จากเหตุการณ์ในจังหวัดชลบุรี เกิดขึ้นที่ร้านขายของชำ หมู่ 8 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี พบ 2 แม่ลูกนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงภายในห้องนอน ทราบชื่อนางม่วย นางทองคำ พรหมเมือง อายุ 76 ปี เป็นมารดา และรายที่ 2 คือน.ส.ปทิตตา เศรษฐเตชกุล หรือหนู อายุ 47 ปี เป็นลูกสาว
ข้างเตียงมีถ้วยอาหาร น้ำดื่มและขวดน้ำพลาสติกอีก 1 ขวด โดยภายในขวดมีน้ำสีขุ่น วางนอนอยู่อีก 1 ขวด ตรวจสอบไม่พบร่องรอยการต่อสู้รื้อค้นแต่อย่างใด นอกจากนี้ พบจดหมายลาตายถูกเขียนตัดพ้อเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินสอดไว้กับกรมธรรม์ประกันชีวิต มีข้อความว่า
"ฝากดูแลแม่ด้วยนะ หนูคงต้องลาทุกคนแล้วจริงๆ เมื่อชีวิตมันถึงทางตัน เงิน งาน ทุกอย่างจบแล้วไม่มีเงิน ไม่มีงาน ชีวิตอยู่ไปอย่างไร้ค่า หนี้สินมากมาย ไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนให้เขา สู้มานานแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ต่อไปนี้หนูขอพัก หนูจะหลับไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกแล้ว งานศพหนูไม่ต้องเผาก็ได้นะ เปลืองเงินเปล่าๆ ให้ลุง…เผาได้เลย"
ลุงน้อย ทองอินทร์ อายุ 70 ปี เจ้าของโรงน้ำ ฝั่งตรงข้ามของผู้เสียชีวิต น้องชายของ นางทองคำ พรหมเมือง เปิดใจว่า ตนไม่สามารถตอบได้ว่าสาเหตุการตายของทั้งคู่เกิดจากการกินยาฆ่าตัวตายตามที่เจ้าหน้าที่สันนิษฐานหรือไม่ และไม่รู้ด้วยว่าตายกันตั้งแต่ช่วงเวลาไหน เพราะอยู่กันคนละบ้าน แต่เท่าที่ตนรู้คือ น.ส.ปทิตตา เป็นบุคคลล้มละลาย เนื่องจากก่อนหน้าที่จะมีสถานการณ์โควิด-19 เขามีการลงทุนซื้อตึกด้วยเงินผ่อนจากธนาคาร เพื่อนำไปเปิดร้านขายข้าว แต่ด้วยความที่เศรษฐกิจไม่ดี ไม่มีลูกค้า รายได้ก็ไม่เพียงพอกับการผ่อนตึก ธนาคารจึงยึดคืน จนต้องไปเช่าห้องแถวเปิดร้านขายน้ำบรรจุขวด แต่ก็ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง จนกระทั่งไปต่อไม่ได้ ต้องปิดร้านและกลับมาอยู่กับแม่ที่ร้านจุดเกิดเหตุ ตระเวนยืมเงินชาวบ้านอีกหลายรายด้วย
ทั้งนี้ เมื่อก่อนที่นางทองคำ พี่สาวของตน เป็นแม่ค้าขายของอยู่ที่ร้านเกิดเหตุ ถือว่าเป็นคนรวยคนหนึ่งในย่านนี้ แล้วประมาณ 4 ปีที่ผ่านมา ก็เกิดป่วยไม่รู้สาเหตุคาดว่าน่าจะเป็นโรคชรา เพราะมีอาการเข็ดตามข้อ ปวดแน่นหน้าอกและช่องท้อง ลุกขึ้นไปไหนไม่ค่อยได้ น.ส.ปทิตตา ล้มละลาย จึงมาคอยดูแลแม่ตลอด ไม่เคยห่างไปไหน มักจะคอยป้อนข้าวป้อนยาให้กัน
ที่สำคัญคือตนมักจะได้ยินพี่สาวบ่นว่า "อยากกินยาตาย" อยู่เรื่อย ๆ บางทีก็ตะโกนออกมาเสียงดังมาก แต่ด้วยความที่ตัวเองมองว่าเป็นเรื่องภายในครอบครัว ตนก็ช่วยได้เท่าที่ช่วย จึงมักจะเอาเงินไปให้ครั้งละ 500 บาทอยู่ตลอด จนครั้งล่าสุดที่ตนได้ยินเมื่อ 2-3 วันที่แล้วคือนางทองคำบ่นว่า "กูอยากกินยาตาย แต่อีหนูไม่ซื้อให้กูกิน"
