จำได้ไหม? ยิ่งลักษณ์ ชวนย้อนดูนโยบายแจกแท็บเล็ตนักเรียน หวัง รบ.ลุงตู่ใจกว้างนำกลับมาใช้

4 ก.ค. 64

ยิ่งลักษณ์ ชวนย้อนดูประโยชน์จากนโยบาย 1 แท็บเล็ต ต่อ 1 นักเรียน เมื่อปี 2554 หวังรัฐบาลใจกว้างนำกลับมาใช้และลงทุนให้ทุกโรงเรียนสำหรับการเรียนออนไลน์

เมื่อวันที่ 4 ก.ค.64  น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้แชร์โพสของแฟนเพจ THINK คิด เพื่อ ไทย ที่กล่าวถึงการเรียนออนไลน์สมัยรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ พร้อมระบุว่า ช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวางทั่วโลกรวมถึงในบ้านเรา การปรับตัวเพื่อเรียนออนไลน์จึงมีความจำเป็นเพื่อเน้นความปลอดภัยจากการติดเชื้อและให้การเรียนการสอนของนักเรียนดำเนินไปได้โดยไม่ติดขัด แท็บเล็ตพีซีจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ไม่ใช่แค่เทคโนโลยีในการเรียนรู้ แต่ยังเป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการเรียนการสอนในปัจจุบัน โดยพัฒนาให้นักเรียนเป็นศูนย์กลาง รู้จักแสวงหาความรู้ และแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง พร้อมกับปรับบทบาทครูเป็นผู้อำนวยการสอนเท่านั้น

ป้ายวันเกิดยิ่งลักษณ์ถูกสั่งเก็บ ตุ๊กตุ๊กเผยติดไม่ทันข้ามวัน เพจ FC แจงทำให้ด้วยรัก (คลิป)

ดิฉันจึงหวังว่ารัฐบาลจะใจกว้างนำนโยบายแท็บเล็ตพีซีและการเรียนออนไลน์เข้ามาใช้ในสถานศึกษาอย่างจริงจังและลงทุนให้ทุกโรงเรียนของรัฐมีอุปกรณ์การเรียนการสอนทั้งครูผู้สอนและนักเรียนค่ะ

ทั้งนี้ แฟนเพจ THINK คิด เพื่อ ไทย ได้มีการเขียนถึงนโยบายดังกล่าวระบุว่า ในวันที่ 24 สิงหาคม 2554 นายกยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภา และมีการกล่าวถึงนโยบายที่จะสร้างพื้นฐานในการเรียนออนไลน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่โรงเรียน และการจัดทําระบบอินเทอร์เน็ตไร้สายตามมาตรฐานการให้บริการในสถานศึกษาที่กําหนดโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ภายใต้โครงการ “1 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตต่อ 1 นักเรียน (One Tablet PC per Child)” และการจัดทำ “ไซเบอร์โฮม” ที่จะส่งความรู้มายังผู้เรียนโดยระบบอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงที่บ้าน และการจัดตั้งระบบการเรียนแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ เพื่อเร่งยกระดับคุณภาพและการกระจาย โอกาสทางการศึกษาให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ มีการขยายระบบโทรทัศน์เพื่อการศึกษาให้กว้างขวาง และปรับปรุงห้องเรียนนําร่องให้ได้มาตรฐานห้องเรียนอิเล็กทรอนิกส์

ต่อมา ในปี พ.ศ. 2555 นโยบาย 1 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตต่อ 1 นักเรียน ก็ได้ถูกทำให้เกิดขึ้นจริง โดยมีการจัดสรรคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในโครงการนำร่อง และในวันที่ 7 มิถุนายน 2555 ในวันพิธีเปิดงานโครงการ "One Tablet PC Per Child" ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของโครงการเอาไว้ว่า

