จากกรณีการเสียชีวิตของ น.ส.กิ๊ง อายุ 22 ปี พร้อมเพื่อนรวม 4 คน เดินทางไปสักลายที่ตลาดคลองหลอด เขตพระนคร ต่อมาเสียชีวิตจากการติดเชื้อ โดยใบรับรองแพทย์ระบุการเสียชีวิตว่า โรคที่ทำให้เสียชีวิตมี 3 โรคคือ ช็อกจากการเสียเลือดและน้ำ เป็นได้ 14 วัน โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน เป็นได้ 14 วัน และโรคเอดส์ เป็นได้ 1 ปี นั้น
วันที่ 3 ก.ย. 61
นายสมชาย อริยะ เจ้าของร้านสักลาย กล่าวว่า มีเจ้าหน้าที่ กทม. มาตรวจเครื่องมือแล้ว ซึ่งเครื่องสักนั้น ตนก็ประดิษฐ์ขึ้นมาเอง และคิดว่าร้านของตนได้มาตรฐาน เพราะเปลี่ยนเข็มทุกครั้งที่ใช้งาน ซึ่งตนยืนยันว่าจะเปิดร้านต่อไป แม้จะถูกสั่งให้ปิดไปก่อน เพราะตนไม่มีงานทำ โดยตนไม่ได้มีใบอนุญาตใด ๆ เพราะไม่ใช่แพทย์ และไม่ได้ทำผิดกฎหมาย และไม่กลัวหากมีการจัดระเบียบ
ส่วนการสักลายนั้น ตนก็ศึกษาเองเพราะชอบ ก่อนหน้านี้เคยเป็นช่างแกะสลักไม้ และฝึกฝนมาเรื่อย ๆ โดยผู้หญิงที่เสียชีวิต ตนเห็นภาพตามข่าวแล้ว มั่นใจว่าไม่เคยมาสักที่ร้านตน และตนก็ไม่เคยเห็นหน้า ซึ่งที่ผ่านมาก็มีลูกค้าเข้ามาเรื่อย ๆ และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย
ด้าน
ผู้ที่ทำงานย่านคลองหลอด เปิดเผยว่า ไม่เคยเห็นลูกค้าร้านสักของนายสมชาย โดยเจ้าตัวจะนั่งอยู่ที่ข้างถนนทุกวัน ส่วนตัวมองว่าคนส่วนใหญ่ ทราบว่าร้านสักดังกล่าวไม่ได้มาตรฐาน จึงไม่กล้าสัก ซึ่งคนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว ส่วนใหญ่ก็เป็นคนเร่ร่อน ไม่มีงานทำ คาดว่าอาจจะเปิดร้าน เผื่อมีลูกค้าเข้า ส่วนผู้หญิงที่เสียชีวิตนั้น ตนไม่มั่นใจว่าเกี่ยวข้องกับร้านสักดังกล่าวหรือไม่ แต่เท่าที่เห็น ก็ไม่เคยมีผู้หญิงคนดังกล่าวมานั่งสักที่ร้านนี้แต่อย่างใด
นายบ่าว (นามสมมติ) พนักงานรักษาความปลอดภัย ที่น.ส.กิ๊ง เคยมาพักอยู่อาศัยอยู่ด้วย เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับผู้เสียชีวิตเมื่อ 4 ปีก่อน ยอมรับว่าเคยมีสัมพันธ์กับ น.ส.กิ๊ง เพียงครั้งเดียว จากนั้นก็ยังมีการติดต่อกันทางโซเชียลอยู่ตลอด โดยยืนยันว่าตนคิดกับ น.ส.กิ๊ง เป็นเพียงลูกสาวเท่านั้น ไม่มีมีการคบหากัน ขณะผู้ตายมาพักที่บ้านตนล่าสุด เมื่อช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้ตายเลิกกับแฟน มาบอกตนว่าไม่มีที่อยู่จึงมาขออยู่ด้วย โดยอยู่กับตนได้ราว 10 วัน ก็เริ่มมีอาการป่วย คล้ายคนเป็นไข้หวัด อาเจียน ทานอาหารได้น้อย มีอาการท้องเสีย และร่างกายซูบผอม ไม่ค่อยมีแรง ทั้งนี้ ทราบเพียงว่า น.ส.กิ๊ง ป่วยเป็นเชื้อไวรัสลงกระเพาะ
จนกระทั่ง น.ส.กิ๊ง ร่างกายเริ่มผอมมาก ในระเวลาเพียง 10 วัน น้ำหนักลด หน้าตาเปลี่ยน สีผิวก็ซีด ประกอบกับ น.ส.กิ๊ง บ่นอยากกลับบ้าน บอกว่าจะไปรักษาตัว ตนจึงให้เงิน 1,000 บาท เป็นค่ารถกลับบ้าน พร้อมไปส่ง น.ส.กิ๊ง ขึ้นรถตู้ย่านมีนบุรี
หลังทราบข่าวว่า น.ส.กิ๊งเสียชีวิต ตนก็รู้สึกตกใจมาก แต่ไม่เชื่อว่า น.ส.กิ๊ง เสียชีวิตหลังจากไปสักลายมา อีกทั้งตนยืนยันว่า ช่วงที่ น.ส.กิ๊ง มาพักอาศัยกับตน ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กัน ส่วนตัวไม่คิดไปตรวจเลือด เนื่องจากตนไม่ได้มีเพศสัมพันธ์กับผู้ตายนานแล้ว อีกทั้งตนอายุมากแล้วจึงไม่ได้กังวล