สะเทือนใจ! เด็ก 11 รถคว่ำขาขาด หมอตรวจโควิด-19 รอข้ามคืนจนตาย ผอ.รพ.ช่วยทำศพย้ำทำตามขั้นตอน (คลิป)

จากกรณีเมื่อเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 4 มิ.ย. 64 นายสกลชัย ขันคำ อายุ 33 ปี, ด.ญ.ศรัณย์พร ขันคำ หรือ ชะเอม อายุ 11 ปี, ด.ญ.ศรัณย์ญา ขันคำ หรือ อัญชัน อายุ 3 ปี ประสบอุบัติเหตุขณะขับรถบรรทุกจากจังหวัดสมุทรปราการไปรับสินค้าปลาที่ จ.ระนอง

โดย ด.ญ.ศรัณย์พร ถูกคอนโซลรถทับขาเหนือเข่าขวาขาด และทำให้ข้อเท้าซ้ายขาด ส่วนด.ญ.ศรัณย์ญา หรือ อัญชัน กระเด็นจากเบาะหลังมาเบาะหน้า จากนั้นพลเมืองดีได้เข้ามาช่วยเหลือ และเรียกรถกู้ภัยก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ผู้ได้รับบาดเจ็บได้ทำบัตรหายขณะประสบอุบัติเหตุ ทางโรงพยาบาลแจ้งว่าไม่มีบัตรประจำตัวไม่สามารถทำการรักษาได้ ทำให้ ด.ญ.ศรัณย์พร หรือ ชะเอม ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา

วันที่ 7 มิ.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่ วัดตำหรุ ต.บางปูใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ ด.ญ.ศรัณย์พร ขันคำ หรือ ชะเอม อายุ 11 ปี

นายสกลชัย ขันคำ อายุ 34 ปี พ่อของผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนทำอาชีพขับรถส่งของ วันนั้นได้รับของมาจาก จ.ชลบุรี จนเวลาประมาณเที่ยงคืนขณะที่ตนกำลังเดินทางไปส่งของที่ จ.ระนอง แต่ระหว่างที่กำลังเดินทางตนเกิดอาการเกิดวูบเป็นเหตุให้หลับใน และควบคุมรถไม่ได้จนรถเสียหลักชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ขณะนั้นน้องชะเอมลูกสาวคนโตได้กระเด็นจากเบาะข้างคนขับไปอยู่ที่ด้านนอกตัวรถ และถูกคอนโซนหน้าตัดช่วงต้นขาข้างขวา ฝ่าเท้าข้างซ้ายขาดครึ่ง ส่วนน้องอัญชัน ลูกสาวคนเล็กกระเด็นจากที่นั่งเบาะหลัง ทะลุกระจกหน้าไปอยู่ตรงบนกระโปรงรถ

ทั้งนี้ ทุกคนใส่เข็มขัดนิรภัย แต่แรงกระแทกทำให้กระเด็นออกไปคนละทิศละทาง ส่วนตนยังคงนั่งอยู่ที่ฝั่งคนขับเช่นเดิม กระทั่งน้องชะเอมตะโกนบอกว่าขาขาด ส่วนน้องอัญชันส่งเสียงร้องบอกว่าอยู่ตรงไหน ตนเลยพาลูก ๆ ทุกคนออกมาไว้ด้านนอกตัวรถ ขณะนั้นนางสาวทราย พลเมืองดี ได้ขับรถผ่านมา และเข้ามาช่วยเรียกรถพยาบาลให้ ก่อนที่ทุกคนได้เดินทางมาถึงที่โรงพยาบาล เวลาประมาณ 01.00 น.

ทางโรงพยาบาลได้สอบถามประวัติ นางสาวทรายเป็นคนจัดการให้ เวลาผ่านไปสักพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลได้เข้ามาห้ามเลือด และให้เลือดกับน้ำเกลือ จากนั้นทางโรงพยาบาลได้วินิจฉัยอาการ และสอบถามว่าจะให้ตัดขาไหม เพราะถ้าให้ต่อขา โรงพยาบาลทำให้ไม่ได้ ต้องส่งตัวไปที่อื่น แต่ตนไม่อยากเสี่ยงพาลูกสาวไปที่อื่นเลยตัดสินใจเซ็นหนังสือให้ผ่าตัดขาที่ขาดทิ้ง แต่ยังไม่ได้ทำการผ่าตัดให้ทันที เนื่องจากเจ้าหน้าที่แจ้งว่าขอให้รอผลตรวจโควิด-19 ก่อน จากนั้นก็ไม่ได้ทำการรักษาอะไรเพิ่มเติม สำหรับน้องอัญชันทางเจ้าหน้าที่บอกให้นอนรออยู่เฉย ๆ และเข้ามาดูอาการเป็นระยะ ๆ แต่ไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมเช่นกัน

