นุ่น รมิดา รับเคยน้อยใจ หลุยส์ ที่ไม่ปกป้องจากการโดนดูถูก

14 มิ.ย. 64

เวลาเป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าทั้งคู่เกิดมาเพื่อคู่กันจริงๆ สำหรับ นุ่น รมิดา กับ หลุยส์ สก๊อต เมื่อนุ่นได้มาเป็นแขกรับเชิญพิเศษในรายการ Club Friday Show เล่าไทม์ไลน์รักตั้งแต่เริ่มต้นที่ได้เจอหลุยส์ พร้อมอุปสรรคที่ต้องฝ่าฟัน แต่เพราะด้วยใจที่มั่นคงและอดทนต่อทุกคอมเมนต์ที่บอกว่าไม่เหมาะสม ไม่คู่ควรหลุยส์ เป็นสิ่งที่กระตุ้นทำให้ตัวเองพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองคือคนที่คู่ควรจริงๆ

s__72663403

ถาม เจอกันยังไงเอ่ยระหว่าง นุ่น กับ หลุยส์

นุ่น รมิดา : คือจริงๆ นุ่นกับหลุยส์อยู่ในบริษัทเดียวกันค่ะ เราเป็นเด็กใหม่ที่ต้องออกงานตลอด หลุยส์เขาหายจากวงการไปนานพอสมควรค่ะ แล้วเราก็ไปออกงานด้วยกัน มาเจอกันครั้งแรกตรงหน้าบริษัท เพราะเราต้องไปทำงานด้วยกัน เราก็แบบหลุยส์ สก๊อตเหรออะไรอย่างนี้ เพราะว่าเราไม่ได้เห็นเขานานมากแล้ว


ถาม สารภาพตรงๆ ก่อน เราเคยเป็นแฟนคลับเขาไหม

นุ่น รมิดา : เราคลั่งไคล้แรพเตอร์มากค่ะ แต่ไม่ใช่หลุยส์ เฉยๆ ค่ะ แต่เราชอบจอนนี่มาก ขนาดที่เรานอนกอดรูปจอนนี่นอนหลับไปเลย เพราะหนูมองว่าหลุยส์เป็นแบบลิงน้อย จอนนี่หล่อมากตอนนั้น ผมแดงๆ จมูกคม หล่อ แต่ตอนที่ได้มาเจอหลุยส์ตอนนั้น นุ่นไม่กล้าคุยกับเขา ด้วยภาษา แล้วเป็นเด็กใหม่ด้วยที่เพิ่งเข้าวงการ ความไม่มั่นใจของเราด้วย เขาเป็นฝรั่งเขามา ฮัลโหล!! อะไรอย่างนี้ เราคือหันหน้าหลบเลย ไม่ใช่ไม่อยากคุยนะคะ ใจหนึ่งคือโตขึ้นแล้วเนอะ


ถาม แต่มันกลับทำให้หลุยส์รู้สึกว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างหยิ่ง

