พระเสกต่อชิ่งสื่อพบพิรุธรังใกล้กุฏิ "เบิ้ม" ท้าดวลผึ้งออกปาก เสกแป้งทะลุเนื้อ (คลิป)

กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอเกี่ยวกับการแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของหลวงพ่อท่านหนึ่ง ที่อ้างว่าสามารถเสกใบมะขามออกมาเป็นตัวแตนหรือตัวต่อได้ ซึ่งหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

ล่าสุดวันที่ 20 มิ.ย.64 ทางคณะสงฆ์ ซึ่งมีทั้งเจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะตำบล พระอุปัชฌาย์ และผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้เดินทางมาพบกับหลวงพ่อฤทธิ์เดช ไม้เท้างูพญานาคนาคราช เพื่อยื่นหนังสือขอให้ทางหลวงพ่อฤทธิ์เดช รับทราบและหยุดการกระทำ โดยมีข้อความดังนี้

ตามที่หนังสือสำนักงานเจ้าคณะอำเภอศรีเทพ ลงวันที่ 20 มิ.ย.64 เรื่องขอให้หยุดพฤติกรรมการปลุกเสกในลักษณะที่ไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัย ตามที่สื่อมวลชนได้นำเสนอข่าว กรณีหลวงพ่อฤทธิเดช มีพฤติกรรมปลุกเสกใบมะขามเป็นตัวต่อ อำเภอศรีเทพพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสมแก่สมณสารูป ไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัย และไม่ใช่กิจของสงฆ์ จึงขอให้ท่าน 1.ยุติพฤติกรรมดังกล่าวและการกระทำที่ไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัยโดยเด็ดขาด 2.ยุติการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนและท้าทายหรือยั่วยุในกรณีดังกล่าวโดยเด็ดขาด

แต่ว่าการเดินทางมาครั้งนี้ไม่พบกับหลวงพ่อฤทธิ์เดชไม้เท้างูพญานาค เนื่องจากทางลูกศิษย์ให้ข้อมูลว่าได้เดินทางไปรับกิจนิมนต์ที่กรุงเทพมหานคร กว่าจะกลับมาถึงก็น่าจะเป็นช่วงค่ำ ๆ ทางคณะสงฆ์จึงต้องเดินทางหลับไปก่อน และจะนำหนังสือฉบับดังกล่าวมาให้กับทางหลวงพ่อฤทธิ์เดช เซ็นรับทราบคำสั่งอีกครั้ง

ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่มีบ้านอยู่รอบวัด หรือบริเวณใกล้เคียง ให้ข้อมูลว่าตนไม่เคยเห็นพระออกมาบิณฑบาต ชาวบ้านก็ไม่เคยเข้ามาทำบุญที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ส่วนมากที่มาคือคนต่างพื้นที่ที่จะเข้ามาทำบุญ ก็จะมีเสียงดังคล้ายกับเสียงปืน ซึ่งชาวบ้านก็ไม่มั่นใจว่าจะเป็นเสียงปืนหรือไม่ หรือถ้าใช่ก็อาจจะเป็นการลองยิงเครื่องรางของขลังหรือไม่ ขณะเดียวกันชาวบ้านบางรายได้ให้ข้อมูลว่าสัตว์ตระกูลต่อหรือแตนจะมีเหล็กในเป็นอาวุธ แต่ถ้าตัดเหล็กในทิ้ง ต่อหรือแตนก็จะไม่สามารถต่อยได้ แถมการตัดเหล็กในถ้าทำถูกวิธี ตัวต่อหรือแตนก็ยังสามารถที่จะมีชีวิตได้อีกเป็นวัน โดยที่ยังไม่ตายด้วย

จากการสอบถามพระมหาพนาดร ฐิตธรรมโม พระเลขานุการเจ้าคณะอำเภอศรีเทพ กล่าวว่า หลังจากนี้จะโทรศัพท์ไปหาพระรูปนี้ เพราะว่าวันนี้ไม่เจอท่าน ไม่ได้นัดไว้ล่วงหน้า เรื่องนี้ไม่มีความผิดร้ายแรง หากท่านเป็นพระจริงแล้วจะแสดงวิธีการแบบนี้ ก็แค่ปรับอาบัติธรรมดา ยังไม่เข้าข่าย เพราะเป็นเพียงแค่วิชาความเชื่อ เพียงแต่ว่าไม่เหมาะสมเท่านั้นเอง

