คลินิกโร่กราบเท้าแม่เหยื่อช็อกดับหลังผ่าท้อง ยื่น 7 แสนช่วยแต่ถูกปฏิเสธ ญาติยันเอาผิด (คลิป)

จากกรณี นางสาวศิริกุล ราศรีทรัพย์ อายุ 34 ปี ประกอบอาชีพค้าขายโทรศัพท์และทองรูปพรรณออนไลน์ ซื้อคอร์สผ่าตัดศัลยกรรมหน้าท้องที่คลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ แล้วเกิดอาการช็อกคาเตียง ถูกนำส่งโรงพยาบาล หมอยื้อชีวิตไว้ได้ 14 วัน และเสียชีวิตในเวลาต่อมา

ล่าสุด วันที่ 10 มิ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่วัดบ้านอ่าง ต.อ่างคีรี อ.มะขาม จ.จันทบุรี เป็นสถานที่จัดพิธีศพของนางสาวศิริกุล ราศรีทรัพย์ หรือ โบ๊ท ผู้เสียหาย มีญาติ ๆ เดินทางมาร่วมแสดงความไว้อาลัย บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

นายพีรพงษ์ สิงห์สุขสวัสดิ์ อายุ 44 ปี น้าของผู้ตาย เปิดเผยว่า น้องโบ๊ทไปซื้อคอร์สผ่าตัดศัลยกรรมหน้าท้องจากโฆษณาทางเฟซบุ๊ก ของคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่งที่กรุงเทพฯ ในราคาโปรโมชั่น 69,999 บาท รวมค่าอาหารและที่พัก 3 วัน 2 คืนที่คลินิก โดยนัดเข้ารับการผ่าตัดวันที่ 26 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา และเตรียมใบตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลเอกชนที่จันทบุรีไปด้วย

โดยนที่ 26 พ.ค. 64 เวลา 09.30 น. เดินทางถึงคลินิก เวลา 10.00 น. เข้าห้องผ่าตัด เวลา 13.30 น. ผ่าตัดเสร็จ แต่ยังไม่ฟื้นเพราะฤทธิ์ยาสลบ เวลา 15.00 น. ญาติเข้ามาดูอาการ น้องโบ๊ทยังพูดคุยได้ตามปกติ ถ่ายรูปเซลฟี่ส่งมาให้แม่ดูที่บ้านด้วย แต่หลังจากนั้นน้องโบ๊ทเริ่มปวดแผล เจ้าหน้าที่จึงเข้ามาฉีดยาให้ทางสายน้ำเกลือ หลังจากฉีดยาได้ 15 นาที เริ่มหายใจไม่ออก หมดสติ เจ้าหน้าที่นำเครื่องวัดชีพจรมาตรวจ พบว่าหัวใจเต้นอ่อนจึงรีบโทรแจ้งวิสัญญีแพทย์มาดูอาการและรีบปฐมพยาบาลเบื้องต้น

จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวเข้าไป CPR ในห้องผ่าตัด แต่อาการน้องไม่ดีขึ้น ผ่านไป 40 นาที มีรถพยาบาลเข้ามานำตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลใกล้เคียง ด้วยอาการไม่รู้สึกตัว มีภาวะน้ำท่วมปอด จากนั้นแพทย์ที่ผ่าตัดติดต่อมารับตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพระปิ่นเกล้า โดยรักษาอยู่นาน 14 วัน อาการไม่ดีขึ้น ระหว่างการรักษาต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ

ต่อมาวันที่ 8 มิ.ย. 64 เวลา 19.30 น. น้องโบ๊ทเสียชีวิต แพทย์ลงความเห็นว่าสมองตาย ขาดอากาศหายใจเกิน 5 นาที ซึ่งทางญาติส่งศพไปชันสูตรที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ต้องรอผลอย่างละเอียด 60 วัน วันที่ 9 มิ.ย. 64 ญาติเดินทางไปรับศพจากโรงพยาบาลพระปิ่นเกล้า กลับมาบำเพ็ญกุศลที่ จ.จันทบุรี ญาติพร้อมกับทนายความเดินทางไปแจ้งความไว้ที่ สน.เตาปูน

โดยคลินิกส่งพวงหรีดมาส่งที่งานศพก่อน และยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการชดเชยเยียวยาค่าเสียหาย ตนอยากให้ทางคลินิกแสดงความรับผิดชอบ เพราะน้องโบ๊ทเป็นเสาหลัก ต้องดูแลทั้งแม่ ยาย และลูกสาววัย 10 ขวบ ซึ่งตอนนี้ร้องไห้หาแม่ตลอดเวลา

เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าของคลินิกและทีมงาน 4 คน ได้เดินทางมาที่วัดบ้านอ่าง เพื่อขอขมาศพนางสาวศิริกุล ราศรีทรัพย์ หรือน้องโบ๊ท อายุ 34 ปี ผู้เสียชีวิต เจ้าของคลินิกได้ก้มลงกราบเท้าแม่น้องโบ๊ท พร้อมกล่าวคำขอโทษ ก่อนที่จะเข้าไปจุดธูปกราบขอขมาศพ มีการรับปากกับทางครอบครัวว่าจะรับผิดชอบ เจ้าของคลินิกได้เตรียมเช็คเงินสดใส่ซองสีขาว 7 แสนบาท เพื่อเตรียมมอบให้คุณแม่ แต่ทางคุณแม่และครอบครัวยังไม่พร้อมรับ ทั้งหมดจึงเดินทางกลับ ใช้เวลาพูดคุยกันประมาณ 15 นาที

เจ้าของคลินิก บอกว่า ตนเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สาเหตุยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์ ส่วนรายละเอียดต่าง ๆ ตนเองยังไม่ได้มีการพูดคุยกับแพทย์ที่ผ่าตัด เนฐานะเจ้าของคลินิกก็ได้เดินทางมาแสดงความเสียใจ เตรียมเช็คเงินสดเพื่อมอบให้แม่ผู้เสียชีวิตเป็นการช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน แต่ยังไม่พร้อมรับ ตนก็เคารพการตัดสินใจ หลังจากนี้คงมีการเจรกันกัน ยืนยันว่าทางคลินิกจะรับผิดชอบอย่างเต็มที่ ตนเองขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว และดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตด้วย

นางไพเราะ เวชอุดม อายุ 54 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต บอกว่า ที่ผ่านมาลูกสาวเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัว เป็นผู้ดูแลแม่ ดูแลยาย และดูแลลูกสาววัย 10 ขวบ ดังนั้นลูกสาวจึงถือเป็นเสาหลักของบ้าน การสูญเสียในครั้งนี้คงยากที่จะทำใจ สำหรับน้องโบ๊ทเป็นคนรักสวยรักงาม มักจะบอกกับแม่เสมอว่าการทำศัลยกรรมหน้าท้องคือความฝัน เพราะขาอยากมีหน้าท้องที่สวยงาม ก่อนผ่าตัดส่วนตัวก็ยอมรับว่าเป็นห่วง แต่ก็ไม่ขัด เพราะถือเป็นความฝันของลูก คิดว่าคงไม่เป็นอันตราย

จนญาติโทรมาแจ้งว่าลูกสาวมีอาการช็อคหลังผ่าตัด ตนตกใจมาก ระหว่างที่รักษาตัว 14 วันก็ทุกข์ทรมาน เป็นห่วงลูก จนกระทั่งลูกมาเสียชีวิต หัวอกแม่แหลกสลาย ใครจะคิดว่าการทำศัลยกรรมจะถึงขั้นเสียชีวิต หากทราบล่วงหน้าว่าลูกไปแล้วจะกลับมาในสภาพนี้ ก็คงห้ามลูกไม่ให้ไปทำ

"ส่วนทางด้านคลินิก แม่บอกตรง ๆ ว่าโกรธมาก ซึ่งวันนี้ตอนเขามาขอขมาศพ และก้มกราเท้าแม่ เขาบอกแม่ว่าขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาจะไม่หนีไปไหน แต่แม่ก็ยังตอบไม่ได้ว่าจะอโหสิกรรมให้หรือไม่ เพราะตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ ดังนั้นจึงอยากให้เขารับผิดชอบครอบครัวให้ถึงที่สุด" แม่ผู้เสียชีวิต กล่าว

ทีมข่าวได้รับภาพและคลิปวิดีโอของผู้เสียชีวิต ขณะออกกำลังกาย พบว่าร่างกายลักษณะแข็งแรงดีมาก

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปที่คลิกนิกเขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เป็นอาคาร 2 คูหา สูง 3 ชั้น ด้านหน้ามีศาลพระภูมิ วันนี้คลินิกปิดหน้าร้าน

