กรณีการเสียชีวิตของน้องชมพู่ หรือ ด.ญ.อรวรรณ วงศ์ศรีชา หลังศาลออกหมายจับ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ลุงเขยเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตน้องชมพู่ จากนั้นนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เข้ามารับเป็นทนายให้ลุงพล ด้านแม่น้องชมพู่ หรือ นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา ได้เปิดตัวทีมทนายความ โดยทีมทนายมี 4 คน ประกอบด้วยนายวินัย ชุมสวัสดิ์ เป็นหนึ่งใน 4 ทนายที่จะเข้ามารับผิดชอบในคดีนี้
กระทั่งทนายรัชพล ศิริสาคร โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "นึกว่าจะได้ทนายกลับได้ทะแนะมาดูแลคดีสงสารแม่น้องจริง ๆ" หลังจากนั้นก็ชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่าทนายรัชพล อิจฉาหรือไม่
ล่าสุดวันที่ 9 มิ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาพูดคุยกับ ทนายรัชพล เปิดเผยว่า กรณีที่ตนโพสต์เฟซบุ๊ก เป็นการแสดงความรู้สึกเห็นใจในการสูญเสีย แต่เวลาที่แม่ชมพู่จะปรึกษาใครทั้งที อยากจะแนะนำว่าให้ปรึกษาคนที่เป็นทนายความจะดีมากกว่า ก่อนหน้านี้มีทนายความหลายคนยื่นมือเข้ามา แต่กลับเลือกคนที่ไม่ใช่ทนายความมาเป็นที่ปรึกษา ทั้งนี้กว่าจะมาเป็นทนายความได้ต้องเรียนเฉพาะด้านหลายอย่าง ไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ ก็จะมาเป็นกันได้
สำหรับทนายความวินัย ส่วนตัวไม่รู้จักแต่ถ้าเป็นทนายความจริง ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ขึ้นอยู่กับว่า ตอนที่แม่ของน้องชมพู่ขอคำปรึกษา แม่ชมพู่จะไปปรึกษากับทนายความโดยตรง หรือจะไปปรึกษาผ่านคนอื่นที่ไม่ใช่ทนายความ
จากกรณีที่มีทนายความหลายคนเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนเชื่อว่าไม่น่าจะเกิดศึกทนายความขึ้นได้ เพราะการเลือกทนายความเป็นสิทธิ์ของแม่น้องชมพู่ และไม่ใช่เรื่องผิดที่ใครจะขอยื่นมือเข้าไปช่วย แต่ส่วนตัวไม่สามารถรับหน้าที่เป็นทนายความได้ เพราะตนเคยคลุกคลีอยู่กับลุงพล ถ้าจะให้ย้ายข้างไปอีกฝั่ง ขนาดคนธรรมดายังถูกมองว่าไม่ดี ยิ่งเป็นทนายความแล้วยิ่งเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม
ส่วนกรณีที่ นายสิระ เจนจาคะ จะขอเข้าพบกับแม่น้องชมพู่ แต่บุคคลอื่นไม่อนุญาตเข้าพบ ตนมองว่า เรื่องนี้เป็นสิทธิ์ของแม่น้องชมพู่ที่จะตัดสินใจว่าไม่อยากจะพบใคร อีกทั้งนายสิระ ได้ทำหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วย คนอื่นไม่มีสิทธิ์ไปห้าม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนอยากจะให้คำแนะนำกับแม่น้องชมพู่ว่า เรื่องทุกอย่างเป็นสิทธิ์ของแม่น้องชมพู่ ถ้าไม่พอใจทนายความ หรือไม่พอใจอะไร แม่ชมพู่มีสิทธิ์ที่จะปรับเปลี่ยน และสามารถปรึกษาทนายความได้หลาย ๆ คน แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับใบสัญญาด้วย
ทีมข่าวได้พูดคุยกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานทนายเครือข่ายทนายคลายทุกข์ เปิดเผยว่า ตนทราบว่าทีมทนายความของแม่น้องชมพู่ คือ นายวินัย ชุมสวัสดิ์ เป็นทนายความในเครือข่ายช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ถือเป็นทนายอาวุโสที่อายุมากแล้ว และผ่านประสบการณ์มานาน ฉะนั้นก็จะสามารถสร้างความมั่นใจให้แม่น้องชมพู่ได้ เพราะประสบการณ์สูง และถือเป็นมวยถูกคู่ เพราะทั้ง นายอัจฉริยะ และทนายตั้ม มีเรื่องฟ้องร้องกันไปมามากมาย ตนเองมองว่านายอัจฉริยะ เอาอยู่
ถามว่าจะมีดราม่าหรือไม่ ตนมองว่าคงจะเป็นการขุดคดีเก่า และนายอัจฉริยะ คงจะดำเนินการนำพยานไปพบกับพนักงานสอบสวนเพิ่มเติม และช่วยเหลือแม่น้องชมพู่เกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐาน และส่งอัยการเพื่อที่จะนำไปสู่การฟ้องศาลต่อไปในอนาคต
