ธงชาติคลุมร่าง "พอส" ฮีโร่โรงงานโฟม แม่เผยฝันส่งพี่เรียนจบ เพื่อนช็อกอาสาลุยกองเพลิง (คลิป)

จากเหตุการณ์ โรงงานกิ่งแก้ว ระเบิดและไฟไหม้ ตรวจสอบเป็นบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ในพื้นที่ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกว่า 20 ราย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ฉีดน้ำสกัดเพลิงยีงถูกไฟคลอกทั้งตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 ราย และเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ทราบชื่อผู้เสียชีวิต นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ พอส อายุ 19 ปี เจ้าหน้าที่กู้ภัย ฐานสมเด็จเจ้าพระยา ธน 28-78

ล่าสุดวันที่ 6 ก.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี รายงานบรรยากาศขบวนรถกู้ภัยและมูลนิธิต่าง ๆ กว่า 20 คัน นำร่างของ นายกรสิทธิ์ ลาวพันธ์ หรือ น้องพอส ออกจาก รพ.รามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ มาถึงวัดทุ่งครุ แขวงและเขตทุ่งครุ กรุงเทพฯ ตั้งแต่เวลา 15.00 น. โดยร่างของน้องพอสถูกคลุมด้วยธงชาติไทย ตั้งบำเพ็ญกุศลที่ศาลา 5 วัดทุ่งครุ เริ่มพิธีรดน้ำศพในเวลา 16.00 น. ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทานน้ำหลวงอาบศพให้กับน้องพอส

ขณะที่บรรยากาศ มีเพื่อน ๆ อาสา เเละกู้ภัย พร้อมทั้งเพื่อนคนสนิท เเละครอบครัว มาร่วมเเสดงความไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก จากนั้นครอบครัวและหัวหน้าหน่วยกู้ภัยที่น้องพอสสังกัดอยู่ ตั้งโต๊ะแถลงข่าว โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการปฏิบัติหน้าที่วันเกิดเหตุและการเปิดบัญชีรับบริจาค

นายพงศพัศ กตคุณวิสิทธิ์ หัวหน้าทีมอาสากู้ภัย ธน 28 ระบุว่า การบริจาคช่วยเหลือน้องพอส มีเพียง 2 บัญชีเท่านั้น คือ บัญชีชื่อ นายพงศพัศ กตคุณวิสิทธิ์ หัวหน้าทีมอาสากู้ภัย ธน 28 บัญชีนี้หลังเสร็จงานฌาปนกิจศพจะรวบรวมและแบ่งเงิน 2 ส่วน คือ 1.ให้แม่ของน้องพอส 2.ให้กับเพชร พี่ชายน้องพอส เพื่อเป็นทุนการศึกษา เพราะน้องพอสเรียนจบแค่ ม.3 และออกมาทำงานหาเงินแบ่งเบาภาระครอบครัว ซึ่งตอนนี้น้องเพชร เรียนมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช สาขาการจัดการสาธารณภัย ซึ่งถือว่าทางครอบครัวทำงานเกี่ยวกับอาสากู้ภัยมาโดยตลอด

ส่วนอีกบัญชี ชื่อนายสุพจน์ ชมสินทรัพย์ ทีมงานอาสาสมัครฯ จะแบ่งเป็น 2 ส่วนเช่นกัน คือ 1.ช่วยงานศพและ 2.ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ ตนจึงขอฝากไปถึงผู้ที่แสดงความคิดเห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่ ว่าน้องพอส เข้าไปด้วยความประมาท ซึ่งขณะเกิดเหตุไม่มีใครรู้ก่อนว่าเปลวเพลิงจะปะทุขึ้นมาถึงจุดที่น้องพอสยืนอยู่ เเละไม่มีใครรู้ว่าของเหลวที่ระเหยออกมาถึงจุดอิ่มตัว ซึ่งวลาที่เกิดเหตุการณ์ไฟไหม้บุคคลกลุ่มเเรกที่จะไปถึงคืออาสา เพื่อจะระงับเหตุให้เร็วที่สุด

เเต่ขณะเกิดเหตุ ไม่มีหน่วยงานใดเข้ามาประเมิน หรือเเจ้งว่าโครงสร้างของโรงงานเเห่งนี้ มีจุดไหนที่เป็นอันตราย หรือจุดไหนที่เป็นจุดปิดวาล์ว ที่จะระงับเหตุได้ทันท่วงที เชื่อว่าหน่วยงานรัฐในพื้นที่ต้องทราบ เพราะก่อนการก่อสร้าง ทุกโรงงาน ทุกบริษัท จะต้องยื่นแบบขออนุญาตก่อนทุกครั้ง ซึ่งตอนเกิดเหตุกว่าจะนำแผนผังโครงสร้างแต่ละจุดในโรงงานมากาง เช่น จุดวาล์วเปิด ปิดถังสารเคมี หรือจุดต่อสายดับเพลิงต่าง ๆ ก็ไม่ทันการณ์แล้ว ดังนั้นจึงอยากให้หน่วยงานภาครัฐหันมาให้ความสำคัญกับส่วนนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีก

ส่วนครอบครัวของน้องพอส โดยเฉพาะหัวอกคนเป็นแม่ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งนี้นางสายน้ำผึ้ง ชะนะแสวง แม่น้องพอส ตอนนี้ยังอยู่ในอาการโศกเศร้า ไม่คิดว่าจะเสียน้องพอสไป แต่ก็ภูมิใจในตัวลูกคนนี้ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตลูกชอบทำงานอาสาช่วยเหลือคนอื่น ตนก็เป็นอาสาสมัครฯ หลังจากนี้อยากทำตามความฝันของน้องพอส คือให้พี่ชายเรียนจบด้านการจัดการบรรเทาสาธารณภัย

โดยวันเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน ส่วนการเปิดรับบริจาคเป็นหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัด ตนยืนยันว่าถูกปลอม เฟซบุ๊กไปเปิดรับบริจาคจริง โดยทางครอบครัวได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับมิจฉาชีพรายนั้นแล้ว

น.ส.วริชะ พรรวรรณเสถียร อาของน้องพอส เปิดเผยว่า ตนกับน้องพอสสนิทและรักกันมากจนถือเป็นแม่อีกคนของน้องเลยก็ว่าได้ อีกทั้งครอบครัวเป็นอาสาสมัครทุกคน น้องพอสก็เช่นกัน เพราะน้องพอสเห็นครอบครัวทำงานเป็นอาสาตั้งแต่เด็ก หลานชายจึงเดินตามรอยและรักในการเป็นอาสามาตลอด 2 ปี แม้ว่างานบางอย่างจะอันตรายมากแต่ไหน น้องพอสก็ไม่เคยกลัว

ครั้งสุดท้ายได้คุยกับน้องพอสผ่านทางแชตบนเฟซบุ๊ก หลังได้ยินวิทยุแจ้งเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงาน จึงทักไปถามน้องพอสว่าได้ไปทำงานหรือไม่ เมื่อน้องตอบกลับมาว่าไม่ได้ไป ตนก็รู้สึกสบายใจ เพราะคิดว่าเหตุเพลิงไหม้โรงงานครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง กระทั่งช่วงสายของวานนี้ (5 ก.ค.64) มีโทรศัพท์หลายสายโทรเข้ามาหา จนทราบว่าน้องพอสเสียชีวิตแล้ว

ที่ผ่านมาตนก็พอจะได้ข่าวอุบัติเหตุจากการทำงาน แต่ไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมาเกิดเหตุแบบนี้กับหลานชายตัวเอง และไม่คิดว่าการคุยแชตนั้นจะเป็นแชตสุดท้ายที่ได้คุยกับหลานชาย นอกจากนี้ ตนฝากถึงมิจฉาชีพที่เเอบอ้างเปิดรับบริจาค ขอให้หยุดพฤติกรรม เพราะตอนนี้ครอบครัวยังโศกเศร้ากับการสูญเสียน้องพอส เเต่ยังกลับมาถูกซ้ำเติมเเบบนี้

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับน.ส.กนกกาญจน์ ยศชัยพงศ์ อายุ 28 ปี เพื่อนร่วมทีมกู้ภัยฯ ที่สนิทกับน้องพอส เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนและน้องพอสนั่งอยู่ในป้อมกู้ภัย ตั้งเเต่เวลา 01.00 น. หลังจากได้รับแจ้งเหตุตั้งแต่เวลา 03.00 น. อาสากู้ภัยที่น้องพอสอยู่ในทีม คุยกันว่าจะรวมทีมงานพร้อมอุปกรณ์เข้าสนับสนุนที่เกิดเหตุในช่วงเย็น แต่น้องพอส ขออาสาเข้าไปที่เกิดเหตุกับทีมอื่นก่อน

กระทั่งช่วงเที่ยง มาทราบข่าวว่าเกิดเหตุกับน้องพอส ก็เสียใจมาก ตนยอมรับว่าไม่มีใครคาดคิดจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น ซึ่งน้องพอสเป็นคนอัธยาศัยดี ทำงานมุ่งมั่น ถือเป็นการสูญเสียบุคคลคุณภาพของทีมไป โดยก่อนเกิดเหตุ ในทีมงานกู้ภัยหลายคนยังคุยกันอยู่ว่าวันที่ 10 ก.ค.64 จะพากันไปทำบุญที่วัดจุฬามณี แต่มาเกิดเหตุก่อน ซึ่งหากเสร็จสิ้นงานศพก็จะพาน้องพอสไปทำบุญตามสัญญา

นักร้องชื่อดัง "เพชร สหรัตน์" เปิดเผยว่า ตนได้ส่งเงินช่วยเหลือนักดับเพลิงที่เสียชีวิต เพราะตนรู้สึกสลดใจมาก ๆ "ผมขอประเดิมคนแรก มอบเงินให้ครอบครัวน้องพอส วีรบุรุษผู้ใจกล้าอาสาดับเพลิง 100,000 บาท วอนท่านนายกฯ และผู้เกี่ยวข้องอยากให้ท่านร่วมต่อบุญในครั้งนี้ครับ อย่างน้อย ๆ พ่อแม่น้องจะได้ไม่ลำบาก ใครสามารถติดต่อพ่อแม่น้องได้บอกมาครับ"

ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของ นายกฤษณะ นุชสุวรรณ หรือ ตี่ อายุ 32 ปี เจ้าหน้าที่ดับเพลิงที่ถูกเพลิงไหม้ ได้พูดคุยกับนางลลิตา แรงรุ่น หรือ ปลา อายุ 31 ปี ภรรยา เปิดเผยว่า ขณะนี้สามีย้ายจากรพ.รามาธิบดีจักรีนฤบดินทร์ จ.สมุทรปราการ มารักษาต่อที่ รพ.รามาธิบดี แล้ว กำลังรอผลการเข้าเครื่องสแกนสมอง แต่เท่าที่สอบถามแพทย์ทราบว่าบาดแผลของสามีรุนแรงอยู่ในระดับ 3 เสี่ยงต่อการติดเชื้อ ขณะนี้ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

สำหรับสภาพจิตใจของตนและครอบครัว ในตอนนี้ก็เข้มแข็งมากขึ้น ซึ่งจะมีก็แต่ลูกชายที่ทราบว่าพ่อแผลติดเชื้อ ก็ได้แต่ร้องไห้เพราะเป็นห่วง แต่อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าขณะนี้แพทย์ยังคงทำงานอย่างเต็มที่ และตนก็ยังไม่ได้พูดคุยกับทางสามี