โดยหากเจอพระรูปนี้ก็ต้องนำหนังสือให้ท่านเซ็นรับทราบ เพื่อให้ยุติการแสดงต่าง ๆ โดยข้อความในหนังสือระบุไว้ดังต่อไปนี้ 1.ยุติพฤติกรรมดังกล่าวและการกระทำที่ไม่ชอบด้วยพระธรรมวินัยโดยเด็ดขาด 2.ยุติการให้ข่าวต่อสื่อมวลชนและท้าทายหรือยั่วยุในกรณีดังกล่าวโดยเด็ดขาด

ส่วนพระครูวิสุทธิวาที อายุ 89 ปี ที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอศรีเทพ ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ เปิดเผยว่า หลังจากมีคลิปเสกใบมะขามเป็นตัวต่อหลุดออกไปในโลกโซเชียลฯ ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกอะไร ข่าวก็คือข่าว แต่ในเรื่องนี้มันไม่ดี ไม่ควรทำอวดอุตริอย่างนี้ 

หลวงพ่อฤทธิเดช เปิดเผยว่า เรื่องเสกใบมะขามออกมาเป็นตัวแตนหรือตัวต่อนั้นเป็นเรื่องจริง ถ้าเรื่องไม่จริงหลวงพ่อจะไม่ทำเด็ดขาด หลวงพ่อท้าพิสูจน์ ถ้าเอาเหล็กในตัวต่อออกได้ หลวงพ่อให้ 1 แสนบาท

สำหรับเรื่องคาถาเสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อตัวแตนนั้น เป็นตำราของหลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า ซึ่งทางบิดาของหลวงพ่อได้รับมรดกตกทอดมา สำหรับลูกศิษย์ท่านใดที่ต้องการพิสูจน์คาถาดังกล่าว และต้องการตัวต่อไปบูชา ต้องมานุ่งขาวห่มขาวอยู่วัดไม่ต่ำกว่า 3 วัน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบารมีของแต่ละคนด้วย

จากนั้นพระฤทธิเดช ได้นำตัวต่อที่ใส่ถุงใสเอาไว้มาให้ทีมข่าวดู พบว่าเป็นต่อที่ตายแล้ว ขนาดประมาณเหรียญบาท ในถุงยังมีไม้ซึ่งอ้างว่าเป็นเถากาหลงที่เก็บมาจากในป่าวางไว้คู่กัน เพื่อให้ต่อได้เกาะในช่วงที่ยังมีชีวิต

ส่วนคาถาบูชาองค์พญาต่อคือ ตั้งนะโม 3 จบ แล้วสวดด้วยพระคาถาบูชาต่อ 9 จบ "มิเตภาหุหะติบุญฤทธิ์ อิทธิพุทธนิมิตตัง ธิสะวานะตัง อิตินะมามีมา มหาลาภา"

จากการสอบถามน.ส.ศศิธร พันธุเกตุ อายุ 42 ปี คนช่วยดูแลสุนัขและแมวภายในสำนักสงฆ์พุทธนิมิตตัง เปิดเผยว่า ส่วนตัวเคยเห็นกับตาตนเองมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งหากช่วงไหนท่านจะเสกตัวต่อท่านจะบอกแม่ชีให้ไปหาใบมะขาม ซึ่งแม่ชีจะรู้ และไปเด็ดใบมะขามมาให้ แล้วหลวงพ่อก็จะเคี้ยว พอตัวต่อจะเกิดก็จะใช้ถุงไปใส่ใกล้ปาก และตัวต่อก็จะบินออกมา โดยเป็นตัวต่อเป็น ๆ มีชีวิต

การเสกตัวต่อนั้นไม่ได้มีตลอดจะเกิดเป็นช่วงเวลา หากใครอยากบูชาต้องรอช่วงเวลานั้น ๆ ซึ่งส่วนตัวก็เชื่อเพราะตัวต่อก็ออกมาจากปากจริง โดยระหว่างทำพิธีก็ไม่นาน ซึ่งหลวงพ่อท่านจะอยู่ในกุฏิเพียงลำพัง แล้วเวลาตัวต่อจะเกิดก็จะเปิดหน้าต่างออกมา แล้วบอกแม่ชีให้เด็ดใบมะขามมาให้ ส่วนในวันนี้หลวงพ่อไม่อยู่ เพราะติดกิจนิมนต์ไม่ทราบว่าไปที่ไหน หรือจะกลับมาเมื่อไร

