กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Isaree Karnraveewan แอดมินกลุ่ม เบเกอรี่ โซไซตี้ ที่มีผู้ติดตามเกือบ 700,000 คน ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ”โอ๊ยยยช็อกเราร้องไห้ไม่หยุดเลยเสียใจมาก ๆ คืนนี้จะนอนหลับได้ไหม เคสที่เพิ่งโพสต์ตะกี้ เรื่องคุณแม่มาขอผ่อนแท็บเล็ตเพราะลูกเรียนไม่ทันเพื่อน ทรายเพิ่งจะตกลงเค้าไปเมื่อสองทุ่มเอง เมื่อกี้เค้าทักมาว่าไม่ต้องใช้แท็บเล็ตแล้ว ลูกชาย ม.4 ผูกคอตายไปแล้วเมื่อสี่ทุ่ม น้องเครียด เรียนหนัก เรียนไม่ทัน แม่เค้ายังไม่ทันได้บอกข่าวดีกับน้องเลย ขอให้คุณแม่เข้มแข็ง อัลเลาะห์รับน้องกลับไปแล้ว ขอให้น้องสู่สุขคติ ตอนนี้ทรายใจสั่นไปหมดแล้ว หยุดร้องไห้ไม่ได้เลย มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย”
วันที่ 3 ก.ค. 64 ครูทราย ได้มีการโพสต์ถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าว ระบุว่า แม่ของเด็กน่าจะกุเรื่องขึ้น "ทรายกำลังจะเดินทางเข้าไปแจ้งความที่ สภ.ไทรน้อยนะคะ ขอบคุณทางท่าน รองโฆษกสนง.ตำรวจแห่งชาติมากๆที่ช่วยประสานงานติดตามเรื่องให้ทุกอย่างค่ะ รายละเอียดอัพเดทอีกครั้งตอนเย็นนะคะ"
นางสาวอิสรีย์ กานต์รวีวรรณ หรือ ครูทราย อายุ 40 ปี พร้อมด้วยสามี เดินทางมาที่ สภ.ไทรน้อย นำหลักฐานการพูดคุยกับนางสาวเจนจิรา ชัยรัตน์ อายุ 40 ปี มาเป็นหลักฐาน เล่าวว่า ก่อนที่นางสาวเจนจิราจะโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยได้เล่าความจริงทั้งหมดให้ครูทรายฟังว่าตนเองเข้าใจผิด จริง ๆ แล้วลูกอยากได้ iPad แต่แม่เด็กทำเรื่องขอผ่อน Tablet ยี่ห้อหนึ่งให้ มีเสียงสะอื้นตลอดเวลา บอกว่าตนเองสำนึกผิดพร้อมกับได้กล่าวขอโทษครูทราย
นางสาวอิสรีย์ กานต์รวีวรรณ หรือ ครูทราย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ เวลาประมาณ 18.38 น. แม่ของเด็กทักข้อความมาบอกว่าลูกต้องการใช้แท็บเล็ต จากนั้นคุณแม่ก็บอกว่ามีเงินเพียง 1,300 บาท จะขอผ่อนแท็บเล็ตให้ลูกชายชั้น ม.4 ตนเองก็ถามกลับไปว่า "รุ่นไหน" แม่เด็กพูดประโยคนี้มาตนเองก็ใจอ่อนแล้ว เพราะลูกของตนเองก็อยู่ชั้น ม.4 เหมือนกัน
ตนเองจึงได้ดูงบบประมาณดูความเสี่ยง ในการผ่อนจึงมีการเช็กและตัดสินใจว่าจะพอได้รุ่นไหนบ้าง เมื่อไปดูในเว็บไซต์แล้ว ก็มีแท็บเล็ต ยี่ห้อหนึ่งราคา 6,990 บาท ตนเองจึงตัดสินใจให้แม่เด็กผ่อนตนเอง 6 เดือน เดือนละ 1,300 บาท เท่ากับ 7,800 บาท ซึ่งส่วนต่างที่เหลือ จำนวน 810 บาท ตนเองก็คิดว่าจะใช้สำหรับส่งให้แม่เด็ก รวมถึงเป็นค่าดอกเบี้ยที่ตนเองต้องส่ง เมื่อตกลงกันตามนี้ แม่เด็กได้ไปทำสัญญาและถ่ายรูปแนบบัตรประชาชนมาให้ แม่เด็กทำเอง เขียนมาเอง และเขียนชื่อเล่น ตนเองไม่ถามชื่อจริงด้วยซ้ำ เพราะตนเองก็ไม่ซีเรียส
