ผ่ากลไก "ซินโครตรอน" ใช้ครั้งแรกพิสูจน์คดีชมพู่ ปรเมศวร์แนะตั้มวู่วามอาจพลาดได้ (คลิป)

ภายหลังวันที่ 2 มิ.ย. ตำรวจภายใต้ปฏิบัติการฟ้าสางกลางกกกอก ได้มีกำลังเจ้าหน้าที่เข้าแสดงหมายจับที่บ้านนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงเขยของน้องชมพู่ใน 3 ข้อหา จนกระทั่งลุงพลเข้ามอบตัวที่ สตช. ก่อนถูกควบคุมตัวส่งกลับมาที่ สภ.กกตูม ถูกนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร และได้รับการประกันตัวในวงเงิน 180,000 บาทแล้วนั้น

โดย ผศ.ดร.ศุภกร รักใหม่ ผู้ช่วยผู้อำนวยการ (วิชาการ) หัวหน้าฝ่ายสถานีวิจัย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ และนักวิทยาศาสตร์ประจำสถาบัน เปิดเผยพื้นที่จุดที่มีการใช้ทดลอง โดยเริ่มแรกที่สถานีการถ่ายภาพแบบสามมิติ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานีที่ใช้ในการตรวจสอบเส้นผม จะคล้ายกับการทำซีทีสแกน แต่ความระเอียดสูงกว่ามาก จะนำวัตถุตัวอย่างวางลงบนหัวเข็ม และให้เครื่องประมวลผล ซึ่งสามารถดูโครงสร้างของเส้นผมได้ลึกถึงข้างในว่าเส้นผมมีลักษณะอย่างไรบ้าง

จากนั้น เป็นสถานีการทดลองการเรืองแสงของรังสีเอกซ์ 2 สถานี สถานีแรกจะเป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบธาตุหนัก ส่วนสถานีที่ 2 เป็นเครื่องถ่ายภาพการเรืองรังสี ซึ่งจะใช้ตรวจสอบธาตุชนิดเบา ทั้งนี้ ข้อดีของการทดลองด้วยซินโครตรอน คือ เป็นการเรืองรังสีเอกซ์ที่ไม่ต้องทำลายตัวอย่าง และสามารถนำไปทดลองได้หลายครั้ง

ทั้งนี้ แต่ละเทคนิคจะใช้เวลาไม่เท่ากัน และจะขึ้นอยู่กับตัวอย่างที่นำมาทดลองด้วย โดยการดูโครงสร้างแบบ 3 มิติ ใช้เวลาประมาณ 17 นาที ส่วนการทดลองแบบการเรืองรังสีแต่ละตัวอย่าง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เผยโฉมครั้งแรก! เทคโนโลยีระดับโลก "ซินโครตรอน" ปิดคดีชมพู่ เหี้ยมแค่ไหนก็ไม่รอด

ผศ.ดร.ศุภกร ระบุว่า ส่วนของความแม่นยำ เครื่องที่ใช้ในการทดลองเป็นเทคนิคมาตรฐานที่ใช้ในหลาย ๆ วงการ และเชื่อถือได้อยู่แล้ว แต่ต้องใช้ข้อมูลหลายอย่าง ๆ มาประกอบกัน ทั้งนี้ ทางสถาบันเคยทำงานกับตำรวจมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม

นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาธนบุรี กล่าวว่า ตนมั่นใจว่าคดีนี้ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่นอน เพราะเป็นคดีที่ตำรวจตั้งใจทำ และพยายามปิดคดีให้ได้ แต่หลักฐานที่ได้มาจะสมบูรณ์แค่ไหน ผบ.ตร.ก็บอกแล้วว่าทำทุกอย่างไปตามสำนวนคดีที่มีอยู่ ผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นแพะหรือไม่ต้องดูพยานตั้งแต่ต้น เพราะมีพยานจำนวนมาก คนทั้งหมู่บ้านถูกเรียกมาสอบปากคำทั้งหมด การสืบสวนเป็นความลับจะมีหลักฐานเชื่อมไปถึงลุงพลแค่ไหน ตรงนี้ตนไม่แน่ใจ

แต่หัวใจสำคัญของคดีคือใครพาน้องชมพู่ขึ้นเขา ตำรวจก็สรุปชัดว่าเป็นคนใกล้ชิด เพราะฉะนั้นต้องมาดูกันว่ามีมูลเหตุจูงใจอะไร แต่ที่ผ่านมาจะเห็นว่า 2 ครอบครัวมีปัญหาขัดแย้งกันระหว่างพี่สาวกับน้องสาว ตำรวจไม่จับมาเฉย ๆ โดยไม่มีหลักฐานอยู่แล้ว ต้องมีหลักฐานบางอย่างที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องและต้องมีหลักฐานพอถึงไปขอหมายจับได้ แต่สุดท้ายถ้าคดีพลิก ลุงพลก็ถือเป็นผู้เสียหาย ต้องไปดูกันว่าพนักงานสอบสวนใช้ดุลยพินิจรอบคอบหรือไม่

อย่างไรก็ตาม อยากให้สังคมเข้าใจด้วยว่า การออกหมายจับไม่ได้หมายความว่าลุงพลเป็นคนผิด 100% ยังต้องไปพิสูจน์ในศาลอีก 3 ชั้น ส่วนประเด็นที่พูดพาดพิงถึงทนายว่าต้องสุขุมกว่านี้ เป็นการเตือนทนายทุกคน กับทนายตั้มก็รู้จักเป็นการส่วนตัว รู้ว่าทนายตั้มเป็นคนใจร้อน ด้วยความเป็นวัยรุ่น บางทีก็เร็วไป คิดว่าทนายตั้มมีข้อมูลเยอะ แต่ไม่ควรเอามาโต้แย้งตอนนี้ ควรใจเย็น ๆ ในฐานะที่เป็นนักกฎหมายด้วยกัน ก็อยากให้ไปว่ากันในศาลแล้วให้ศาลตัดสิน ไม่ใช่ออกมาพูดโต้กันข้างนอกแล้วให้ประชาชนตัดสิน ที่ทนายตั้มบอกว่าเหตุผลขอหมายจับเป็นการมโน ไม่มีใครเห็นลุงพลพรากผู้เยาว์และอำพรางศพนั้น ต้องมาเรียบเรียงเวลาว่าน้องหายไปกี่โมง ตอนนั้นลุงพลอยู่ไหน จุดสำคัญที่สุดคือเวลาตายของน้องชมพู่และการชันสูตรพลิกศพ

ตนขอแนะนำทนายตั้มว่าให้ไปดูให้ชัดว่าเวลาชมพู่หายตัว เวลาชมพู่ตาย และเอาเวลาที่คนเจอลุงพลมาเทียบกัน คนตายทุก 1 ชม. อุณหภูมิจะลดลง 1 องศาเซลเซียส เพราะฉะนั้นอุณหภูมิศพน้องชมพู่จะพิสูจน์เวลาตายได้ ทุกอย่างมีความสัมพันธ์กัน การออกมาพูดแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าเข้าข้างทนายตั้มหรือช่วยลุงพล แต่อยากให้มองกรณีให้ทะลุก่อน แต่ยอมรับว่าตั้งแต่ทำคดีมา ตนไม่เคยเจอการตั้งข้อหาแบบนี้ ส่วนเรื่องการใช้เครื่องซินโครตรอนมาตรวจพิสูจน์หลักฐาน เชื่อถือได้ 100% และสามารถนำมาเป็นหลักฐานในคดีได้ เพราะเป็นหลักวิทยาศาสตร์