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังสำนักสงฆ์พุทธนิมิตตังเทพนิมิตร ตั้งอยู่หมู่ 3 ต.คลองกระจัง อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ภายในวัดปิดตัวเงียบ กุฏิพระฤทธิเดชถูกล็อกไม่มีใครอยู่ ในระหว่างที่ทีมข่าวลงพื้นที่ก็มีประชาชนขับรถเข้ามาถามว่าพระฤทธิเดชอยู่หรือไม่

ทีมข่าวสอบถามนางสาวแก้ว (นามสมมติ) ลูกศิษย์พระฤทธิเดช กล่าวว่า ตนเคยบวชชีพราหมณ์กับพระฤทธิเดช เมื่อนานมาแล้วประมาณ 3 เดือน โดยพระฤทธิเดช อบรมสั่งสอนตนดี ทำให้ตนจิตใจสงบมากขึ้น เมื่อวานที่ผ่านมาสำนักพุทธเดินทางมาพบกับพระฤทธิเดชแล้ว ซึ่งก็มีการพูดจาตกลงถึงข้อควรปฏิบัติ แต่ตนไม่ทราบรายละเอียดอื่น ๆ แต่วันนี้พระฤทธิเดชเดินทางไปกิจนิมต์ที่ กทม. โดยเดินทางด้วยรถตู้ไปกับแม่ชี ลูกชายแม่ชี และลูกสะใภ้แม่ชี ซึ่งไหว้วานให้ตนมาช่วยให้อาหารสุนัขในวัด จำนวน 9 ตัว และไม่ทราบว่าจะกลัววัดมาเมื่อไร

สำหรับเรื่องคาถาเสกใบมะขามให้เป็นตัวต่อตัวแตนนั้น ตนได้เห็นกับตาว่า พระฤทธิเดชสามารถเสกต่อออกมาจากปาก จากการเคี้ยวใบมะขาม ซึ่งเกิดจากการนั่งสมาธิให้จิตนิ่ง ก่อนต่อจะออกมาพระฤทธิเดชจะรู้สึกแน่นหน้าอก ฉันข้าวไม่ได้ทั้งวัน และจะบอกให้แม่ชีให้ไปเก็บใบมะขามในวัดมาให้ จากนั้นพระฤทธิเดชจะนำไปเคี้ยวในปาก สักพักต่อจะออกมาจากปาก ซึ่งตนเชื่อว่านี่คือต่อตัวจริง ๆ มีชีวิต เพราะยังมีเหล็กในอยู่

ส่วนตัวเชื่อสนิทว่าพระฤทธิเดช สามารถเสกต่อออกมาได้จริง ๆ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าจะเกิดช่วงไหน ถ้าจะเกิดท่านก็จะบอกให้แม่ชีไปเก็บใบมะขามเอง ส่วนคนที่จะไม่เชื่อ ตนก็มองว่าเป็นสิทธิ์ส่วนบุคคล แต่ยืนยันได้ว่าพระฤทธิเดชไม่เคยไปโฆษณาหลอกลวงใคร วัดสร้างมาประมาณ 10 กว่าปี รายได้ส่วนใหญ่มาจากการที่ลูกศิษย์ทำบุญผ้าป่า กฐินประจำปี ส่วนของขลังหรือวัตถุมงคลตนไม่ทราบว่าที่วัดมีรายได้เท่าไรบ้าง เพราะตนก็ไม่มีวัตถุมงคลจากพระฤทธิเดช แค่เชื่อและศรัทธา

ขณะเดียวกันทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับน.ส.วิไลลักษณะ แซ่เอี้ยว 44 ปี ประชาชนที่ติดตามข่าว กล่าวว่า ตนเดินทางมาจากกระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ซึ่งตนดูข่าวเมื่อช่วงเช้าว่ามีการเสกพญาต่อออกมาจากปากจากการเคี้ยวใบมะขาม ตนยืนยันว่าไม่ได้รู้จักมาก่อน และเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก ตนเชื่อว่าพระฤทธิเดช อาจจะมีวิชาจริง ๆ ก็ได้ จึงอยากมาสัมผัสให้เห็นด้วยตาของตนเอง แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่มีใครอยู่วัด ถ้าพระฤทธิเดชสามารถเสกใบมะขามเป็นต่อเงินต่อทองได้จริง ๆ ตนพร้อมจะบูชาวัตถุมงคล และจะลงนะหน้าทองเพื่อความเป็นสิริมงคล

