จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก "Bamee Prapavee Ht" โพสต์ข้อความติดแฮชแท็ก #กูจะเปิดมึงจะทำไม โดยตั้งแคมเปญล่ารายชื่อเชิญชวนผู้ประกอบการร้านอาหารและเครื่องดื่มทำอารยะขัดขืนการสั่งปิดร้านอาหารของ ศบค. โดยเปิดให้ลงรายชื่อผ่านทางแบบฟอร์มบนเฟซบุ๊ก นั้น
วันที่ 30 มิ.ย. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ อ.เมือง จ.นนทบุรี ไปพูดคุยกับ น.ส.ประภาวี เหมทัศน์ หรือ บะหมี่ อายุ 38 ปี ผู้โพสต์ตั้งแคมเปญ เปิดเผยว่า ตนยอมรับว่าแคมเปญที่เกิดขึ้นนั้น ตนพิมพ์ลงเฟซบุ๊กไปด้วยความโมโห เนื่องจากภาครัฐมีการสั่งล็อกดาวน์กรุงเทพฯ ปิดร้านอาหารทั้งๆที่เพิ่งจะได้กลับมาเปิดกัน
ซึ่งหลังจากกดโพสต์ตนก็นอนหลับไป แต่เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าแคมเปญดังกล่าวได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการหลายราย ซึ่งด้วยความที่ตนทำอาชีพนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่ได้เปิดร้าน และผลักดันเครื่องดื่มทางเลือกมาตลอด เป็นเบียร์คราฟไทย รวมถึงได้เห็นหลายร้านอาหารและเครื่องดื่มที่ต้องปิดตัวลงเพราะมาตรการของภาครัฐ ทำให้ตั้งแคมเปญ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ซึ่งหลังจากโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กไป 1 คืน ก็พบว่ามีผู้ประกอบการร้านอาหารกรอกแบบฟอร์มสมัครมาถึง 200 กว่าร้านจากทั่วประเทศ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นกรุงเทพและจังหวัดนนทบุรี
น.ส.ประภาวี ยอมรับว่า ในตอนแรกมีความตั้งใจว่าจะก่อม็อบของผู้ประกอบการร้านอาหาร แต่เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้รู้สึกว่าไม่เหมาะสม เพราะมีความเสี่ยงต่อการติดโรค จึงตัดสินใจว่าจะมีการรวมตัวจัดกิจกรรมที่ไม่ผิดกฎหมาย ตั้งใจแบ่งการจัดกิจกรรมเป็น 3 เฟส โดยเฟสแรกจัดแคมเปญที่ร้านอาหารและเครื่องดื่ม วันละ 10 ร้านในพื้นที่ต่าง ๆ เล่นดนตรีและพูดปราศรัยโดยที่ไม่ใช้เครื่องขยายเสียงที่สร้างความรบกวน พร้อมกับโปรโมตให้คนมาซื้อกลับบ้านโดยที่ไม่ให้นั่งในร้าน เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับร้านต่าง ๆ
สำหรับเฟสที่ 2 หากกิจกรรมในเฟสแรกไม่ประสบผลสำเร็จ ก็จะจัดกิจกรรมใต้ดิน โดยจะเปิดเพจรวบรวมรายชื่อร้านต่าง ๆ ในเขตต่าง ๆ และแอบส่งต่อกันในกลุ่ม ส่งข้อมูลร้านเป็นรายคน โดยที่ไม่เปิดเผยสาธารณะว่าร้านไหนเปิด ให้คนที่ต้องการทานอาหารไปหาร้านเอาเอง
สำหรับเฟสที่ 3 คือการสร้างม็อบของผู้ประกอบการร้านอาหาร ซึ่งตนก็ไม่อยากให้ไปถึงขั้นนั้น แต่เชื่อว่าถ้าวันนั้นมาถึงจริง ๆ อารมณ์และความรู้สึกของผู้ประกอบการและประชาชนก็คงถึงขีดสุดแล้ว และยินดีที่จะร่วมประท้วงไล่นายกรัฐมนตรี หากไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้
อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าที่ผ่านมา ร้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกรัฐละเมิดโดยการสั่งงด สั่งลด และสั่งปิดมาตลอด แต่ไม่เคยที่จะมาเจรจา และให้ความช่วยเหลือจริง ๆ ช่วยเหลือเงินแค่ไม่กี่พันบาท
ด้าน พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลช่วยเหลือกลุ่มร้านอาหารและคนงานก่อสร้างทุกอย่างแล้ว และถามกลับไปว่าจะเรียกร้องเอาอะไรอีก "รัฐบาลได้ช่วยทุกอย่างแล้ว ช่วยทั้งร้านอาหาร ช่วยทั้งคน ช่วยทั้งคนที่กรรมกรทั้งหมด แล้วก็คนทำงานทั้งหมด ผู้ป่วย รัฐบาลบอกไว้นะ ออกมาช่วยนะ รัฐบาลช่วยนะ 50% ช่วยทั้งหมด แล้วจะเอาอะไรอีก"
ด้านพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงกรณีผู้ประกอบการร้านอาหารร่วมกันผุดแคมเปญในสื่อโซเชียล เพื่อแสดงอารยะขัดขืนต่อมาตรการของ ศบค. ที่ไม่ให้นั่งรับประทานอาหารในร้านว่า รับทราบแล้ว และขอความร่วมมือ เพราะถ้าทำอย่างนั้นมีโอกาสเสี่ยงทั้งตัวผู้ประกอบการและผู้บริโภค
ทั้งนี้ คงต้องขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้ทำความเข้าใจในเรื่องนี้กับทุกคนว่า ถ้าทำอย่างนั้นจะทำให้เกิดการติดเชื้อและแพร่ระบาดมากขึ้น รวมถึงสังคมโดยรวมเดือดร้อนไปด้วย จึงต้องขอความร่วมมือและความเห็นใจ ส่วนรัฐบาลและ ศบค. จะขอดูสถานการณ์เมื่อผ่านไป 15 วัน ถ้าคลี่คลายก็จะพิจารณาผ่อนคลายให้ ขอประเมินก่อน และในวันนี้ยังเห็นว่าตัวเลขทรงตัวอยู่ ทั้งที่มีมาตรการออกมาแล้ว