กระทั่งช่วงเช้า ผลตรวจโควิด-19 ก็ยังไม่ได้ออกมา และยังคงยืนยันคำเดิมว่าขอให้รอผลอย่างเดียว จนเวลาประมาณ 10.00 น. น้องชะเอมเริ่มมีอาการจิตหลุด และเพ้อ ทำนองว่าร้องเรียกชื่อคนไปเรื่อยทั้งที่ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น และพูดคนเดียว ชวนให้ใครไม่รู้มาเล่นและมากินขนมด้วย จากนั้นเวลาประมาณ 11.00 น. น้องชะเอมเริ่มมีอาการเหวี่ยง และเหม่อลอย จนเวลาประมาณ 12.00 น. น้องชะเอมได้นิ่งเงียบ เจ้าหน้าที่พาเข้าไปที่ห้องไอซียู คาดว่าน่าจะมีการทำซีพีอาร์ให้ จนเวลาประมาณ 14.00 น. เสียชีวิตแล้ว

ส่วนตัวสันนิษฐานว่าน่าจะเสียตั้งแต่ตอนที่ย้ายห้องไปไอซียูแล้ว และหลังจากที่เสียชีวิตก็ไม่ได้ทำแผล และยังอยู่ในสภาพเดิม ที่เอาผ้ามาห้ามเลือด สำหรับลูกสาวคนเล็ก ภรรยาของตนได้เรื่องย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ ซึ่งตนเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เมื่อนำมารักษาที่ จ.สมุทรปราการ เจ้าหน้าที่ได้ทำการรักษาให้ทันที

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนตั้งคำถาม 2 ข้อคือ ทำไมทางโรงพยาบาลจะต้องให้รอผลโควิด-19 ถ้าลูกของตนติดโควิดจะไม่รักษาให้ใช่ไหม และทำไมผลโควิดถึงออกมาตอนเที่ยงพอดี เวลาเดียวกับที่ย้ายเข้าห้องไอซียู โดยทางโรงพยาบาลแจ้งสาเหตุการเสียชีวิต ลูกทำนองว่า อาจจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว และอาจจะมีอาการน้ำท่วมปอด หลังจากเกิดเรื่องตนเพิ่งจะได้ฟังคำตอบของโรงพยาบาลครั้งแรกในรายการโหนกระแส แต่ตนเป็นการให้คำตอบทางการแพทย์ แต่ส่วนตัวมองว่ายังไม่ได้รับความกระจ่าง ตั้งแต่เกิดเรื่องโรงพยาบาลเพิ่งจะติดต่อมาในวันนี้ บอกว่าจะขอเข้ามาที่งานศพ อยากจะเป็นเจ้าภาพร่วม ซึ่งตนก็ยินดี ส่วนเรื่องการรับผิดชอบ ทางครอบครัวขอพูดคุยกันก่อน

นางสาวนารีรัตน์ ขำใจ อายุ 28 ปี แม่ของผู้ตาย เปิดเผยว่า ช่วงนี้ตนทำงาน ช่วงโควิค-19 ลูกสาวปิดเทอมพอดี สามีเลยเป็นผู้ดูแล แต่เมื่อวันที่เกิดเหตุ สามีต้องไปส่งของที่ต่างจังหวัด ปกติถ้าระยะทางไม่ไกลมาก สามีก็จะพาลูกสาวไปด้วย อีกทั้งสามีของตนรู้สึกเป็นห่วง เพราะว่าถึงแม้ข้างบ้านจะช่วยดูแล แต่ลูกสาวก็ต้องอยู่กันแค่ 2 คน สามีเลยพาไปด้วย กระทั่งเวลาประมาณเที่ยงคืน ตนทราบเรื่องจากพลเมืองดี จึงเดินทางมาถึงที่ จ.เพชรบุรี ประมาณ 2.00-3.00 น. ขณะนั้นตนเห็นลูกสาวคนโตนอนอยู่บนเตียงด้านในห้องฉุกเฉิน ส่วนลูกสาวคนเล็กก็นอนอยู่เช่นกันคนละฝั่ง ขณะนั้นตนได้ดูแลลูกสาวคนเล็ก ส่วนสามีเป็นผู้ดูแลลูกสาวคนโต

