เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงาน ดร.ณัฐพงศ์ อาจารย์มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรมของดาราหนุ่มรายหนึ่ง ได้ประกาศขายบ้านที่หมู่บ้านดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ามีความจำเป็นทางด้านการเงินและกำลังจะถูกธนาคารฟ้องร้อง
ดร.ณัฐพงศ์ เล่าถึงความเป็นมาว่า ตนและภรรยาได้ขอลูกชายจากพ่อแม่ที่แท้จริงมาเป็นบุตรบุญธรรมตั้งแต่น้องเรียนอยู่ชั้น ม.3 อายุ 15 ปี และได้ส่งเสริมให้เรียนและทำกิจกรรมจนเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยจนจบปริญญาตรี ในระหว่างนี้ตนได้กู้เงินธนาคารเป็นเงินกว่า 4 ล้านบาท เพื่อส่งเสริมให้ลูกได้เข้าสู่วงการแสดง ซื้อคอนโดฯ ซื้อรถยนต์ ใช้ในการเตรียมความพร้อมสำหรับเป็นนักแสดง รวมทั้งค่าใช้จ่าย ๆ อื่น จนลูกชายประสบความสำเร็จ เป็นที่รู้จักของประชาชนทั่วไป
กระทั่งภรรยาของตนลาออกจากข้าราชครู มาเป็นผู้ดูแลลูกชายที่กรุงเทพฯ แต่หลังจากนั้นด้วยความที่ตนอยากให้ลูกตื่นตัว มีความประพฤติเรียบร้อย ไม่ออกนอกลู่นอกทาง หากมีผู้ใหญ่ติดต่อมาก็สามารถรับงานได้เลย จึงได้เข้มงวดกำชับให้ลูกปฏิบัติตาม แต่ก็ทำให้ลูกไม่พอใจเหมือนถูกบังคับ วันหนึ่งเห็นลูกตื่นมาก็เอาแต่นั่งเล่นเกม ไม่อาบน้ำ ไม่มีความกระตือรือร้น ตนจึงเข้าไปต่อว่าก็ถูกตะคอกใส่และทำร้ายร่างกาย
ในที่สุดลูกชายก็ขอตัดความสัมพันธ์ความเป็นพ่อบุญธรรม และความเป็นผู้ปกครอง จนถึงขั้นฟ้องร้องกัน และตนก็ได้หย่ากับภรรยาด้วย ซึ่งต่อมาตนได้ยื่นฟ้องทั้งภรรยาและลูกชาย ร่วมรับผิดชอบหนี้สินประมาณ 4 ล้านกว่าบาท โดยแบ่งหนี้เป็น 3 คน คือตน อดีตภรรยา และลูกชาย คนละ 1.5 ล้านบาท ที่ต้องฟ้องร้องเพราะตนแบกรับภาระหนี้สินไม่ไหว หาเงินใช้หนี้คนเดียวจนต้องถูกธนาคารฟ้อง ปัจจุบันเรื่องยังอยู่ชั้นการพิจารณาของศาล
ดร.ณัฐพงศ์ กล่าวด้วยว่า ที่ตนต้องออกมาทำเช่นนี้ ไม่มีเจตนาจะทำร้ายลูกชาย หรือมาทวงบุญคุณที่ชุบเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กจนเข้าสู่วงการแต่อย่างใด แต่อยากจะให้ลูกและภรรยามีความรับผิดชอบ อย่าทิ้งภาระให้ตนเพียงคนเดียวเช่นนี้ ตนจึงได้พึ่งศาลเพื่อขอความเป็นธรรม โดยหลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน ตนยังเก็บไว้ทั้งหมด