จากกรณีชาวบ้านร้องเรียนไปยังหมอปลา เกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่ค่อยๆป่วยและมีอาการทางจิตทั้งครอบครัวโดยที่ไม่มีสาเหตุ โดยขอให้หมอปลาช่วยแก้ไขและรักษา
วันที่ 9 มิ.ย. 64 เวลา 19.00 น. หมอปลา มือปราบสัมภเวสี ลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุ จุดแรกหมอปลาได้เดินไปยังโอ่งน้ำที่เคยเป็นที่ตั้งของจอมปลวกมาก่อน
หมอปลาได้จับโอ่งอยู่ครู่หนึ่ง และบอกว่าไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ ดวงวิญญาณและคุณไสยที่เคยอยู่ตรงนั้นจากการทิ้งศพเด็กได้เสื่อมไปตามกาลเวลา เพราะผ่านมากกว่า 40 ปีแล้ว
ต่อมาหมอปลาได้เดินไปยังจุดใต้บันได ซึ่งเคยมีหมอธรรมมาขุดเจอขันกระดูกและเส้นผม เมื่อประมาณ 20 ปีก่อน หมอปลาก็ไม่สามารถสัมผัสอะไรได้ พร้อมยืนยันว่าบริเวณนั้นไม่มีการทำคุณไสย รวมถึงยังตำหนิหมอธรรมที่เคยมาขุดว่าเป็นคนหลอกลวง
ต่อมาหมอปลาได้เชิญน้องใหม่ และนางรุ้งลาวัลย์ ผู้เป็นแม่ มานั่งทำพิธี โดยให้ น.ส.เพ็ญพิมล หมอโรงพยาบาลตำบล มานั่งตรงกลางระหว่างน้องใหม่กับนางรุ่งลาวัลย์ จับมือผู้ป่วยทั้ง 2 คนเอาไว้ให้ น.ส.เพ็ญพิมล นั่งเหยียดเท้าตรง หมอปลาสัมผัสไปยังทั้งน้องใหม่และนางรุ้งลาวัลย์ ให้น.ส.เพ็ญพิมล ตรวจสอบความรู้สึกว่าในช่วงที่หมอปลาสัมผัสไปยังตัวของผู้ป่วยนั้น เจ้าตัวรู้สึกอย่างไรบ้าง ซึ่งหมอปลาจับตัวผู้ป่วยอยู่ประมาณ 3 นาที น.ส.เพ็ญพิมล บอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย
ต่อมาหมอปลาได้เชิญ น.ส.นาขวัญ นักข่าวภูมิภาคที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน เป็นตัวแทนและนั่งจับมือน้องใหม่กับนางรุ่งลาวัลย์อีกครั้ง โดยหมอปลาจับตัวของผู้ป่วยทั้ง 2 คนในครั้งนี้ นักข่าวรู้สึกชาที่ปลายเท้าทั้ง 2 ข้าง แม้ว่าหมอปลาจะเอามือออกจากผู้ป่วยแล้ว แต่นักข่าวก็ยังรู้สึกชาที่ปลายเท้าประมาณ 1 นาที เพราะมีสสารผ่านร่างทำให้ผู้ป่วยมีอาการ แต่ด้วยการทานยาทางจิตเวช ทำให้ผ่านร่างยากขึ้น ทำให้นักข่าวรู้สึกเย็นและชาช้ากว่าปกติ