จากนั้นทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับนายขวัญ (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งอยู่ติดกับทางเข้าวัด เปิดเผยว่า ตนนับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่มีความเชื่อและความศรัทธาในตัวพระฤทธิเดช ส่วนใหญ่เข้าวัดทำบุญที่วัดใหญ่ประจำหมู่บ้าน โดยสำนักสงฆ์ของพระฤทธิเดช ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปี ซึ่งตนได้มาซื้อที่ดินบริเวณหน้าวัดจากไฟแนนซ์ ที่มีการประกาศขายที่ดินเมื่อ 5 ปีที่แล้ว บนพื้นที่ 2 งาน ราคา 400,000 บาท

ในช่วงแรก ๆ ที่มาเข้าอยู่ มีบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาขอทางเข้า ซึ่งพระฤทธิเดช ก็อ้างว่านี่เป็นที่ดินของลูกชายที่ซื้อไว้ ตนจึงยืนยันว่าตนซื้อถูกต้องกับไฟแนนซ์แล้ว แต่เกิดปัญหาว่าสำนักสงฆ์ไม่มีทางเข้า เพื่อเป็นกุศลต่อผู้มาปฏิบัติธรรมและทำบุญ ตนจึงยอมให้พื้นที่ในทางพฤตินัย แต่พื้นที่ 1.2 ตร.ม. ตนยังคงเป็นเจ้าของเหมือนเดิม

จากนั้นไม่นานพระฤทธิเดช จะก่อสร้างป้ายสำนักสงฆ์แบบปูนที่บริเวณทางเข้า ตนจึงสงสัยว่าทำไมถึงจะทำโดยภาระการไม่ขออนุญาตตนก่อน แต่พระฤทธิเดช บอกกับตนว่าถ้ามีปัญหากับพระฤทธิเดช จะอยู่ด้วยกันยาก ตนรู้สึกว่าเหมือนถูกท้าทาย จึงตอบกลับไปว่า "ถ้าท่านแน่จริง ให้กระโดดเหาะลอยฟ้าขึ้นไปเหยียบบนเสาไฟฟ้าให้ดูหน่อย ถ้าไม่ถูกไฟฟ้าช็อต จะกราบในความอภินิหารนี้เลย" หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้พูดคุยกับพระฤทธิเดชอีกเลย 

จากนั้นทีมข่าวเข้าไปพูดคุยกับนายประจวบ นาคเทียน อายุ 52 ปี กำนัน อ.ศรีเทพ บอกว่า พระฤทธิเดชเคยบวชเป็นพระอยู่ที่วัดสันติธรรม เป็นคนที่สุขุม สงบเสงี่ยม ช่วงนั้นก็มีการให้โชคให้ลาภเป็นตัวเลข กระทั่งออกมาตั้งสำนักสงฆ์ในพื้นที่ที่ลูกสาวของพระฤทธิเดชซื้อไว้ ซึ่งสำนักสงฆ์ตรงนี้เปิดมา 15 ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ทำเป็นดูดวง สะเดาะเคราะห์ แต่ก็ไม่โด่งดัง

รายได้ที่เข้าสำนักสงฆ์ ก็มาจากการทำบุญกฐิน และผ้าป่าจากลูกศิษย์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกพื้นที่ ชาวบ้านในพื้นที่เองจะเข้าวัดทำบุญที่วัดประจำหมู่บ้าน ซึ่งเป็นวัดที่อยู่ในความดูแลของสำนักพุทธมานานแล้ว ส่วนเรื่องเสกต่อออกจากปากได้นั้น ตนไม่ทราบจริง ๆ ว่าท่านสามารถทำได้หรือไม่ เพราะนาน ๆ จะเข้าไปหากมีงานสำคัญ ซึ่งตนก็เพิ่งเห็นจากในข่าว ตนก็อยากสัมผัสด้วยตาของตัวเอง ถ้าทำได้จริงก็จะบูชา ถือเป็นของมงคล และเป็นสีสันให้กับพื้นที่ แต่ถ้าไม่สามารถทำได้จริง แล้วเป็นการแสดง ก็ถือว่าเป็นการหลอกลวงประชาชน ทางด้านสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ก็ได้เข้าไปเตือนแล้วว่าให้งดการะกระทำดังกล่าว เพราะเป็นสิ่งที่ผิดวินัยสงฆ์ไม่ควรทำ