นุ่น รมิดา : ใช่ค่ะ เพราะด้วยรูปหน้าด้วย ถ้านุ่นไม่ได้พูดก็จะดูตึงๆ หน่อย ดูเหวี่ยงๆ แล้วด้วยความที่ไม่เป็นมิตรกับเขา เขาจะมีความรู้สึกไม่เข้าใจตลอดว่าทำไม นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่เขารู้สึกติดใจกับเราว่าหยิ่งเหรอ ทำไมไม่ทักทาย ไม่ตอบโต้บ้าง อะไรอย่างนี้ ครั้งแรกเจอกัน (ถาม เขาตามจีบไหม) นุ่น ว่ามันไม่ได้มีอารมณ์ที่จะจีบ เพราะเราไม่ได้ประสานตากันเลย นุ่นไม่ได้มองหลุยส์เลย อยากมองเขานะคะ เพราะเขาเป็นคนที่เราชื่นชอบ แต่ว่าด้วยความที่เหมือนทำงานด้วย ด้วยความที่เราเป็นเป็นเด็กใหม่ ไม่มั่นใจด้วย ความเจียมตัวของเรา นุ่นเลยไม่รู้ว่าเราปิ๊งเขา หรือเขาปิ๊งเรา นุ่นพูดตรงๆ วันแรกคือไม่ได้มีความรู้สึกว่าชอบเลย เฉยๆ มากเลยค่ะ และหลังจากวันนั้น ครั้งแรกเลยจริงๆ เขาให้ AR ที่ดูแลศิลปินทุกคน พี่คนนี้เราก็สนิท โทรมาหาหนู สักพักบอกว่ามีน้องพี่จะคุยด้วย เราก็ถามว่าใคร หลุยส์ๆ เราก็เลยถามว่าเขาไปไหนกัน เขาบอกว่าพาหลุยส์ไปถ่ายละครต่างจังหวัด เราก็โอเค นุ่นก็คุยโทรศัพท์กับเขา คุยกันปกติเหมือนเพื่อนที่คุยกัน แล้วหลุยส์ก็พูดมาคำหนึ่งว่าถ้าหลังจากวันนี้ ฉันโทรมาหาคุณเองได้ไหม?? หนูก็บอกว่าได้สิ โทรมาได้เลย แต่ความหมายของนุ่นไม่ได้หมายความว่าถ้าอยากจีบโทรมานะ แต่ตอนนั้นคือเรารู้สึกว่าถ้าอยากคุย อยากเป็นเพื่อนกันก็โทรมาได้ไม่มีปัญหา ก็ยังไม่ได้คิดว่าเขาจีบ เพราะเขาก็หายไปเลย แต่พอวางโทรศัพท์ไป 1-2 วัน ก็เริ่มมาคิดว่าหรือว่าเขาจีบเราหรือเปล่า แต่ก็พยายามคิดว่าไม่ใช่หรอก เขาเหรอจะมาเลือกเรา แต่หลังจากนั้น 4-5 วัน ก็มีเบอร์ขึ้นมา เราก็รับสาย ขาก็บอกว่า หลุยส์เองนะเราก็แบบว่ามาแล้วในใจตอนนั้น คือดีดนิ้วเลยค่ะ (หัวเราะ) อยากให้เห็นหน้ามากเลยค่ะ แบบ Yes อะไรอย่างนี้