ดังนั้นส่วนตัวจึงสันนิษฐานว่าด้วยความเครียดจากความจน ไม่มีเงินของน.ส.ปทิตตา บวกกับ นางทองคำเองก็เบื่อชีวิตที่ต้องมาเจ็บป่วย ไม่มีเงิน จึงทำให้ทั้งคู่มีการพูดคุยกันและพากันชวนกินยาฆ่าตัวตายในที่สุด เพราะหากลูกตายคนเดียว ก็จะไม่มีใครคอยดูแลแม่ต่อ และตนก็เชื่อว่านางทองคำก็ยินดีที่จะกินด้วย ไม่ได้ถูกลูกสาวบังคับ ส่วนหลักฐานที่พบบริเวณจุดเกิดเหตุนั้น ตนสันนิษฐานว่า ถ้วยอาหารและขวดน้ำ ก็คือกับข้าวและน้ำดื่มปกติ เพราะน.ส.ปทิตตามักจะนำอาหารไปให้แม่ทานตรงนั้นอยู่ตลอด แต่ขวดน้ำพลาสติก 1 ขวด ภายในบรรจุน้ำสีขุ่นนั้น ตนแอบคิดว่าน่าจะเป็นยาฆ่าตัวตายบางชนิดที่ทั้งคู่นำมาผสมกับน้ำบางอย่างแล้วเทใส่ขวดนี้หรือไม่
นางศุภานัน ทิมเที่ยง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.โป่ง เปิดเผยว่า น.ส.ปทิตตา ปกติแล้วเป็นเด็กเรียนเก่ง ขยันทำมาหากินสู้ชีวิตมาก เชื่อมั่นในตัวเองสูง ลงทุนกับธุรกิจชิ้นใหญ่ตลอด เพราะธุรกิจแรกที่เขาทำก็หมดเงินไป 6 ล้านบาท เพื่อซื้ออาคารพานิชย์และลงทุนเพื่อเปิดร้านค้าส่งข้าวสาร และในขณะเดียวกันก็ยืมเงินจากน้องสาว 2 ล้านบาท เพื่อเปิดธุรกิจรับซื้อเช็คไปด้วย แต่ด้วยความที่ทำคนเดียว ไม่มีคนช่วยดูแลก็เลยโดนหลอกบ้าง เจอเช็คเด้ง จึงทำให้ต้องขายร้านข้าวสารทิ้ง ต่อมาก็ไปเช่าร้านขายน้ำบรรจุขวด ขายส่งแถวหมู่บ้านมาบยายเลีย จ.ชลบุรี เป็นร้านใหญ่พอสมควร
ทั้งนี้ เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา น.ส.ปทิตตา เคยยืมเงินตนด้วย 5,000 บาทเพื่อเอาไปจ่ายหนี้รายวัน และเวลาเจอหน้าก็เคยบอกกับตนว่า "ผู้ใหญ่อย่าเพิ่งทวงเงินหนูนะ ธุรกิจขายน้ำหนูมันเจอโควิด ไม่รู้เมื่อมันจะฟื้น" ซึ่งตนก็บอกว่า "ไม่ทวงหรอก มีก็ค่อยคืน ไม่ซีเรียส" เจ้าตัวยังเคยบ่นกันตนว่าอยากฆ่าตัวตาย เพราะไม่ไหวกับหนี้สินที่มี ตนก็พยายามปลอบใจว่าไม่เป็นไร ล้มได้ก็ลุกได้และบอกให้เลิกคิดเรื่องฆ่าตัวตาย ตนคิดว่าเขาน่าจะเครียดเรื่องเงิน เรื่องหนี้สินจึงเลือกที่จะกินยาฆ่าตัวตาย
บวกกับจดหมายของ "น.ส.ปทิตตา" ที่เขียนว่าให้ดูแลแม่ด้วย จึงเชื่อว่าลูกน่าจะตายก่อน แล้วแม่เห็นว่าลูกตายก็เลยตรอมใจตายตาม ส่วนขวดน้ำที่ขุ่นนั้น น้องสาวของผู้ตายบอกว่าเป็นยาหอมของนางทองคำที่ชอบกินเป็นประจำอยู่แล้ว ไม่น่าจะใช่ยาฆ่าตัวตาย เพราะเท่าที่ตนได้คุยกับตำรวจ ยังหาไม่เจอว่ายาที่ใช้ฆ่าตัวตายยาชนิดไหน
โดยในเฟซบุ๊กส่วนตัวของ น.ส.ปทิตตา มีการอัปเดต เมื่อวันที่ 26 พ.ย.63 คาดว่าน่าจะเป็นวันเกิดของเจ้าตัวเองโพสต์ว่า "จะมีใครรู้บ้างมั้ยว่าเรากำลังร้องไห้" และ "ความทุกข์เข้ามาเยือนในวันเกิด จะหัวเราะหรือร้องให้ดีล่ะเรา"
ล่าสุดเมื่อวันที่ 13 ธ.ค. 63 ผู้ตายโพสต์ข้อความเชิงตัดพ้อและให้กำลังใจตัวเองว่า "ในวันที่ไม่มีใคร เราก็อยู่กับตัวเองได้ จริงมั้ยจ๊ะหนูจ๋า"