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพบกันนายกฤษกร แซ่เหล้า หรือ เบิ้ม ลูกโป่ง นักมายากล ทีมข่าวได้ชวนนั่งพูดคุยประมาณ 5 นาที ก่อนที่จะเริ่มบันทึกการถ่ายทำ โดยขณะนั้นสังเกตว่า เบิ้ม ลูกโป่ง ไม่ได้ลุกจากที่นั่งไปไหน ทีมข่าวได้ยื่นกิ่งมะขามให้พร้อมกับโชว์ถุงพลาสติกใส 1 ถุง ซึ่งทีมข่าวเป็นคนจัดเตรียมมาเอง ให้เบิ้ม ลูกโป่งกินหรือเคี้ยวใบมะขาม พร้อมกับเสกแมลงออกมาจากปาก

แต่ก่อนที่จะเริ่มการเสกหรือคาย ทีมข่าวได้ขอให้เบิ้ม ลูกโป่ง อ้าปากเพื่อพิสูจน์ว่าภายในปากไม่ได้ซ่อนตัวอะไรเอาไว้ จากนั้นเบิ้ม ลูกโป่ง ได้เด็ดใบมะขาม 1 ใบ คล้ายกับที่ปรากฏในคลิปของหลวงพ่อคนดังกล่าว และสังเกตอาการของเบิ้ม ลูกโป่ง มีลักษณะคล้ายพะอืดพะอม หลับตา และไม่นานก็ได้ขอถุงพลาสติกใสที่ทีมข่าวเตรียมมา เพื่อคายผึ้งลงไปในถุง 1 ตัว

เบิ้ม ลูกโป่ง เปิดเผยว่า เป็นวิธีของมายากลอย่างหนึ่ง เรียกว่าล้อเรียนวิชาโบราณ ดังนั้นมายากลก็ควบคู่กับความเชื่อ หลักของการเสกของพวกนี้มีมานานนับพันปีแล้ว แต่หลักฐานสมัยพระนารายณ์ไม่สามารถจดบันทึกเอาไว้ได้ เพราะหลักพวกนี้มักจะถูกสอนในความเชื่อและสืบทอดกันมาว่าผู้วิเศษสามารถพ่นแมลงได้ โดยแมลงเหล่านี้จะถูกพ่นออกมาเพื่อนำไปสู้กับศัตรู แต่การที่ตนแสดงให้ดูในวันนี้ ก็คือหลักของมายากล เพียงแค่ไม่สามารถที่จะไปหาตัวต่อ หรือแตนได้ทันเวลา ฉะนั้นจึงต้องใช้ผึ้งแสดงให้ดูแทน และผึ้งก็เป็นเพียงแค่ผึ้งโพรง ไม่ใช่ผึ้งหลวง

แต่ถามว่าหลักการ ทั้งการซ่อนผึ้งเอาไว้ในปาก หรือการเสกอย่างไรให้ผึ้งออกมาจากปาก ตนไม่สามารถที่จะเปิดเผยได้ ไม่ใช่ว่าเพราะมีความลับอะไร แต่กลัวว่าจะตกไปเป็นเครื่องมือของกลุ่มมิจฉาชีพ เพราะหากหลักมายากลเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในกลุ่มที่ผิด ก็จะกลายเป็นการทำเพื่อผลประโยชน์บางอย่าง แล้วทำให้ผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก ฉะนั้นจึงเรียกว่าเป็นวิธีการทางเทคนิคของหลักมายากล ที่ซ่อนผึ้งอย่างไรไม่ให้ใครเห็น และไม่ให้ต่อยคนที่แสดง

