่อไหร่เราจะชนะ ในขณะที่การต่อสู้ น้องเราบางคนโดนคดีหนักมาก บางคนเตรียมเข้าคุก น้องพี่ไม่ใช่มีแค่ต้าร์แล้ว อานนท์ รุ้ง ไผ่ ไมค์ แอมมี่ พวกนี่คือน้องพี่ทั้งนั้น เขาก็สู้เพื่อต้าร์ด้วย
ถามว่าตอนนี้เรื่องเงียบมั้ย มันอาจเงียบไปจากเขา แต่มันไม่เคยเงียบ ไม่เคยลืมสำหรับเรา พี่มีแผน มีกิจกรรม ที่ยังต้องทำ แค่ไม่ได้ป่าวประกาศ มันธรรมดาที่มันจะมีเรื่องใหม่มากลบเรื่องเก่า แต่พี่รู้ว่าพี่กำลังทำอะไรมากกว่า คนที่ถามแบบนั้น อาจไม่เคยทำอะไรช่วยเรา หรือช่วยต้าร์ พี่เลยไปโฟกัสคนที่ทำอะไรเพื่อตามหาต้าร์มากกว่า
คนที่รู้จักต้าร์ เพื่อนต้าร์ มาบอกพี่ว่า ทุกวันนี้เขายังย้อนกลับไปดูแชทเก่าๆ วิดีโอเก่าๆ คนที่รู้จักต้าร์ จะรู้ว่ามันบ้าๆบอๆเป็นคนคุยสนุก เขาไม่ได้คิดถึงต้าร์ในเชิงการเมืองเลย เขาคิดถึงแต่ตัวตนจริงๆของต้าร์ ไม่มีใครเกลียดต้าร์เลย
ลึกๆ ทุกวันนี้ยังคิดนะ ว่าน้องเราอยู่ที่ไหน การหายตัวไปแบบนี้มันทรมานมากนะ ถ้ารู้ว่าตายก็คือตาย ไปพิสูจน์ว่าเขาตายแล้ว เป็นต้าร์จริงๆ ตอนนี้ถ้าเจอเขาในสภาพไหน ก็อยากได้เขาคืน บุคคลที่สูญหายพอไม่รู้ชะตากรรม ครอบครัวเขาทรมานนะจินตนาการว่าเขาจะต้องเจออะไรบ้าง มันเจ็บปวดมาก"
ขณะที่วันนี้ (4 มิ.ย.) เวลา 09.00 น. ครอบครัววันเฉลิม และแอมเนสตี้ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมใส่เสื้อฮาวาย พร้อมยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 12 นาที เพื่อไว้อาลัยความยุติธรรมที่ล่าช้าของการตามหาวันเฉลิม หน้ากระทรวงการต่างประเทศ, DSI และสถานทูตกัมพูชา ก่อนเดินทางไปยื่นจดหมายต่ออธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อสอบถามความคืบหน้าในคดีของวันเฉลิม
พี่สาว "วันเฉลิม" ออกแถลงการณ์ในนามครอบครัว เสียใจน้องชายถูกบังคับให้สูญหายในกัมพูชา
"ประวิตร" ไม่รู้ความคืบหน้า กรณี "วันเฉลิม" หายตัว ชี้ เป็นเรื่องของกัมพูชา