นุ่น รมิดา : มีวันหนึ่งจริงๆ เหมือนเขาพร้อม เขาก็ชวนเราไปเที่ยว เขาก็บอกว่าเพื่อนฉันเพิ่งกลับมาจากอเมริกา เราก็แบบเหรอๆ เขาก็บอกว่าไปเสม็ดไหม เราก็บอกว่าได้นะ อยากไป เพราะไม่ได้ไปนาน แล้วเราก็ชวนผู้จัดการของเราไปด้วย ก็ไปกัน 4 คน แต่จริงๆแล้วมีครั้งหนึ่งด้วยซ้ำไป หลุยส์ชวนไปดูภาพยนตร์ ก็โอเค คืออันแรกเลยที่เราตื่นเต้นมากแบบนี่มันจริงหรือเปล่า แต่สรุปสุดท้ายเขาไม่มา แล้วเขาไม่โทรด้วย ตอนนั้นเราก็โกรธนะคะ เพราะมีความรู้สึกว่าทำไม แค่โทรมาบอกไม่ได้ใช่ไหมว่ามาไม่ได้ ถ้าสมมติว่านี่คือเดตแรกที่จะได้ไปดูภาพยนตร์ด้วยกัน แต่หลังจากวันนั้นเขาโทรหานะคะ เราก็บอกเขาว่าคุณลืมนัดเราไหมที่จะไปดูหนังด้วยกัน เขาบอกว่าใช่ฉันลืม (หัวเราะ) เขาลืม เหตุผลที่นุ่นกับหลุยส์อยู่กันได้ยาวนานขนาดนี้ เป็นเพราะไม่ได้คาดหวัง ไม่ได้ผูกมัด ไม่ได้เสียใจในสิ่งที่เขานัดแล้วไม่มาอะไรอย่างนี้ค่ะ เราแฮปปี้กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า แล้วที่จะพาไปเสม็ด เอาแบบตรงๆ ตอนนัดนุ่นก็ไม่ได้คิดว่ามันจะเกิดขึ้นอีกเหมือนกัน เพราะนุ่นมีความรู้สึกว่าไม่รู้ว่าหลุยส์เขาคิดอะไร บอกตรงๆ เราก็รับปาก แต่ก็เตรียมเสื้อผ้าแล้วนะคะ(หัวเราะ) ไม่ได้รอหรอก แต่เตรียมเสื้อผ้าแล้ว นัดพี่มาแล้ว มานั่งรอด้วยกัน ดูเวลาแล้ว ถึงเวลานัด เขาก็ยังไม่มา เราก็มองหน้ากับพี่ น่าจะเหมือนเดิม แต่สุดท้ายหลุยส์ก็โทรมา เพิ่งเลี้ยงปิดกล้องละครเสร็จ กำลังจะมารับแล้วนะ ตอนนี้รับเพื่อนเรียบร้อย เราคือดีใจร้อนรนเลย จะมาแล้วเหรอ มาแล้วจริงๆ เหรอ นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ได้เจอหน้าเขา เพราะไม่เคยเจอเลย ต้องแอ๊บนิดนึงว่าแบบเฮ้ย.. สวัสดีอะไรอย่างนี้ แต่ในใจคือหัวใจเราระเบิดออกมาเลย เริ่มชอบแล้ว ชอบผู้ชายผมยาว เริ่มสังเกตในตัวเขามากขึ้น เริ่มรู้สึก น่าจะชอบ จะ crazy แล้วเนี่ย ช่วงที่คุยกัน 6 เดือน ย้อนกลับไปนิดนะคะ บางวันที่เขาโทรมาหา บางวันเขาก็จะเล่าเรื่องเขาให้เราฟัง อย่างเช่น เรากำลังจะกลับบ้านไปหาแม่ ข้อหนึ่งที่เราชอบผู้ชายคนนี้คือเขาเป็นคนที่รักครอบครัวมาก รักคุณแม่มาก ก็เริ่มมาดูรูปลักษณ์หน้าตาของเขา แล้วค่อยๆ หลงเสน่ห์เขาไปเรื่อยๆ รู้สึกเลยแววตามันมีประกาย มองทุกส่วนในร่างของเขา พยายามจะมองทุกส่วนใบหน้าของเขาจิ๊กๆ อย่างนี้ เราก็แบบบอกตัวเองสงสัยจะชอบแล้วแหละ แต่ว่าอีกฝั่งหนึ่งเราไม่รู้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่สุดท้ายมันก็จะมีเรื่องที่ทำให้ความรู้สึกของหลุยส์ชัดเจนกับนุ่น เพราะเพื่อนของเขามาบอกว่าจีบเราได้ไหม หลุยส์เขาก็เหมือนมีความรู้สึกว่า ก็ด้วยความที่เรากับเขามันไม่ได้มีอะไรคุยกัน หลุยส์ก็บอกเพื่อนว่าก็ลองถามนุ่นสิว่าเขารู้สึกอย่างไร แต่เราก็มองเห็นว่าปฏิกิริยาของเขาเริ่มเปลี่ยนไป เขาเริ่มจะเหมือนแบบจะจับตาเราเยอะขึ้น คนที่ทำคะแนนกับเรา ก็ทำจังเลย คุยกับเรา เล่นกับเราจนบางเราก็แบบคิดว่าเรามาแบบในฐานะอะไรกับหลุยส์เนี่ย เราจะยังไง เพื่อนคุณเล่นกับเราเยอะมาก เขาก็เหมือนนิ่งๆ เราก็คิดว่าหรือว่า หลุยส์ ไม่ได้ชอบเราจริงๆ แล้วมีคืนหนึ่งก่อนกลับ เราก็ไปทานข้าวกันค่ะ เขาก็ขอเราคุยด้วย เขาก็เล่าให้เราฟังว่าเพื่อนเขาอยากจีบเรา เราโอเคไหม อันนั้นเป็นครั้งแรกที่หนูถามเขา แล้วเขาละ แล้วเขาก็บอกเราว่าเรามีสิทธิ์เลือกนะ เราก็เลยบอกเขาไปว่า เราไม่ได้ชอบเพื่อนคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ซึ่งเราก็บอกเขาว่าด้วยความที่เราเป็นคนที่อัธยาศัยดี เราก็แค่คุยเป็นเพื่อน เขาก็เข้าใจ แต่เขาก็ไม่ได้แสดงออกกับเพื่อนของเขาว่าเขาเป็นเจ้าของเรานะ หลังจากกลับมาจากเสม็ดค่ะ ทุกครั้งที่มาเจอกันสามคน เพื่อนเขาก็ยังจะทำคะแนนกับเรา แต่บางครั้งเราก็เล่นกับเขาเหมือนกัน แต่ไม่ได้เล่นแบบทางชู้สาวนะคะ เล่นปกติ หลุยส์ก็จะนิ่งๆ ใส่เราไม่ค่อยพอใจ แต่เขาไม่พูดว่าอะไร เพราะช่วงนั้นเราก็งงๆ กับความสัมพันธ์เหมือนกันว่าอย่างไร ถ้าหวงก็พูดสิ เพราะหลังจากกลับมาจากเสม็ดความสัมพันธ์เหมือนกระโดดเลย เขาโทรมาบ่อยขึ้น

