กรณีทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้รับแจ้งชาวบ้าน หมู่ที่ 5 บ้านหนองด่าน ต.ด่านช้าง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู แจ้งว่าที่ดินที่อยู่กลางไร่อ้อยดิน ได้ทรุดตัวเป็นหลุมขนาดใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านก็ต้องอยู่แบบหวาดผวา ไม่รู้ว่าดินจะทรุดตัวลงตอนไหน โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน ด้านล่างใต้ดินจะเป็นโพรง น้ำจะไหลแรงมาก และกัดเซาะดินบริเวณนั้นให้ทรุดตัวลงขยายเป็นวงกว้าง
ทั้งนี้ หากยังไม่มีการแก้ไขในอนาคตข้างหน้า คาดว่าเหตุการณ์ดินทรุดจะขยายเป็นวงกว้าง และทำให้พี่น้องประชาชนในเขตตำบลด่านช้าง ต้องเสียประโยชน์ในพื้นที่ทำกิน บริเวณใกล้ ๆ กันมีเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่ ดินก็ยุบเป็นหลุมกว้างเช่นกัน จึงอยากวิงวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือชาวบ้าน
ล่าสุดวันที่ 13 มิ.ย.64 ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมด้วยนายอำเภอนากลาง กำนันผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดที่มีการทรุดของดิน
สำหรับมูลค่าความเสียหายเบื้องต้น มีรายละเอียดดังต่อไปนี้
จุดที่ 1 คือ จุดที่ดินของนายหนู อัมพวา มีเนื้อที่ความเสียหายมากที่สุด ทั้งหมด 18 ไร่ ส่วนความเสียหายที่ดินยุบตัวลงไป มีความเสียหายจำนวน 2 ไร่ อ้อยไร่ละ 14 ตัน คิดเป็นเงินตันละ 900 บาท มูลค่าความเสียหายทั้งหมด 25,000 บาท แต่ถ้าที่ดินเสียหายทั้งหมด 18 ไร่ จะมีมูลค่าความเสียหายทั้งหมด 226,800 บาท
จุดที่ 2 คือ ที่ดินของนายวิรัตน์ แสนสี จุดที่ใกล้กับเสาไฟฟ้าแรงสูง มีเนื้อที่ทำกินจำนวน 14 ไร่ ส่วนความเสียหายที่เกิดการทรุดตัวของดินมีเนื้อที่ทั้งหมด 4 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าว ถ้ามีผลผลิตจะได้ข้าวจำนวน 44 กระสอบ คิดเป็นเงิน 15,400 บาท
ช่วงบ่ายที่ผ่านมา นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฏหมายการยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน ลงพื้นที่มายัง บ้านหนองด่าน ต.ด่านช้าง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู โดยนายสิระ ได้เดินไปตรวจสอบยังหลุมที่ไร่ของลุงหนู ที่มีความเสียหายมากที่สุด เป็นจุดแรก ทั้งนี้นางจันทร์เพ็ญ ลูกสาวของลุงหนู ได้นำผ้าขาวม้าสีเขียวมาผูกที่เอวของนายสิระ ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณที่ลงพื้นที่มาวันนี้
หลังจากนั้น ส.ส.สิระ และคณะ ก็เดินทางต่อไปที่หลุมที่ 2 ซึ่งเป็นไร่ที่นาของ ลุงวิรัตน์ แสนสี ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่เกิดหลุมใกล้กับเสาไฟฟ้าแรงสูงขนาดใหญ่ ขณะที่ ส.ส.สิระ กำลังสำรวจหลุมนี้ก็ได้มีการพูดคุยหารือกันกับชาวบ้าน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประเด็นหลัก ๆ นายสิระ ไม่เชื่อว่าภัยธรรมชาติจะทำให้ดินยุบเป็นหลุมขนาดใหญ่เช่นนี้
โดยวันนี้นอกเหนือจากหน่วยงานของภาครัฐ ยังมีประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท โชคอนันต์ก่อสร้าง อุดรธานี จำกัด หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า โรงโม่หินต่อยติ่ง ซึ่งมีนายมนต์ชัย พิพัฒน์วิไลกุล อายุ 46 ปี เจ้าของโรงโม่หิน ได้มาชี้แจ้งในที่หารือด้วย
ขณะที่ นายสิระ กำลังสอบถามความเดือดร้อนของชาวบ้านอยู่นั้น ได้หันมาพูดกับประธานกรรมการผู้จัดการ โรงโม่หินที่อยู่ใกล้กับจุดที่เป็นหลุมว่า โรงโม่หินเกี่ยวข้องกับการทรุดตัวของดินหรือไม่ หลังจากนั้นนายมนต์ชัย เจ้าของโรงโม่หิน ได้อธิบายต่อหน้าชาวบ้าน
นายมนต์ชัย กล่าวว่า โรงโม่หินของตนไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยุบตัวของดิน บ้านของตนก็ปลูกอยู่ใกล้กับโรงโม่หิน ก็ไม่ได้มีปัญหารอยร้าวหรือการยุบตัวแต่อย่างใด ที่ตนได้ศึกษาเอกสารทางวิชาการตั้งแต่ปี 52 พบว่ามีการสำรวจทางธรณีวิทยา การยุบของดินที่ทำให้เกิดเป็นหลุมจะเกิดขึ้นได้ในพื้นที่ดังต่อไปนี้
ลำดับที่ 1 คือ ต.ด่านช้าง อ.นากลาง
ลำดับที่ 2 คือ ต.หนองกุงแก้ว อ.ศรีบุญเรือง
ลำดับที่ 3 คือ ต.นาสีบ้านโคกดงมะไฟ อ.สุวรรณคูหา
ลำดับที่ 4 คือ ต.นาเหล่า นาแก วังทอง วังปลาป้อม เทพคีรี อ.นาวัง
โดยมีการยืนยันว่าจุดที่ดินยุบในพื้นที่ ต.ด้านช้าง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโรงโม่หิน ซึ่งหลังจากเจ้าของโรงโม่หินอธิบายเสร็จ นายสิระบอกว่าถ้าโรงโม่หินไม่เกี่ยวข้อง แล้วถนนที่รถบรรทุกของโรงโม่หินวิ่งเข้าวิ่งออกทำให้เกิดความเสียหายเกิดจากโรงโม่หินหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้น โรงโม่หินอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่
นายสิระ ให้สัมภาษณ์ว่า ข้อสรุปของการมาในครั้งนี้คือมารับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน โดยยังไม่มีความแน่ชัดจากนักวิชาการในพื้นที่ เพราะทิศทางของนักวิชาการยังไม่ตรงกัน แต่หลังจากนี้ตนจะนำนักวิชาการที่เป็นกลางมาพิสูจน์ จึงยังสรุปไม่ได้ว่าขณะนี้หลุมยุบดังกล่าวเกิดจากภัยพิบัติหรือจากฝีมือคนกันแน่