จากนั้น เวลา 19.23 น. แม่ของเด็กมีการโอนเงินมาให้ จำนวน 1,300 บาท เป็นงวดแรก ตนเองก็รับทราบ และจะขอส่งของให้ไม่เกินวันจันทร์ ตนเองก็ตั้งใจไว้ว่าจะซื้อของในวันนี้ช่วงบ่าย และส่งไปให้ เมื่อคุยเสร็จตนเองจึงโพสต์เฟซบุ๊กว่าช่วยเหลือ 2 เคส ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะที่ผ่านมาตนเองก็มักจะลงเรื่องราวว่ามีการแบ่งปันอะไรบ้างกับคนรอบข้าง เรื่องราวค่อนข้างเศร้า และเจ้าตัวยังมาปรากฏตัวคอมเมนต์ในโพสต์นี้ด้วย ตนเองยังบอกกับเจ้าตัวว่า ไม่ต้องแสดงตัวก็ได้ แต่แม่เด็กบอกว่าไม่เป็นไร
จนกระทั่ง เวลา 21.33 น. แม่ของเด็กทักตนเองมาว่า "ครูนอนหรือยัง ไม่ต้องการผ่อนแท็บเล็ตแล้ว เพราะน้องผูกคอตายแล้ว" ตนเองก็ตกใจมาก และร้องอุทานเสียงดัง และร้องไห้ จนแฟนถามว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นตนเองก็ทักไปพูดคุย ถามว่าพอจะช่วยได้ไปไหม แต่แม่เด็กบอกว่าน้องไม่มีสัญญาณชีพแล้ว ตนเองก็ได้ให้กำลังใจ ะโอนเงินคืนไปจำนวน 1,300 บาท ตนเองก็ได้บอกครูกบ ซึ่งเป็นคนรู้จักของตนเอง และแม่เด็ก เมื่อรู้เรื่องราวดังกล่าวก็เศร้าเป็นอย่างมาก ตนเองยังไม่ได้เอะใจ ซึ่งโพสต์ไปก็มีคนทักมาขอความช่วยเหลือจำนวนมาก จนกระทั่งวันนี้ตนเองก็ได้ทักไปถามว่างานศพจัดที่ไหน แม่เด็กบอกว่าสีคิ้ว ฝังศพช่วงเที่ยง แต่มีนักข่าวไปเช็กมาว่าไม่มีการผูกคอฆ่าตัวตายในพื้นที่ปากช่อง หรือสีคิ้ว จึงเริ่มเห็นว่ามีความผิดปกติ มีการช่วยเช็กและประสานตำรวจ กำลังเตรียมเอกสารไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อน เพราะคิดว่าจะเป็นเรื่องโกหก
จากนั้น ตนเองจึงทักไปถามครูกบ เพราะเป็นคนรู้จักทั้งสองฝ่ายว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งครูกบก็บอกว่าแม่เด็กสารภาพแล้วว่าลูกไม่ได้ผูกคอตาย และสรุปว่าแม่กับลูกสื่อสารกันผิดพลาด เพราะลูกอยากได้ iPad แต่แม่เด็กสั่งแท็บเล็ต เมื่อส่งรูปให้ลูกดู ลูกก็บอกว่าไม่ใช่ แล้วจะยกเลิกให้ครูทราบ แต่ไม่รู้จะบอกอย่างไร เลยบอกว่าลูกตาย
โดยนางสาวเจนจิรา เป็นลูกเพจเกี่ยวกับเบเกอรี่คนหนึ่งที่รู้จักกมา 2 ปี แต่ตนเองก็จำไม่ได้ และไม่ได้สนิทสนม ไม่เคยเจอหน้า เพราะลูกเพจเยอะ ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยช่วยเหลือคนแล้วโดนชิ่งก็มี แต่หลังจากนี้ก็ยังต้องสแกนคนตามปกติ เพราะอยากช่วยเหลือคนอื่นที่ยังยากลำบาก ตนเองก็รู้สึกดีใจที่ไม่มีการสูญเสีย และตนเองโอเคกับเรื่องนี้ ถึงพลิกล็อกแต่ก็ดี อยากให้น้องเห็นว่าแม่พยายามดูแลตัวเราเองมาก ถึงขนาดต้องทำแบบนี้ เป็นลูกก็ต้องปรับแนวคิด อย่าอยากได้ของที่เกินตัว ตนเองเชื่อว่าแม่เด็กไม่ได้ตั้งใจโกง อยากให้ปรับแนวความคิด และยังโชคดีที่มาเจอตนเอง หากเจอคนอื่น อาจจะเอาเรื่องมากกว่านี้ก็ได้ ตนเองไม่เอาความ ไม่โกรธ เพียงลงบันทึกประจำวันเท่านั้น