นุ่น รมิดา : จริงๆ หนูกับหลุยส์คุยกัน แต่เป็นเพื่อนกัน นักข่าวถามเราก่อนที่ไปออกงาน แล้วก็มีอีกงานหนึ่งที่หลุยส์ต้องไปออกงาน นักข่าวก็ถามว่าคุยกับนุ่นอยู่เหรอ เป็นแฟนกันหรือยัง หลุยส์เขาก็เป็นคนพูดออกมาเองว่าใช่ครับ ผมกับนุ่นคุยกัน อันนั้นคือจุดระเบิดเลยค่ะ เพราะหลังจากวันนั้น นั่นคือคำว่าแฟนจริงๆ เลยค่ะ ที่เราสามารถไปไหนด้วยกันได้ หลุยส์โทรคุยกับเรา คิดถึงมาหาได้ไหม มันมีคำนี้มาแล้วหลังจากนั้น หลังจากนักข่าวถาม เราแทบอยากจะกราบนักข่าวที่ถามเลยค่ะ (หัวเราะ) ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ ที่ทำให้หนูมีแฟนเป็นตัวเป็นตน เราแฮปปี้มาก

s__72663393

ถาม เคยถามเขาไหมว่าทำไมเขาถึงคลุมเครือ

นุ่น รมิดา : เพราะเราเป็นคนไม่ชอบถามค่ะ ลึกๆ ในใจ นุ่นคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วว่าคนอย่างหลุยส์จะมาจีบเรา เคยมีคนรู้ว่าเราคุยกันเป็นน้องผู้ชาย เคยเจอคำพูดคำหนึ่งว่า เขาจะเอาพี่เหรอ เขาพูดแบบติดตลกนะคะ แต่เรามีความรู้สึก คำนี้คือเจ็บมากเลย ทำไมพอเราฟังแล้วน้ำตาเราคลอเลย


ถาม นุ่น จะรู้สึกตลอดว่าเป็นความรักของคนตัวเล็กๆ อย่างประโยคที่น้องผู้ชายคนนั้นพูด พี่อ้อยรู้สึกว่าคำพูดของเขาไม่สำคัญเท่าเราก็รู้สึกกับตัวเองเหมือนกัน

นุ่น รมิดา : ใช่ คือนุ่นมีความรู้สึกว่าจริงๆ ไม่ใช่เรื่องของกระแสข่าวหลังจากเปิดตัวด้วยซ้ำไปนะคะ แต่ด้วยความที่เรารู้ว่าเราโตมา เป็นเด็กต่างจังหวัด โชคดีแค่ไหนแล้วที่เราเดินเข้ามาในวงการบันเทิง แล้วได้เป็นดารา นุ่นเคยพูดกับตัวเองว่าเราจะไม่มีแฟนเป็นนักแสดง เราจะไม่มีแฟนเป็นดารา เหมือนกับการอยู่อย่างเจียมตัวค่ะ คือเราเข้าวงการมาคือเรารู้ตัวว่าเราไม่ดัง มันก็เลยกลายเป็นเหมือนกดดันตัวเองนิดนึงว่าคนอย่างเขาเหรอ ที่เขาสามารถเลือกอะไรก็ได้จะมาเลือกเราเหรอ ณ ตอนนั้น