“...โครงการนี้ไม่ใช้เป็นโครงการที่แจกแท็บเล็ต แต่เป็นโครงการเติมเต็มภูมิปัญญา ภูมิความรู้ให้กับเด็กและเยาวชนลูกหลานของเรา ให้มีพัฒนาการนอกเหนือจากการเรียน เพราะเชื่อว่าความรู้มีมากมายรอบตัวเรา อยู่ที่ว่าเราจะไขว่คว้าได้แค่ไหน ดังนั้น โครงการแท็บเล็ตพีซี นี้จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ มุ่งที่จะพัฒนาเนื้อหาของหลักสูตรการศึกษาเพื่อพัฒนาการเจริญเติบโตทางสมองและพัฒนาการของเด็ก เยาวชน ให้มีความรู้รอบตัวในทุกๆ ด้าน จึงได้มีแท็บเล็ตพีซีนี้ขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัด และจะเป็นรู้แบบใหม่ที่เกิดขึ้นและเติบโตในอนาคต…”

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวก็ดำเนินไปได้เพียงแค่ประมาณ 2 ปีก็ต้องเป็นอันยกเลิกไปภายหลังการขึ้นมาสู่อำนาจอันไม่ชอบธรรมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาโดยในวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2557 หลังการรัฐประหาร ที่ประชุมเพื่อพิจารณาโครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน ที่มี พลเรือเอกณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ กำกับดูแลฝ่ายสังคมจิตวิทยาเป็นประธาน ได้มีมติยกเลิกโครงการ 1 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตต่อ 1 นักเรียน โดยหนึ่งในเหตุผลที่ให้คือการบอกว่า แท็บเล็ตไม่ควรที่จะถูกนำมาใช้สอนตลอดเวลา

เพียงแค่ 7 ปีภายหลังจากนั้น การแพร่ระบาดของโควิด 19 ก็พิสูจน์ให้เราได้เห็นว่า คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต กลายเป็นหนึ่งในสื่อการเรียนการสอนที่สำคัญไม่ต่างจากกระดานดำหรือดินสอ ถ้าหากโครงการ 1 คอมพิวเตอร์แท็บเล็ตต่อ 1 นักเรียน ยังคงมีอยู่จนถึงวันนี้ ภาพของนักเรียนที่ต้องตรากตรำ เสาะแสวงหาอุปกรณ์เรียนออนไลน์ก็คงจะไม่เกิดขึ้น การกระทำของ คสช. ในครั้งนั้น ทำให้การศึกษาขั้นพื้นฐานกลายเป็นสิทธิพิเศษ มีเพียงลูกหลานของครอบครัวที่มีสตางค์พอเท่านั้นที่เข้าถึงการศึกษาขั้นพื้นฐานอันควรจะเป็นของทุกคนได้

ซ้ำร้ายไปกว่านั้น การศึกษาไทยก็ยังคงต้องตกอยู่ในความมืดหม่นเพราะพลเรือเอกณรงค์รัฐมนตรีผู้มีวิสัยทัศน์อันมืดบอด ก็ได้เป็นรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการต่ออีก 1 ปี และมีผลงานสำคัญคือการผลักดันให้นักเรียนไทยท่องจำค่านิยม 12 ประการเป็นนกแก้วนกขุนทอง

นักเรียนประถมศึกษาปีที่ 1 ในปี พ.ศ. 2555 คือนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 4 ในวันนี้ ถ้าหากรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์ยังคงอยู่ การเรียนออนไลน์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 อาจจะไม่ได้ย่ำแย่อย่างที่เป็นในปัจจุบัน นักเรียนและครูคงจะคุ้นชินกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และการเรียนออนไลน์ ไม่จำเป็นที่จะต้องปรับตัวมากเท่าใดนัก 

เอ็นดู! หนูน้อย ป.3 เมืองคอน หิ้วหนังสือ–แท็บเล็ต เรียนออนไลน์ ตามที่ต่างๆ
หนุ่ม นศ. สู้ชีวิต ทำงานเก็บเงินซื้อ ไอแพดมือสอง ไว้เรียนออนไลน์ ถูกหลอก ส่งโมเด็มพังๆ มาให้

 
 
 
 
 
 
 

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม