จากกรณีที่น้องปลื้ม รุ่นน้องปี 2 อุเทนถวายเสียชีวิต จากการไม่ร่วมมือทำกิจกรรมรับน้องใหม่ ถูกรุ่นพี่ลงโทษด้วยการเวียนเตะกว่า 12 คน และแพทย์ลงความเห็นว่าเกิดจากลิ่มเลือดไปอุดตันเลือดขั้วปอดนั้น
ล่าสุด วันที่ 10 มิ.ย. 64 ที่วัดเก่าหนองกี่ ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ มีพิธีกรรมฌาปนกิจศพของน้องปลื้ม โดยพี่ชายของผู้เสียชีวิตเปิดโลงศพดูหน้าน้องครั้งสุดท้าย และมีอาการร่ำไห้ตลอดเวลา บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า รวมถึงมีการเผาสิ่งของที่รักของน้องปลื้มด้วย
นายวีรพงษ์ ตามกลาง พี่ชายน้องปลื้ม บอกว่า ส่วนตัวคิดว่าการที่น้อง ๆ รุ่นพี่กลุ่มก่อเหตุเดินทางมาขอขมาศพน้องชาย ถือว่าทุกคนเป็นสุภาพบุรุษ ตนชื่นชมที่พวกเขาทั้ง 12 คนที่ออกมายอมรับผิด
แต่การกระทำของพวกเขามันร้ายแรงเกินที่จะให้อภัย ส่วนตัวอโหสิกรรมให้ซึ่งกันและกัน ก็ตามที่แม่บอกว่าพวกเขาสำนึกไม่จริง เพราะการกระทำที่เห็นเมื่อวานนี้มี 2-3 คน ที่พูดขอขมาแม่และศพน้องปลื้ม ที่เหลือก็จะนั่งนิ่ง พอตนจี้ถามก็มองหน้ากัน ส่วนผู้ปกครองที่มาด้วยก็เดินเข้ามาแสดงความเสียใจ ตนก็บอกกลับไปว่ามันสายเกินไปแล้ว หลังจากนี้ ก็คงต้องเดินหน้าเอาผิดทุกคนตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ด้านนายปริญญา เพื่อนสนิทของน้องปลื้ม ที่เคยเรียนเทคนิคนครราชสีมาด้วยกัน บอกว่า ตนสนิทกับปลื้มมา 7 ปีแล้ว ตั้งแต่ตอนเรียนที่เทคนิคโคราช และถึงแม้ปลื้มจะย้ายไปเรียนที่อุเทนถวาย ก็ยังติดต่อไปมาหากันตลอด
เวลาปลื้มกลับมาก็จะให้ตนเองไปรับ รู้สึกเสียใจมากที่เพื่อนต้องมาจบชีวิตแบบนี้ ทั้งที่เขาตั้งใจและใฝ่ฝันมากว่าอยากจะไปเรียนที่สถาบันแห่งนี้ ก็อยากให้เจ้าหน้าที่ลงโทษรุ่นพี่ที่ทำร้ายปลื้มตามกฎหมายให้ถึงที่สุด จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้กับใครอีก
จากนั้นมีบรรดาศิษย์เก่า รุ่นพี่ และเพื่อนร่วมสถาบันที่มาร่วมงานฌาปนกิจ ยังได้ร่วมกันร้องเพลงประจำสถาบันที่บริเวณหน้าเมรุ เพื่อเป็นการแสดงความอาลัยและส่งดวงวิญญาณน้องปลื้มสู่สรวงสวรรค์ด้วย จากการสอบถามญาติและเพื่อน ๆ ต่างก็บอกว่าไม่เห็นรุ่นพี่ที่ทำร้ายน้องมาร่วมงานฌาปนกิจศพ ซึ่งอาจจะกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย
น.ส.วิมาน ตามกลาง อายุ 64 ปี ป้าของน้องปลื้ม บอกว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ได้มี 12 นักศึกษาที่ก่อเหตุ มาขอขมาศพ และขอขมาแม่น้องปลื้ม ส่วนตัวให้อภัย แต่การขอโทษไม่สามารถทำให้หลานฟื้นคืนขึ้นมาได้ ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ออก เพราะสงสาร และเสียดายหลานที่จากไปก่อนวัยอันควร
โดยเมื่อเวลา 21.30 น. ของคืนที่ผ่านมา รุ่นพี่ 12 คนที่รุมเตะน้องปลื้มทั้งหมด ได้เดินทางมาขอขมาศพน้องปลื้ม ต่อหน้านางมนัสนันท์ ตามกลาง อายุ 57 ปี แม่น้องปลื้ม ท่ามกลางญาติและเพื่อนน้องปลื้ม รวมถึงชาวบ้านได้มาคอยดูกันเป็นจำนวนมาก
โดยกลุ่มรุ่นพี่ทั้ง 12 คนได้เพียงขอโทษแม่น้องปลื้ม อ้างว่าที่ทำไปเพราะไม่ได้ตั้งใจให้ถึงชีวิต ขณะแม่น้องปลื้มได้ถามกลับถึงการกระทำดังกล่าวว่า "รุนแรงไปหรือไม่ ถ้าเป็นเขาเป็นเราโดนแบบนี้ พ่อแม่จะเสียใจแค่ไหน"
