จากกรณีเมื่อวานนี้ เวลา 13.00 น. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิราลัย รอง ผบก.ป., ร่วมกันแถลงผล "ปฏิบัติการบุกทลายเข้าช่วยเหลือบุคคลถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่"
จับกุมผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าวได้ 4 คน ประกอบด้วย นายอรรถพนธ์ หรือ เอก เดชะ อายุ 33 ปี, นายนายอภิสิทธิ์ หรือ เจ นิคม อายุ 26 ปี, นายสุทธิรักษ์ หรือ บ่าว บริรักษ์ อายุ 25 ปี และนายสิทธิพงษ์ หรือ บอย บุญสง อายุ 26 ปี
พร้อมของกลางปืนพกสั้น ขนาด .38 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนขนาดต่าง ๆ 80 นัด โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง กุญแจมือสเตนเลส 3 คู่ โซ่ล่ามยาว 2 เส้น และยาเสพติดไอซ์ และกัญชาอีกจำนวนหนึ่ง
สืบเนื่องจากที่เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 64 มี น.ส.จินดา เจนจริยานนท์ อายุ 48 ปี มาร้องเรียนกับ กก.6.บก.ป. เพื่อขอความช่วยเหลือ หลัง นายจาฎพันธุ์ เจนจริยานนท์ อายุ 24 ปี ลูกชาย และนายรุสดี ปูเต๊ะ เพื่อนสนิทของลูกชาย ถูกชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งใช้กำลังบังคับพาตัวขึ้นรถยนต์ออกไปจากรีสอร์ตแห่งหนึ่งในจังหวัดพัทลุง
ต่อมากลุ่มคนร้ายได้โทรศัพท์ติดต่อกลับมาหา น.ส.จินดา ข่มขู่เรียกเงินค่าไถ่เป็นเงิน 2 ล้านบาท แลกกับการปล่อยตัวลูกชาย โดยส่งภาพถ่ายของนายจาฎพันธุ์ และนายรุสดี สภาพไม่สวมเสื้อ มือและเท้าถูกล่ามโซ่ตรวนขังอยู่ภายในห้อง เจ้าหน้าที่จึงวางแผนให้ น.ส.จินดา ยื้อเวลาต่อรอง ขอจ่ายเงินก่อน 50,000 บาท ส่วนที่เหลือจะนำที่ดินไปขายแล้วนำเงินไปให้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.6.บก.ป. จึงนำกำลังลงพื้นที่เร่งสืบหาเบาะแสจนทราบว่า กลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุคดีนี้ พร้อมกับสืบทราบว่า หลังก่อเหตุกลุ่มผู้ต้องหาได้พานายจาฎพันธุ์ และนายรุสดี สองผู้เสียหายมากักขังอยู่ในบ้านเช่า ม.5 ต.ทำนบ อ.สิงหนคร จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงวางแผนช่วยเหลือตัวประกันได้อย่างปลอดภัย
จากข้อมูลการสืบสวนพบว่านายอรรถพันธ์ กับพวก มีพฤติกรรมรับจ้างทวงหนี้นอกระบบ และจับคนมาเรียกค่าไถ่ ในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่านายอรรถพันธ์ฯ เคยรับราชการตำรวจอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ถูกไล่ออกจากราชการเมื่อปี 2558 นอกจากนี้ยังถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ (ลูกระเบิด) ถูกศาลจังหวัดสตูล พิพากษาลงโทษจำคุกเป็นเวลา 5 ปี เพิ่งพ้นโทษมาเมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 และยังคงมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด นอกจากนี้จากการตรวจสอบประวัติยังพบอีกว่า นายอรรถพันธ์ฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสตูล ในความผิดฐาน “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย” อีกด้วย