นายเดียว (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ช่างแอร์ที่เคยติดตั้งแอร์ให้กับคลิกนิก เปิดเผยว่า ตนเองเคยเข้าไปติดตั้งและซ่อมแอร์ให้กับคลิกนิกดังกล่าวด้วย คลินิกแห่งนี้เปิดมาได้ประมาณ 6 เดือน

ตั้งแต่ช่วงปีใหม่ ตนเองก็มักจะเห็นคนที่แต่งตัวดูดีเข้าออกคลินิกนี้อยู่เป็นประจำ แต่ไม่ทราบว่าเป็นเจ้าของ แพทย์ หรือ ลูกค้า เพราะประตูเหล็กหน้าร้านจะปิดอยู่ตลอด ยกเว้นวันทำบุญร้านที่จะเปิดประตูทั้งหมด และที่ผ่านมาก็ไม่ค่อยเห็นลูกค้าจะพลุกพล่าน เพราะเป็นช่วงโควิด-19 ตนเองไม่ทราบมาก่อนว่ามีผู้ที่เดินทางมาทำแล้วมีอันตรายถึงชีวิต พอทราบข่าวก็ตกใจมาก

นางสาวนุ้ย (นามสมมติ) ชาวบ้านใกล้เคียงคลิกนิก เปิดเผยว่า คลิกนิกดังกล่าวเปิดมาได้ไม่นานมาก ตนเองไม่ทราบมาก่อนว่าคลินิกดังกล่าวมีคนเข้ามาทำแล้วเสียชีวิต พอทราบก็ตกใจเช่นกัน แต่เท่าที่ทราบก็เห็นว่าคลิกนิกดูมีความน่าเชื่อถือ เพราะมีแพทย์ แต่ถามว่ามีใบอนุญาตหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ ที่ผ่านมาตนเองเคยเห็นรถพยาบาลเข้ามาที่คลิกนิกแห่งนี้ แต่ไม่ได้มีการเปิดไฟฉุกเฉินแต่อย่างใด โดยเข้ามาจอดที่หน้าร้านอยู่ประมาณ 30 นาทีก่อนจะออกไป ตนเองไม่เห็นผู้ป่วยที่นำเข้ารถแต่อย่างใด เพียงสังเกตว่าเจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาจะสวมใส่ชุด PPE ทั้งหมด คิดว่าอาจจะมีผู้ป่วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะอันตรายถึงเสียชีวิต

โดยตนเองจะเห็นลูกค้าที่เดินทางเข้ามาที่คลิกนิกอยู่บ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง ช่วงของโควิด-19 นั้น ตนเองก็เห็นว่าร้านเปิดประตูเหล็กขึ้น และปิดตลอด ไม่แน่ใจว่าอาจจะมีการแอบเปิดรับลูกค้าช่วงโควิดหรือไม่

นายแพทย์สิทธา ลิขิตนุกูล หรือ หมอกอล์ฟ เจ้าของเพจคุณหมอสตอรี่ ให้ข้อมูลว่า จากอาการดังกล่าว สันนิษฐานเบื้องต้นว่าเกิดจากการมีลิ่มเลือดไปอุดตัน โดยเฉพาะหากอุดตันที่ปอดจะทำให้หายใจลำบาก ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายไม่เพียงพอ อาจทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งธรรมชาติร่างกายของเรา หากมีการเคลื่อนไหวตลอด จะทำให้เลือดไหลเวียนดี แต่หากอยู่นิ่ง ๆ หรือนอนค้างท่าใดท่าหนึ่งนาน ๆ ก็มีโอกาสที่ลิ่มเลือดจะอุดตัน ซึ่งการผ่าตัดใหญ่หรือการผ่าตัดนาน ๆ จะทำให้ผู้ป่วยนอนนิ่งนาน ก็มีโอกาสที่ลิ่มเลือดอุดตันได้เช่นกัน โดยจะเกิดกับเพศหญิงมากกว่าเพศชาย และเกิดกับคนเอเชียเกิดมากกว่าคนยุโรป

สำหรับการเกิดลิ่มเลือดอุดตัน เกิดขึ้นได้กับคนหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มคนที่มีน้ำหนักมาก กลุ่มคนที่ทานยาคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม ที่ทานต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ กลุ่มคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงในเรื่องของพันธุกรรม ซึ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน สาเหตุที่แน่ชัดจะต้องรอผลการชันสูตรอย่างละเอียด