หลังจากนี้คงจะต้องปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการต่อไปโดยกลุ่มรุ่นพี่ 12 คน โดยใช้เวลาอยู่ในงานประมาณ 15 นาที ก่อนจะขอเดินทางกลับ โดยที่มีญาติบางคนถามว่า "สะใจไหมคะ"
นางมนัสนันท์ ตามกลาง แม่ของน้องปลื้ม บอกว่า เมื่อคืนวาน เวลา 21.00 น. หลังจากเสร็จพิธีสวดอภิธรรมน้องปลื้มเป็นคืนสุดท้าย รุ่นพี่ทั้ง 12 คนกับผู้ปกครองเดินทางมาที่บ้านงานศพ บอกว่าจะมาขอขมาศพน้องปลื้ม โดยที่ไม่ได้มีการโทรมาบอกหรือนัดหมายกันมาก่อน ตนก็อนุญาตให้พวกเขาเข้ามาได้
จากนั้นเข้าบ้านมาเด็กทั้ง 12 คนก็ยกมือไหว้แล้วก้มลงกราบแม่ ตนก็ถามว่าพวกเราทำอะไรน้องบ้าง เขาก็บอกว่าเตะน้องแค่ 2 ครั้ง แม่ก็บอกว่า "เตะ 2 ครั้ง ลูกแม่คงไม่ตายหรอกมั้ง" แต่พวกเขาก็ยืนยันว่าทำแค่นั้น ส่วนตัวไม่เชื่อ เพราะทำแค่นี้มันคงไม่ถึงตาย หลังจากนั้น ตนก็ให้พวกเขาไปกราบขอขมาที่หน้าศพน้องปลื้ม ส่วนตัวตนอโหสิกรรมให้
ทั้งนี้ แต่เรื่องที่ตนติดใจในตอนนี้คือคิดว่าเด็กพวกนี้สำนึกไม่จริง ที่มาขอขมากันก็คงเป็นเพราะที่ผู้ปกครองพามา ถ้าพวกเขาสำนึกกันเองจริงต้องอยู่ร่วมพิธีเผาศพน้องปลื้ม แต่วันนี้ตั้งแต่เช้าจนเสร็จพิธีเผาศพน้องปลื้ม ตนก็ไม่เห็นพวกเขาเลย อย่างไรก็ตาม ถึงแม้พวกเขาจะมาขอขมาจะสำนึกผิดหรือไม่สำนึก ตนยังยืนยันคำเดิมว่าจะดำเนินคดีเอาผิดทุกคนที่ทำกับลูกแม่
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ไล่ออก 12 รุ่นพี่อุเทนฯ ซ่อมโหดกระทืบน้องปี 2 ถึงตาย แม่เปิดแชตสืบไม่เชื่อตกเก้าอี้
สำหรับน้องปลื้มหลังเกิดเหตุ ถูกหามตัวนำส่งโรงพยาบาล อาการของน้องปลื้มขณะอยู่ในห้องไอซียู ในสภาพถูกมัดมือมัดเท้าเพราะมีอาการชักเกร็ง แต่ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารอะไรได้ เพราะใส่ท่อช่วยหายใจ นอนรักษาอยู่ที่ รพ.หัวเฉียว 5 วัน จึงขอให้ส่งตัวมารักษาที่ รพ.มหาราช 3 วัน ก็เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. เวลาประมาณ 22.00 น. โดยพบว่าก่อนหน้านี้อาการทรุดลงตามลำดับ
พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผู้กำกับการ สน.ปทุมวัน ระบุว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในระหว่างดำเนินการทางด้านคดีอย่างเต็มที่ทั้งฝ่ายสืบสวนสอบสวนที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งมีการประชุมการติดตามความคืบหน้า ในเรื่องของพยานหลักฐานต่าง ๆ ซึ่งก็มีความคืบหน้าทางคดีพอสมควร
โดยขณะนี้จากการตรวจสอบพบว่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สามารถนำมาเป็นพยานได้มีมากกว่า 12 คน แต่ส่วนคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของผู้เสียชีวิตนั้น ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการเร่งตรวจสอบว่ามีจำนวนกี่คน ซึ่งบุคคลที่กระทำผิดถือว่ามีโทษสูงในทางอาญา
ซึ่งในขณะนี้ที่ทางเจ้าที่ตำรวจประสานได้คือ รปภ. ครูของอุเทนถวาย รวมถึงติดตามผลชันสูตรของโรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลมหาราช (นครราชสีมา) มาทำการตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ข้อมูลว่าการดำเนินคดีของทางตำรวจ เจ้าหน้าที่จะดำเนินคดีตามขั้นตอนตามหลักฐานที่ได้ เนื่องจากเป็นการทำร้ายร่างกายผู้อื่นให้เกิดความตายในเขตพื้นที่ของอุเทนถวาย อีกทั้งเป็นการฝ่าฝืนโทษฐานความผิด ข้อกำหนดมาตรา 9 พระราชกำหนดมาตรการสถานณ์การฉุกเฉิน
ซึ่งในส่วนนี้ทางโรงเรียนก็ต้องออกมาชี้แจงยืนยันให้ได้ว่ามีการเข้าไปทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างไร ทางโรงเรียนมีการอนุญาตหรือไม่ โดยในส่วนนี้ตนจะไม่มีการช่วยใคร คนผิดก็ต้องว่าไปตามผิด สุดท้ายนี้หากมีบุคคลใดมีความต้องการ อยากจะให้หลักฐานทางคดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพิ่มเติม ก็สามารถส่งข้อมูลมาให้ทางเจ้าที่ตำรวจได้ เพื่อจะได้เป็นการเชื่อมโยงเหตุการณ์และนำมาเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด
ศิษย์เก่าอุเทนถวาย รุ่น 45 เผยว่า กรณีที่เกิดขึ้นตนมองว่าไม่ใช่การรับน้อง หากรับน้องจนถึงขั้นเสียชีวิต แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่าเกิดจากเด็กเกเรเพียงไม่กี่คนที่มันกระทำเกินกว่าเหตุ รุนแรงจนถึงขั้นต้องมีเด็กเสียชีวิต ตนในฐานะศิษย์เก่าอยากบอกว่า สถาบันอุเทนถวายเป็นสถาบันการศึกษาที่ดี เรียนแล้วมีความรู้ พวกตนที่เรียนจบกันมาก็ออกมามีวิชาประกอบอาชีพกันได้ทุกวันนี้ซึ่งตนเชื่อว่าเด็กปัจจุบันที่เรียนอุเทนถวายดีก็มีเยอะ แต่เด็กเกเรก็มี ซึ่งเด็กปัจจุบันไม่เหมือนกับยุคสมัยที่ตนเคยเรียน อย่างของตนถูกสั่งสอนมาเพื่อให้สู้ชีวิต ให้สามารถช่วยเหลือตัวเองได้
ซึ่งในส่วนนี้ตนก็มีมุมมองคำถามที่อยากจะถามผู้บริหารในสถาบันอุเทนถวายว่าละเลยให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นได้อย่างไร สามารถให้เด็กเข้ามาทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในโรงเรียนในยามวิการได้อย่างไร ครั้งนี้ก็ถือว่าไม่ได้เป็นครั้งแรก ตนอยากจะตั้งคำถามว่าผู้บริหารภายในอุเทนถวาย ไม่รู้ไม่เห็นกันเลยได้อย่างไร นอกจากนี้ เท่าที่ทราบมากล้องวงจรปิดของอุเทนถวายในปัจจุบันมีเกือบ 100 ตัว เชื่อว่ากล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้ตลอดเวลา จะไม่มีใครเห็นเลยหรือ
โดยกรณีที่เกิดขึ้นตนยืนยันว่า เป็นเหตุการณ์ที่สร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับสถาบันอยู่แล้วแน่นอน แต่ตนในฐานะศิษย์เก่า ก็ไม่สามารถตอบคำถามได้ว่า ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น เป็นการละเลยของผู้บริหารด้วยเจตนาหรือไม่ ทั้งนี้ ตนอยากอธิบายให้กับคนในสังคมเข้าใจว่า ศิษย์เก่าที่จบจากสถาบันอุเทนถวายส่วนใหญ่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และก็ไม่มีใครอยากจะให้เกิดขึ้น
ทั้งนี้ ทางมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลภาคตะวันออก เขตพื้นที่อุเทนถวาย ได้มีประกาศเรื่องแนวปฏิบัติเพื่อการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ลงวันที่ 17 พ.ค. 64
ข้อ 2 ด้านนักศึกษาห้ามมีให้นักศึกษาเข้ามาภายในเขตพื้นที่อุเทนถวาย โดยเด็ดขาด ซึ่งคณะกรรมการการสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิดของนักศึกษาทั้ง 12 ราย ตามระเบียบของคณะวิศวกรรมศาสตร์ และสถาปัตยกรรมศาสตร์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลภาคตะวันออกว่าด้วยการปฏิบัติตนของนักศึกษาพ.ศ. 2662 ลักษณะความผิดร้ายแรงในข้อ 8.4 จะถูกสั่งให้ออกหรือคัดชื่อออกตามข้อแปด 4.14 กระทำความผิดอื่นใด ซึ่งคณะพิจารณาว่าเป็นความผิดร้ายแรง