นุ่น รมิดา : บางครั้งเราโดนตัดสินจนเราอยู่กับมันได้ว่าเราไม่เห็นสวย ไม่เหมาะสม ไม่เห็นคู่ควร ทำไมหลุยส์ต้องเอาผู้หญิงคนนี้ทำไมไม่คู่กับนางเอกคนนั้นคนนี้ แต่ที่เราอยู่กับคำเหล่านี้ได้เพราะหลุยส์กลับมาบ้าน กลับมาเจอเรา เขาก็ยังเป็นหลุยส์คนเดิมที่เขาไม่ได้แคร์ใคร เพราะเรารู้กันสองคน เราไม่จำเป็นต้องแคร์คนข้างนอกเลย นุ่นไม่จำเป็นต้องแคร์คนที่คอมเมนต์นุ่นเลยด้วยซ้ำ ทำไม หลุยส์ไม่เลือกผู้หญิงคนอื่น ทำไมต้องมาเลือกผู้หญิงคนนี้ บางครั้งเราก็มาถามตัวเองว่าเรามีดีอะไรขนาดนั้นที่เขาต้องอยู่กับเรา สวยก็ไม่ได้สวย เคยถามเขานะ เขาพูดว่าผมไม่จำเป็นต้องได้ผู้หญิงที่สวยที่สุด แต่ผมคิดว่าผมอยากหาผู้หญิงที่แบบอยู่กับผมแล้วผมสบายใจ ผมสามารถคุยกับเขาได้ทุกเรื่อง ผมเป็นตัวของตัวเองได้มากที่สุด แล้วก็เป็นผู้หญิงที่อดทน ขยัน เก่ง เขาชอบเราที่เราเป็นแบบนี้


ถาม หลุยส์เคยรู้ไหมว่านุ่นเคยคิดอะไรแบบนี้ ฉันต่ำต้อยกว่าเธออะไรอย่างนี้

นุ่น รมิดา : หลุยส์เขาไม่เคยรู้เลยค่ะ เพราะเวลาเจอข่าว เราไม่เคยมานั่งร้องไห้นะคะ เวลาเราออกไปทำงานข้างนอก เราเจอข่าวเพราะเราอ่านข่าว แต่เราไม่คุยกันด้วยซ้ำว่านักข่าวเขียนถึงเรากันแบบนี้ เพราะฉะนั้นเวลานุ่นอยู่กับหลุยส์เป็นโลกของเรา เป็นชีวิตของเราจริงๆ ที่ทั้งคู่จะไปอย่างไรต่อ อยู่ด้วยกันอย่างไรต่อ


ถาม การที่เราเลือกที่จะไม่พูดคือ เราเหมือนปล่อยปัญหาไว้ไหม

นุ่น รมิดา : เรื่องที่ไม่คุย เขาไม่ได้ทำให้เราเจ็บไงคะ ตอนที่คบกัน เขาหายไป เขามีสิทธิ์เหมือนกันที่จะหายไปได้ เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่มันผ่านร่วมกันมา มันมีแต่อย่างเดียวคือถ้าหลุยส์เลือกเรา เราก็ต้องเป็นผู้หญิงที่ดีให้กับเขาเหมือนกัน ช่วยเหลือเขาซัพพอร์ตเขาในทุกๆเรื่อง แต่เราก็แค่ว่ารอให้วันนั้นมาถึงแล้วกัน วันที่เขาเลือกเราแล้วเราทนกับสิ่งแบบนี้ได้เราก็คงได้อยู่ด้วยกัน