หมอปลา เปิดเผยว่า จากการทำพิธีตนสัมผัสได้ว่าเมื่อเอามือแตะร่างนางรุ้ง ตนก็รู้สึกว่ามีสสารบางอย่างที่ผ่านร่างของนักข่าว ซึ่งตามหลักวิทยาศาสตร์นั้นมันคืออาการเครียด แต่ตนเชื่อว่าจะต้องมีเรื่องสสารบางอย่างมาเกี่ยวข้อง เพราะคนในครอบครัวเชื่อเรื่องผี ทำให้คนในบ้านนั้นมีอาการค่อนข้างเครียด บรรยากาศในครอบครัวก็ไม่สู้ดี และตนอยากจะพาครอบครัวนี้ไปรักษาที่บ้านของตน จะได้รักษาทางวิทยาศาสตร์และรักษาทางไสยศาสตร์ เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น จะให้ผู้ป่วยกินยารักษาควบคู่ไปด้วย
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการทำคุณไสยใส่ และไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับ แต่เป็นเพราะที่ดินมีเรื่องเล่ามานาน ทำให้คนในบ้านไปยึดติดกับเรื่องพวกนั้น ทำให้เขาเครียดและเกิดอาการแบบนี้ ตนก็ไม่อยากให้ชาวบ้านเชื่อว่าเจ้าที่แรง เพราะวิญญาณไม่เก่งเท่ามนุษย์ จึงไม่อยากให้เชื่อว่าเจ้าที่แรงหรือทางผีผ่าน และอยากฝากถึงชาวบ้านที่เคยไปจ้างหมอธรรมมาขุดแล้วเจอสิ่งของในบ้านนั้น ตนยืนยันว่าไม่ใช่ความจริง เป็นการเตรียมการทั้งนั้น
น.ส.เพ็ญพิมล ศรีอ่อน อายุ 33 ปี หมอสถานีอนามัยตำบล เปิดเผยว่า สำหรับบ้านหลังนี้มีผู้ป่วย 3 คน คือนายวิจิตร, นางรุ้งลาวัลย์ และน้องใหม่ โดยนายวิจิตรกับนางรุ้งลาวัลย์ มีอาการทางจิตเพศ จะต้องกินยาไปตลอดชีวิต ส่วนน้องใหม่เพิ่งจะเริ่มเป็น มีแค่อาการจากโรคซึมเศร้าเท่านั้น ที่ผ่านมาครอบครัวนี้ได้รับการกินยาอย่างต่อเนื่อง อาการก็เริ่มดีขึ้นตามลำดับ แต่โรคนี้เป็นโรคที่ไม่ได้หายขาด เพียงแต่ทำให้อาการทรงตัว ผู้ป่วยเองก็สามารถอยู่ในชุมชนได้โดยที่ไม่สร้างความเดือดร้อน ตนดูแลครอบครัวนี้มาถึง 10 ปีแล้ว ซึ่งน้องใหม่มีโอกาสที่จะหายขาดจากอาการซึมเศร้าได้
นายคูณ สามีของนางรุ้งลาวัลย์ เปิดเผยว่า เมื่อหมอปลาบอกว่าที่ดินบ้านของตนนั้นไม่มีอาถรรพ์ ตนก็รู้สึกสบายใจ เพราะที่ผ่านมาคนในบ้านก็ต่างเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ และทำให้เกิดความเครียดมาตลอด หลังจากนี้ตนก็ยินดีที่จะให้ภรรยา ลูกสาว และพ่อตา เดินทางไปพักรักษาตัวที่บ้านของหมอปลา เมื่ออาการดีขึ้นค่อยให้กลับมาอยู่ที่บ้าน เพราะถ้าไม่รีบรักษาตอนนี้ก็กลัวว่าจะสายไป
สำหรับวันนี้ ตนรู้สึกดีใจที่มีชาวบ้านมาให้กำลังใจมากมาย เพราะชาวบ้านไม่ได้รังเกียจอะไรเลย และโล่งใจที่พิธีกรรมต่าง ๆ ออกมาในทิศทางที่ดี หลังจากนี้ก็จะตั้งใจทำทุกอย่างให้ดีขึ้น เพราะตอนนี้ตนก็ไม่มีความข้องใจเกี่ยวที่ดินอีกแล้ว ยอมรับว่าที่ผ่านมานั้นรู้สึกลำบากมากที่ต้องดูแลครอบครัวเพียงลำพัง