ส่วนตัวในฐานะผู้ที่ศรัทธาในตัวของหลวงปู่ ยอมรับว่าได้ศึกษาตำราและวิธีการเสกใบมะขามให้เป็นผึ้งของหลวงปู่ แต่การเสพของหลวงปู่ ไม่ได้ใช้ใบมะขาม แต่จะเป็นต้นใบรู้นอนที่หลวงปู่จะใช้ในการเสกผึ้ง สำหรับวิธีการก็คือจะกำใบรู้นอนหรือใบมะขามเอาไว้ในมือ จากนั้นก็จะสวดมนต์ท่องคาถา พร้อมทั้งเป่าใบที่กำเอาไว้ในมือออกไป ให้กลายเป็นผึ้งหรือตัวต่อ หรือไม่ก็หว่านลงไปบนพื้น ใบมะขามก็จะกลายเป็นตัวผึ้งหรือตัวต่อ บินขึ้นเพื่อไปต่อสู้กับศัตรู

ฉะนั้นวิธีการของหลวงปู่จึงไม่มีวิธีกินใบมะขามเพื่อเสกให้ออกมาจากปากอย่างแน่นอน และวิธีการของหลวงปู่ที่ถูกถ่ายเป็นคลิปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ตนก็ไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะเป็นเรื่องของมายากลหรือความเชื่อ แต่สิ่งที่ตนแสดงให้ดูวันนี้ก็น่าจะประจักษ์ให้เห็นแล้วว่าสามารถทำได้ด้วยหลักของมายากล

หลังจากการให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวได้ให้เบิ้ม ลูกโป่ง หยิบใบมะขามมากำไว้ในมือ จากนั้นให้มีการเสกผึ้งออกมาโดยไม่มีการกินใบมะขาม หลังจากที่เบิ้ม ลูกโป่ง รับคำท้าของทีมข่าว ก็ได้รูดใบมะขามใส่มือ มีลักษณะสวดท่องคาถาบางอย่าง จากนั้นให้ทีมข่าวแบมือรับตัวผึ้ง โดยมีผึ้งหล่นลงมาในมือของทีมข่าวจำนวน 2 ตัว ลักษณะของผึ้งคือยังมีชีวิต ไม่ได้เป็นเพิ่งตายใส่อย่างใด

แต่ก่อนที่ทีมข่าวจะเดินทางกลับออกมาจากบ้านของ เบิ้ม ลูกโป่ง เจ้าตัวได้เผยกลวิธี หรือมายากลอีกแบบหนึ่ง ที่เป็นคนล้อเลียนวิชาโบราณ ชื่อว่า “ณ ปัดตลอด” เบิ้ม บอกกับทีมข่าวว่า หลังจากกระแสเสร็จเพิ่งออกมาจากปากได้แล้วอีกไม่นานจะมีกระแส เสกแป้ง ย้ายแป้ง เกิดขึ้น วันนี้ตนจึงนำมาแสดงให้ดู ไม่ต้องรอให้เกิดขึ้น แต่มายากลทำได้

เบิ้ม ลูกโป่ง ได้ให้ทีมข่าวแบมือขึ้นทั้ง 2 ข้าง จากนั้นให้ทีมข่าวกำมือคว่ำลง ให้เลือกข้างที่ชอบ (ทีมข่าวเลือกซ้าย) จากนั้นเบิ้ม ได้ให้ทีมข่าวแบมือขวาขึ้น และใช้แป้งแต้มไปที่กลางผ่ามือ 1 จุด จากนั้นให้กับมือและคว่ำลง แล้วให้นำมือไปซ้อนทับกัน พร้อมกับท่องคาถาบางอย่าง แล้วให้ทีมข่าวแบมือฝั่งซ้ายขึ้น ก็พบว่ามีจุดสีขาวคล้ายกับจุดเดิมที่อยู่ฝั่งขวา ปรากฏอยู่ที่กลางมือ

นอกจากนี้ เบิ้ม ลูกโป่ง ยังได้ให้ทีมข่าวกำมือซ้ายเอาไปแนบไว้ที่หน้าอก พร้อมทั้งใช้แป้งจิ้ม 1 จุดที่หลังมือที่กำเอาไว้บนอก ท่องคาถาบางอย่างและบอกกับทีมข่าวว่าให้ถอดเสื้อ พร้อมกับหันหลังให้กับกล้อง พร้อมกับพูดว่าแป้งที่จิ้ม 1 จุดหลังมือข้างหน้า ทะลุไปอยู่ข้างหลังทีมข่าวแล้ว