ถาม แล้วอะไรที่ทำให้เราสามารถจะแข็งแรงพอในการรับมือกับปากของผู้คนเยอะแยะขนาดนั้น

นุ่น รมิดา : ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรา เราเป็นคนที่รู้เหตุการณ์ทุกวันๆ ของเรา แล้วเราเป็นคนที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดที่รู้ว่าวันหนึ่งที่เขาเลือกเรา มันไม่ใช่เพราะว่าเพราะเหตุผลที่เราสวยมากหรืออะไร แต่มันคือเหตุผลที่เราชอบอยู่ด้วยกัน ที่เราเลือกกัน เพราะเราผ่านอะไรด้วยกันมาตั้งเยอะ ก่อนหน้านี้เขาจะไปเมื่อไหร่ก็ได้ นุ่นคิดแบบนี้นะคะ ถึงจะเปิดตัวว่าคบกัน แต่พอได้คบกับจริงๆ อาจจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ได้ แล้วเราก็รู้สึกว่าคนที่เขาเขียน เราไม่เคยเจอเขาด้วยซ้ำ นุ่นไม่พยายามให้ค่าอะไรกับคนที่เขาไม่รู้จักเรา แล้วมาพูดกับเราแบบนี้ อาจจะเป็นเพราะว่าในวัยเด็ก นุ่นผ่านความกดดันพวกนี้มาเยอะแล้ว เวลาเราเจอคนแบบนี้ เราเลยไม่ค่อยใส่ใจค่ะ คิดว่า หลุยส์โชคดีด้วยที่เราต้านทานแรงกดดันตรงนั้นได้ แต่ถามว่าในความที่เราเป็นมนุษย์ เรามีแอบน้อยใจไหม มีแอบน้อยใจ มีแอบร้องไห้ไหม มี คือสิ่งที่นุ่นไม่ชอบที่สุดคือการมาพาดพิงถึงครอบครัวอย่างนี้ อย่างเช่น เนี่ย นุ่นเกาะหลุยส์ดัง อยากเกาะเป็นกระแสสิอะไรอย่างนี้ บางครั้งเรามีความรู้สึกพ่อแม่เราเขาก็เลี้ยงเรามาดี สอนให้เราเจียมตัวนะลูก ไปอยู่ตรงไหนต้องเจียมตัว ต้องรู้ตัวเองตลอดเวลา แล้วบางทีมันเจอคอมเมนต์ที่แบบอยากสร้างกระแส อยากเกาะหลุยส์ดังหรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้รู้สึกว่านี่ไม่ใช่เราเลย บางทีก็แอบน้อยใจเพราะหลุยส์ไม่มีแอ็กชั่นกับสิ่งพวกนี้กับเราเลย อย่างเช่น บางทีเราน้อยใจหลุยส์ว่าเขาไม่มีปกป้องเราบ้างอะไรอย่างนี้ นุ่นมองแล้วว่าดี ดีที่เขาไม่ทำ เพราะว่าถ้าเขายิ่งทำ นุ่นจะดูยิ่งแย่ไปกว่านี้อีก เพราะว่าเหมือนเขาพยายามให้นุ่นพิสูจน์ตัวเองจากตัวเอง อันนี้คือนุ่นคิดได้เองนะคะ นุ่นเป็นคนอย่างนี้ สิ่งที่นุ่นแปลกคือนุ่นมีอะไรแบบนี้ในหัวตลอดเวลา แล้วเวลาที่นุ่นคิดนุ่นจะคิดเผื่อเขาด้วย อย่างเช่น นุ่นโดนอะไรแบบนี้ ถามว่าน้อยใจหลุยส์ไหม น้อยใจ แต่ก็จะคิดเผื่อว่าก็ดีแล้วที่เขาไม่ทำแบบนี้ ไม่งั้นฉันก็จะโดนเยอะกว่านี้ ทุกคนก็จะแบบปกป้องจังเลย คนจะเกลียดนุ่นมากกว่าที่เป็นอีกอย่างนี้ค่ะ


ถาม แล้วตัวหลุยส์เขาเคยมาถามหรือตัวเขาเคยรู้สึกว่ามันกระทบกระเทือนใจ กับตัวเขาฝั่งเขาบ้างไหม

นุ่น รมิดา : นุ่นว่าที่หลุยส์ไม่คุย จริงๆ เพราะว่าเอาตรงๆ เขาฝรั่งค่ะ เขาไม่มานั่งแคร์อะไรแบบนี้ แล้วเขาไม่มานั่งอ่านอะไรแบบนี้เลยด้วยซ้ำ เขาไม่ได้มานั่งดูทีวี ดูข่าวบันเทิง สังคมของเขาคือเพื่อนที่เป็นฝรั่ง ไม่มีใครอัปเดตเรื่องของวงการบันเทิง เพราะฉะนั้นคือที่เราบอกว่าเราน้อยใจ เพราะว่าเขาที่ไม่แอ็กชั่น เพราะว่าเขาไม่รู้เรื่องเลยว่าข้างนอกคืออะไร อินสตราแกรม หลุยส์ ก็แทบไม่ได้เล่นแล้วทุกวันนี้ อย่างช่วงแรกๆ ที่เราลงรูปคู่กับเขา ก็จะโดนคอมเมนต์ต่างๆ แต่เขาก็ไม่อ่านเราเลยเข้าใจ ทำไมเขาไม่ตอบโต้เพราะเขาไม่อ่าน เขาไม่รู้ว่าข้างนอกคิดยังไงกัน แต่ลึกๆ นุ่นก็เจ็บแหละ แต่เพราะเราไม่ได้ใส่ใจมาก ทุกอย่างมันเลยผ่านไปเร็วมากค่ะ

s__72663397

ถาม ตัวนุ่นเองก็เหมือนกับตั้งใจทำงานหาบทบาทต่างๆเ พื่อที่จะทำให้ตัวเองประสบความสำเร็จมากขึ้นในวงการด้วย อันนี้ถือว่าเป็นแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งที่เป็นการกดดันตัวเองในทางบวก

นุ่น รมิดา : ณ ตอนนั้นที่คนด่าเราเยอะ เพราะหนึ่งเราไม่ใช่นางเอก แล้วบทบาทที่เราได้ก็คือบางทีก็เป็นบ่าวบ้าง เป็นเพื่อนนางเอก เราอยู่ในวงการบันเทิง แต่เราไม่สามารถพูดได้สักเรื่องเลยว่าฉันเล่นเรื่องนี้แล้วมันดัง งานของเรามันยังพิสูจน์ให้คนในวงการเห็นไม่ได้เลยว่านุ่นเล่นละครดีนะ นุ่นเล่นละครเก่งนะ อยากเอานุ่นมาทำงานเรื่องนี้ด้วยนะ ซึ่งพอเราออกมาจากสังกัดของเรา เราเหมือนตัวคนเดียวเลยค่ะ แล้วพี่คิดว่าหลุยส์ช่วยหนูได้ไหมเรื่องนี้ ก็ไม่ได้ใช่ไหมคะ แบบเราจะบอกว่า หลุยส์เอานุ่นไปเสนอพี่ฉอดให้เล่นละครหน่อยสิ หลุยส์ก็ทำไม่ได้ ถูกต้องไหมคะ นั่นคือความกดดันในชีวิตเรา ตอนที่เราแบบอยากได้ละครดีๆ สักเรื่อง เราจะได้พูดได้บ้างว่า ฉันประสบความสำเร็จแล้วนะ แต่ในระยะเวลาที่มันหาอยู่ กับข่าวที่โดนอยู่ทุกวัน บางทีมันก็รู้สึกว่ามันก็ระเบิดได้เหมือนกัน บางวันก็มีนะคะ ร้องไห้เลย ร้องไห้แบบหลุดเลยแล้ววันหนึ่งโอกาสมันมาจริงๆ อย่าง บุพเพสันนิวาส อย่างนี้ ทุกวันนี้นุ่นเป็นฟรีแลนด์ ไม่ได้เซ็นกับค่ายไหน และบทบาทที่เราได้มันอาจจะไม่ได้ดีเท่ากับเด็กช่องหรือคนที่มีชื่อมาอยู่แล้ว วันหนึ่งพอนุ่นเหมือนฟลุค ด้วยเพราะว่าแคสติงของบุพเพสันนิวาส เขาแคสกันไปหมดแล้ว มันเหลือแค่ผิน แย้ม ที่อยู่เฉยๆ ก็โทรมาบอกเราว่านุ่น พี่หน่อง โทรมาบอก นุ่นเล่น บุพเพสันนิวาสนะลูก เราก็ค่ะ จนละครออนแอร์ จนละครดัง จนผิน แย้มนี่คือแบบใครก็รักอย่างนี้ เรามีความรู้สึกว่าเหมือนได้เกิดใหม่เลยจริงๆ คุ้มเหนื่อยมากๆ เพราะจริงๆ เรื่องนี้ นุ่นกะว่าจะรับเป็นเรื่องสุดท้าย เพราะว่าเล่นมากี่เรื่องก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้น