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าขาของลูกคนเล็กน่าจะหัก ให้แอดมิตนอนที่โรงพยาบาล แต่ขอให้รอก่อน เพราะว่าต้องไปเตรียมที่นอนให้ลูกสาวคนโต ตนตามเข้าไปดูพบว่าลูกสาวคนโตนอนอยู่ในห้องรวม อีกทั้งยังบอกแค่ว่าจะล้างแผลให้ก่อนจะผ่าตัดให้ แต่เป็นการผ่าตัดแบบเปิด ระหว่างที่รอการรักษามีอาการเลือดไหลไม่หยุด แต่ยังยืนยันให้รอผลตรวจโควิด เพราะผลออกมาเป็นรอบ ๆ แต่ตนมองว่ากรณีนี้ควรจะเป็นเรื่องฉุกเฉิน น่าจะมีการดำเนินการรักษาที่ไวกว่านี้

กระทั่งเวลาประมาณ 12.00 น. ลูกสาวคนโตเริ่มไม่ไหวแล้ว เจ้าหน้าที่ได้บอกว่าผลโควิดออกมาแล้ว เลยพาลูกสาวเข้าห้องไอซียู โดยหลังจากที่เข้าไปแล้วก็ออกมาแจ้งญาติครั้งแรกว่าทำซีพีอาร์ให้น้องชะเอมแล้ว มีอาการน้ำท่วมปอด ครั้งที่สองแจ้งว่าได้ทำซีพีอาร์ไปประมาณ 1.5 ชั่วโมงแล้ว และถามว่าจะให้ทำต่อไหม ซึ่งตนมองว่าลูกสาวคนโตเสียชีวิตไปแล้ว จะทำต่อไปเพื่ออะไร

ทั้งนี้ หมอได้แจ้งสาเหตุการเสียชีวิตว่า พยายามประคองอาการแล้ว แต่เสียเลือดมาก และมาด้วยอาการขาขาด อาจจะทำให้ทนพิษบาดแผลไม่ไหว อีกทั้งยังกล่าวว่าไม่แน่ใจว่าอวัยวะภายในมีอาการเสียเลือดไหม จะขอเอาไปชันสูตร แต่ตอนนั้นต้องดูแลลูกสาวคนเล็กอีก ตนตัดสินใจรีบพาทั้งคู่กลับมา จากนั้นตนได้ติดต่อโรงพยาบาลที่ จ.สมุทรปราการ ว่าจะขอย้ายลูกสาวคนเล็กไปรักษาที่นั่น ซึ่งทางโรงพยาบาลบอกว่าให้โรงพยาบาล จ.เพชรบุรี ทำเรื่องส่งตัวมาตามขั้นตอน แต่โรงพยาบาลที่ จ.เพชรบุรี กล่าวว่า "คุณจะนำลูกไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนอยู่แล้วไม่ใช่หรอ ก็ให้วอล์กอินเข้าไปเลย โรงพยาบาลไม่ส่งตัวให้" และนำประวัติการรักษาใส่แผ่นดิสก์ให้เท่านั้น และบอกให้อุ้มลูกสาวไปได้เลย

โดยเวลาประมาณ 16.00-17.00 น. ตนได้พาลูกสาวคนเล็กออกมาจากโรงพยาบาล และเวลาประมาณ 21.00 น. ตนเดินทางมาถึงที่โรงพยาบาลใน จ.สมุทรปราการ พอมาถึงหมอได้ดูแผ่นเอกซเรย์ และแจ้งว่ากระดูกสะโพกคด กระดูกต้นขาร้าว ก่อนจะทำการใส่เฝือกตั้งแต่ช่วงขาลงไปให้ทันที ต่างจากตอนที่รักษาในโรงพยาบาล จ.เพชรบุรี ที่บอกว่าต้องรักษาลูกสาวคนโตให้แล้วเสร็จก่อน เพราะว่าอาการหนักกว่า เบื้องต้น ลูกสาวคนเล็กกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งอยู่ในระหว่างการใส่เฝือก ระยะเวลาขั้นต่ำในการเข้าเผือกประมาณ 1 เดือน อาการหลังจากที่ถอดเฝือก ขาอาจจะไม่เท่ากัน

เวลาประมาณ 18.00 น. ผู้อำนวยการโรงพยาบาล รวมถึงเจ้าหน้าที่จากทางโรงพยาบาลพระจอมเกล้า เพชรบุรี ได้เดินทางเข้ามาแสดงความเสียใจ และร่วมเป็นเจ้าภาพ จัดพิธีบำเพ็ญกุศลศพในวันนี้ เบื้องต้นได้เข้ามามอบเงินทำบุญให้ แต่ยังไม่ได้มีการพูดเกี่ยวกับเรื่องของการเยียวยา หรือพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ทางโรงพยาบาลมาเป็นเจ้าภาพ และให้เงินทำบุญศพ พร้อมกับแสดงความเสียใจ ซึ่งทุกคนก็รู้สึกดีใจที่มาร่วมงาน แต่ทางโรงพยาบาลยังไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น