นางสาวพรทิพย์ รักนิ่ม หรือ ครูกบ อายุ 44 ปี เล่าว่า ส่วนตัวรู้จักผู้ปกครองเพียงผิวเผิน เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เคยมาเป็นนักเรียนคอร์สทำขนม 1 วัน แต่ยังคิดต่อพูดคุยปรึกษาปัญหาต่าง ๆ กันอยู่เรื่อย ซึ่งเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว ผู้ปกครองรายนี้ก็เคยโทรศัพท์มาเล่าระบายปัญหาด้านการเงิน แต่ไม่เคยขอหยิบยืมเงินตน
วันนี้ช่วงเวลาประมาณ 11.25 น. ตนเองได้โทรศัพท์ไปสอบถามผู้ปกครองของเด็ก ม.4 เกี่ยวกับเรื่องลูกตาย ทางผู้ปกครองเป็นคนรับสารภาพออกมาเองว่าเป็นเรื่องโกหก และไม่ได้ตั้งใจจะหลอกเอาเงินแต่อย่างใด โดยผู้ปกครองรายนี้ระบุว่า "ตัวเองเข้าใจผิดว่าสมาร์ตโฟนที่หน้าจอใหญ่ ๆ คือเรียกว่า iPad ทั้งหมด ตนเองก็ได้ไปซื้อแท็บเล็ตให้ลูก แต่ลูกไม่ต้องการ ตนได้ตกลงกับครูทรายไปแล้วแต่ไม่รู้จะยกเลิกอย่างไรเพราะกลัวว่าครูทรายจะว่าจึงกุเรื่องว่าลูกผูกคอตายขึ้นมา
น้องบอย (นามสมมติ) อายุ 15 ปี กำลังจะขึ้นชั้น ม.4 เปิดใจว่า ตนเองยอมรับว่าคนก่อเหตุคือแม่ตนเองจริง ส่วนตัวยังไม่ทราบดราม่าดังกล่าว แต่ตนเองได้คุยกับแม่เรื่อง iPad และ Tablet จริง ซึ่งตนเองบอกกับแม่ว่าตนเองกำลังจะขึ้น ม.ปลาย ตนอยากได้ iPadในการจดบันทึกการเรียน วานนี้แม่โทรมาบอกตนว่าจะซื้อ Tablet ให้ ซึ่งตนเองก็บอกแม่ว่ายังไม่เอา เนื่องจากไม่เหมือนกับ iPad เพราะมันต่างกัน จึงพูดยกเลิกกันไปก่อน ซึ่งก็พูดดี ๆ ไม่ได้ทะเลาะกัน หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นต่อตนเองไม่ทราบ
ส่วนตัวรู้จากแม่ว่า แม่เก็บเงินซื้อให้ เพราะเรื่องซื้อ iPad ตนเองคุยกับแม่มาเป็นเดือนแล้ว ตนทราบว่าแม่ไม่ค่อยมีเงิน แต่แม่ไม่เคยบอกเรื่องการไปให้บุคคลอื่นซื้อให้ก่อน เพราะแม่ยืนยันกับตนว่าพยายามเก็บเงินซื้อให้ ส่วนตัวไม่ได้เจอกับแม่มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เนื่องจากแม่ย้ายออกไปอยู่กับแฟน ตนเองขอเป็นกำลังใจให้แม่ และตนเองขอโทษที่ทำให้เป็นแบบนี้ ส่วนตัวแม่น่าจะเข้าใจผิดว่า iPad และ Tablet เหมือนกัน
ตนเองอยากบอกสังคมว่า หากยังไม่มีเงินก็ไม่อยากให้ไปลำบากคนอื่น ตนเข้าใจสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ ตอนนี้ตนยังสามารถใช้โทรศัพท์เรียนก่อนได้ เข้าใจว่ายังไม่ได้จำเป็น ตนไม่ได้เร่งรัดแม่ แต่แม่ติดต่อมาว่าจะซื้อให้ ตนเองยืนยันว่าไม่ได้มีการคิดสั้นฆ่าตัวตาย