โดยแม่ของผู้เสียหายเข้าขอบคุณตำรวจพร้อมกราบ ร่ำไห้กอดลูกชายที่ตำรวจสามารถช่วยเหลืออกมาได้อย่างปลอดภัย
ล่าสุด วันที่ 16 มิ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปยังบ้านของนายจาฎพันธุ์ ผู้เสียหาย บ้านตากแดด ต.ควนมะพร้าว อ.เมือง จ.พัทลุง นายวิชัย อินจัน อายุ 80 ปี พ่อของผู้เสียหาย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่ขึ้นตนไม่ทราบเรื่องเลยด้วยซ้ำว่าลูกชายของตนพร้อมกับเพื่อนสนิทของลูกชายถูกไปกระทำไถ่เงิน แต่เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ลูกชายของตนได้หายไปจริง ตนไม่ได้เอะใจเพราะปกติลูกชายไม่ค่อยจะอยู่ติดกับบ้าน ทราบเรื่องคือวันที่ 7 มิ.ย. เนื่องจากอดีตภรรยาของตนได้เดินทางมาจาก อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช มาเล่าเรื่องให้ตนทราบ ยอมรับว่าตกใจมาก คนเป็นพ่อไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับลูกชายตัวเอง
ซึ่งขณะนั้น อดีตภรรยาของตนก็ได้เดินเรื่องไปแจ้งความทุกอย่าง เพราะตนด้วยอายุมากและแก่ชราได้แต่นั่งคอยฟังข่าว ต่อมาข่าวได้ออกมาว่าสามารถจับตัวผู้ต้องหาที่ก่อเหตุกับลูกชายได้แล้ว ตอนนั้นยอมรับว่ารู้สึกโล่งใจมาก ปกติบ้านหลังนี้ ตนจะอยู่กับลูกชายแค่เพียง 2 คนเท่านั้น ทางลูกชายไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง ซึ่งจากที่ทางผู้ต้องหาอ้างว่าลูกชายค้างเงินค่ายาเสพติด ส่วนตัวก็ไม่ทราบเรื่องเช่นกัน
แต่เมื่อช่วงเดือนที่ผ่านมาจะมีรถแปลกหน้ามาจอดอยู่ที่หน้าบ้านตนบ่อยมาก ทั้งรถยนต์ รถเก๋ง บางครั้งจอดรถแล้ว เดินลงมาที่หน้าบ้าน ถามหาลูกชายจากตนว่า "จัตเตอร์อยู่บ้านไหม ไปไหน กลับมาตอนไหน" ตนก็ต้องตอบกลับไปทุกครั้งว่าไม่ทราบ
นายวิชัยพาผู้สื่อข่าว ไปที่บริเวณข้างบ้านเพราะหลังจากเมื่อวานนี้ทางเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้ครบแล้ว ก็มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นที่บ้านอีก เมื่อคืนนี้ช่วงเวลาเที่ยงคืน ระหว่างที่ตนกำลังนอนหลับอยู่ในห้องนอน มีชาย 2 คน เดินมาที่บริเวณหลังบ้าน โดยคนหน้าถือปืน อีกคนเดินตามหลัง ตนแอบมองอยู่ที่ช่องหน้าต่างที่เป็นร่องแตก จึงสามารถเห็นคนเดิน พร้อมกับแสงไฟที่หน้าถนนที่ส่องมาที่หลังบ้านด้วย ยอมรับว่ายิ่งหวาดกลัวเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ตอนนี้จะรีบปิดประตูเข้าให้ไวขึ้นกว่าเดิม ตนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชาย 2 คนที่มาเดินถืออยู่ข้างบ้านตนจะกลับมาเอาชีวิตลูกชายหรือคนในบ้านที่อาศัยอยู่ และหลังจากที่เรื่องจบทางคดีไปเมื่อวานนี้ ตนก็ยังไม่ได้ติดต่อกับลูกชาย ซึ่งน่าจะกลับไปอยู่ที่บ้านอดีตภรรยา
นอกจากนี้ นายจาฎพันธุ์ และนายรุสดี เปิดเผยว่า สำหรับเรื่องที่เกิดเหตุ พวกตนถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่และจตับมัด พร้อมข่มขู่ มีการเรียกเงิน 2 ล้านบาท ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามาช่วยเหลือ ออกมาได้อย่างปลอดภัย