สำหรับไม้ตายของทั้ง 2 ฝ่าย คือ ต่างรู้ทางกัน เพราะมีการฟ้องร้องกันมาเยอะ แต่ตนคิดว่านายอัจฉริยะ น่าจะจับทางของทนายตั้มได้ดีกว่า ตนมั่นใจว่าคู่นี้ประชาชนจะได้เห็นองค์ความรู้มากมายผ่านสื่อ ส่วนที่แม่น้องชมพู่ไม่ได้เลือกทนายรณรงค์ และทนายเกิดผล เพราะทั้งคู่เป็นพวกเดียวกันกับทนายตั้ม เป็นใครก็ไม่เลือก เก่งแค่ไหนก็ไม่เลือก เพราะไม่สามารถจะไว้ใจคนที่สนิทสนมกับฝ่ายตรงข้ามได้ จึงเป็นไปไม่ได้ และต้องเลือกคนที่ตรงกันข้ามอยู่แล้ว
สำหรับการที่ทนายตั้ม และลุงพล เดินทางมาพบนายสิระ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี เพราะกรรมาธิการของนายสิระ แค่ตรวจสอบเท่านั้น เพราะกรรมาธิการไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ ทำได้เพียงรับฟังข้อร้องเรียนและสรุป หากจะดำเนินคดีหรือไม่ ก็เป็นหน้าที่ของ ปปช. ของศาลต่าง ๆ กรรมาธิการ ไม่มีหน้าที่ตัดสินใครผิดถูก
อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะให้กำลังใจผู้สูญเสีย เพราะอยากให้นึกถึงตอนที่น้องชมพู่ มีคนนำไปทิ้งไว้บนเขาภูเหล็กไฟ และทรมานไม่มีข้าว ไม่มีอาหารและเสียชีวิต จึงอยากให้นึกถึงการตายอย่างทรมานของเด็ก และขอเป็นกำลังใจให้ตำรวจในการรวบรวมพยานหลักฐานพิสูจน์ความจริง นำคนร้ายมาลงโทษให้ได้ ส่วนลุงพลจะเป็นคนร้ายตัวจริงหรือไม่ ก็ต้องรอศาลตัดสิน
ภายหลังการแถลงเปิดตัวทนายความฝั่งแม่น้องชมพู่ ทีมข่าวสังเกตว่ามีกลุ่มชาวบ้านจำนวนหนึ่ง เดินทางมาพร้อมกับพยานในคดีน้องชมพู่ อาทิ นางส้มโอ, พ่อแบม-แม่แบม, นางดอน, นางถอน-นายม๊อค โดยทุกคนต่างถือดอกกุหลาบขาว-แดงอยู่ในมือ เพื่อเตรียมให้กำลังใจพ่อ-แม่น้องชมพู่ นายอัจฉริยะ และทนายวินัย ซึ่งหลังจากที่มีการแถลงข่าวเสร็จสิ้น ทุกคนต่างนำดอกไม้ไปมอบให้กับพ่อแม่น้องชมพู่ และทีมทนาย
นายวัชรินทร์ กงแก่ท้าว หรือ พ่อแบม พยานคดีน้องชมพู่ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาให้กำลังใจแม่น้องชมพู่ และดีใจกับแม่น้องชมพู่ที่มีทีมทนายเข้ามาช่วยเหลือดูแล แต่ตนยอมรับว่ายังไม่เคยมีโอกาสสัมผัสหรือเข้าไปร่วมงาน จึงตอบไม่ได้ว่ารูปแบบการทำงานจะออกมาในลักษณะแบบไหน และจะช่วยเหลือในด้านคดีไปในทิศทางใด ซึ่งในเรื่องของความเก่งหรือความถนัด ก็คงต้องรอดูหลังจากนี้ก่อน
ทั้งนี้ ตนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของนายอัจฉริยะ เพราะเคยเห็นผ่านตา รวมถึงคดีที่มีการช่วยเหลือเหยื่อผู้เสียหาย แต่เรื่องของการขึ้นชกกับทนายตั้ม ตนยังบอกไม่ได้ เพราะยังไม่เห็นรูปแบบการทำงานของทีมนายอัจฉริยะ ดังนั้นก็ต้องรอดูเวลาก่อนว่าหลังจากนี้รูปแบบของการทำงานจะไปในทิศทางใด และแม่น้องชมพู่จะได้รับประโยชน์จากทีมทนายชุดนี้มากเพียงใด
เช่นเดียวกับ นางส้มโอ (นามสมมติ) เปิดเผยว่า หลังทราบว่ามีทีมทนายเข้ามาช่วยฝั่งของแม่น้องชมพู่ ตนก็รู้สึกดีใจ และก็เชื่อมั่นในการทำงานของทนายความชุดนี้ โดยเฉพาะผู้นำทีมอย่างนายอัจฉริยะ และชุดทีมทนายความที่จะสามารถต่อสู้ในกระบวนการชั้นศาลได้อย่างสมศักดิ์ศรี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยติดตามผลงานและการช่วยเหลือของนายอัจฉริยะ จึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะช่วยฝั่งของแม่น้องชมพู่ได้เป็นอย่างดี “เราเชื่อมั่นในทีมทนายของแม่น้องชมพู่ และเราต้องชนะ”
ที่สำคัญการต่อสู้ครั้งนี้ตนมองว่า แม่น้องชมพู่ไม่ต้องสู้ด้วยตัวคนเดียวเหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะจะมีทีมทนายเข้ามาช่วยดูเรื่องสิทธิ์ หรือพวกเกรียนคีย์บอร์ด ถือเป็นเรื่องที่ดี แม้ตนจะเป็นแค่พยาน แต่ก็ดีใจแทนแม่น้อง และตัวน้องชมพู่ ที่วันนี้ทุกอย่างมีความคืบหน้าและคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