ถาม รับเป็นเรื่องสุดท้าย ณ ตอนนั้นคิดว่าจะลาวงการเหรอ

นุ่น รมิดา : ไม่เชิงลาหรอกค่ะ แต่ว่าอยู่อย่างนี้ก็ไม่เห็นมีใครมาจ้างเล่นละคร ถ้าเราไม่รีบเฟดตัวออกไปหาอะไรที่แบบมั่นคงทำ บางทีก็เคยคิดถึงขั้นว่าถ้าไม่เวิร์คก็ต้องกลับไปอยู่ชัยภูมิเลยค่ะ กลับไปอยู่โคราช ใช้ชีวิตเหมือนเดิมดีไหม มันก็ไฟต์กันอยู่แบบนี้ค่ะ จนวันหนึ่ง บุพเพสันนิวาส ดังแล้วก็มาบวกกับเรื่องของหลุยส์ด้วย กับคำที่ว่าวันนี้จุดที่เรายืนอยู่กับเขา เราพูดได้คำเดียวว่าเราคู่ควรแล้ว จากอะไรหลายๆ อย่างที่เราผ่านมา หนูพูดเลยว่าเราคิดว่าหลุยส์เลือกคนถูกและเราก็รู้ว่าเราเลือกคนถูก เพราะฉะนั้นตรงจุดที่ฉันยืนอยู่ ฉันคู่ควรไม่ว่าใครจะพูดอะไรกับฉัน ฉันคู่ควร ถ้าไม่งั้นฉันจะไม่อยู่มาได้ถึงขนาดนี้


ถาม จริงๆ เราแค่อยากจะภาคภูมิใจในการยืนข้างๆ เขา เพราะที่ผ่านมาขนาดคุยวันนี้ยังรู้สึกเสมอว่า นุ่นเองยังรู้สึกว่าเราเป็นคนที่ยืนด้อยอยู่ข้างๆ เขาจนกระทั่งวันที่นี่คนจำฉันได้ ฉันมีตัวตนในวงการบันเทิง

นุ่น รมิดา : ใช่ค่ะ เรื่องที่ผ่านมาทำให้เรารู้สึกว่าเราเป็นอากาศ เราเป็นเหมือนคนที่ไม่มีใครสนใจ เอาง่ายๆ อย่างเมื่อก่อน นุ่นไปไหนใครๆ ก็จะทักว่านุ่นแฟนหลุยส์ๆ แต่กลายเป็นว่าเดี๋ยวนี้คือนุ่น รมิดาไง นุ่น บุพเพสันนิวาส แต่เราไม่ได้อยากบอกว่าเราเป็นดารานะ แต่พอเราเจอแบบนี้ เนี่ยคุ้นหน้าจังเลย ใครนะเดี๋ยว ใครนะ เออ..แฟนหลุยส์ใช่ไหม เราแบบถอนหายใจเลย แบบมองบนอีกแล้วเหรออะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ ที่คนบอกว่าเราเป็นแฟนหลุยส์ แต่มันมีความรู้สึกว่าแล้วฉันล่ะ ฉันคือใคร ??


ถาม ในความสำเร็จของเราในบุพเพสันนิวาส หลุยส์เขารู้สึกอย่างไรบ้าง เคยคุยกันไหม

นุ่น รมิดา : เขาภูมิใจในตัวเรามากเลยค่ะ เขารู้สึกว่าสิ่งที่เราเจอคืออะไร แต่เขาไม่พูด เขารู้แหละว่าเราเจ็บที่ผ่านมา แต่เขาเห็นว่าเราอดทนและพยายามกัดฟันและผ่านมาได้ แต่เขาก็มีโอ๋บ้าง เขาก็บอกว่าเดี๋ยวคุณก็ผ่านได้แหละ คุณอย่าไปสนใจมาก คุณก็รู้ว่าทุกวันนี้เราอยู่ด้วยกัน เราไม่ได้อยู่กับคนอื่น เราก็รู้สึกว่าโอเค คนข้างๆ เราเข้าใจเรา เราก็แฮปปี้กับมันแล้ว กับอีกส่วนก็คือแบบหลุยส์เขาจะแมนมาก เขาจะแบบไม่พูดอะไรเยอะค่ะ ฉันรู้ว่าคุณไหว คุณเก่ง แล้วเขาก็เหมือนซัพพอร์ตเราค่ะ ดูแลเราเวลาออกไปไหนไปห้างด้วยกันคนเริ่มแบบเฮ้ย พี่แย้มๆ เขาก็เดินแล้วไม่พูด แต่เขาอมยิ้มเหมือนเป็นวันของคุณแล้วอะไรอย่างนี้

s__72663395

ดูคลิปย้อนหลังรายการ Club Friday Show ได้ทางยูทูป

https://youtu.be/PxbF17ZQAeE
https://youtu.be/1kndM9uJ4zE
https://youtu.be/8u1FClcqvAU
https://youtu.be/K7xE-aMtL-U
https://youtu.be/j3BusYOzt20
https://youtu.be/1qstb3aMwQs

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม