วัดดังแจงรมควันไล่โควิด-19 ภาพเก่า ตั้งเตาโชว์สื่อยันไม่เสี่ยง หมอเตือนถึงตายได้ (คลิป)

จากกรณีมีสมาชิกกลุ่มเฟซบุ๊ก "เมื่อศาสดาหันหน้าคุยกัน" โพสต์ข้อความว่า มาดูหนึ่งใน "ปัญญา" ในการจัดการไวรัสของสาวก "พุทธองค์" กันครับ พร้อมแนบรูปโพสต์ของเฟซบุ๊กแฟนเพจ "เที่ยว วัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา กับศิษย์วัด" ซึ่งระบุเนื้อหาเกี่ยวกับวิธีปราบไวรัสแบบโบราณ โดยมีการพูดถึงโรคเอดส์ว่าเกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ต้องกำจัดด้วยยาเหนือ ซึ่งคือยาตั้งหรือยาเส้นชนิดหนึ่ง ให้นำมาจุดไฟรมควัน เมื่อสูดดมเข้าไปกลิ่นควันจะวิ่งไปตามกระแสเลือด และทำลายเชื้อเอดส์ในร่างกายได้

อีกทั้งยังมีการแนบรูปพระรูปหนึ่งนั่งอยู่บริเวณหัวโต๊ะ รวมถึงมีชายหญิง ซึ่งแต่งกายนุ่งขาวห่มขาวจำนวนหนึ่ง กำลังนั่งรมควันตัวเองอยู่ภายในห้อง โดยไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยนั้น

ทีมข่าวได้เดินทางมายังวัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา พระภาวนาประชานุกูล เจ้าอาวาส วัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา พระรูปที่นั่งอยู่หัวโต๊ะปรากฎบนโลกโซเชียล ได้พาทีมข่าวเข้าไปภายในห้องประชุมคณะสงฆ์อำเภอบางน้ำเปรี้ยว ซึ่งคือห้องที่ใช้ในการจุดเผายาเหนือ กว้างขนาด 14 เมตร x 5 เมตร

พระภาวนาประชานุกูล เจ้าอาวาส วัดวีระโชติธรรมาราม จ.ฉะเชิงเทรา ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ภาพที่ปรากฎไม่ใช่พิธีกรรม ไม่ใช่พิธีทางศาสนา แต่เป็นการปฏิบัติเพื่อรักษาระบบทางเดินหายใจ ฆ่าเชื้อไวรัสตามแบบฉบับสมัยโบราณ พระราชพรหมยาน (วีระ ถาวโร) หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำได้สอนเอาไว้ สามารถค้นหาได้ตามตำราและบนอินเทอร์เน็ต

โดยวิธีการใช้กากมะพร้าวเป็นเชื้อไฟในการเผาใบยาเหนือที่ยังไม่ได้ผ่านการอบ จุดไฟเผาเป็นเวลาประมาณ 15 นาที แล้วนำเตาเผาออก จากนั้นให้นั่งซึมซับควันอีกประมาณ 15 นาทีเป็นต้นไป อาตมาได้ทดลองใช้วิธีการนี้มานาน เพื่อรักษาสุขภาพของตัวเอง ซึ่งปกติจะทำเพียงลำพัง แต่ในวันที่ 22 ธ.ค. 63 ซึ่งเป็นวันพระ มีลูกศิษย์หลายรายได้เดินทางมาทำบุญที่วัด ขอทดลองทำบ้าง จึงเกิดเป็นภาพที่ปรากฏบนโลกโซเชียล

ส่วนที่บางคนในภาพไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย เพราะบางคนอยากที่จะสูดยาเข้าไปโดยตรง หากสวมใส่หน้ากากอนามัยจะเหมือนเป็นการกรองยา ทั้งนี้ เมื่อมีการถ่ายภาพและเผยแพร่ออกสู่สาธารณะ คณะสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่และสำนักพุทธศาสนาได้เข้ามาตรวจสอบแล้ว ตั้งแต่ปี 63 โดยได้ทำการตกลงกับทางวัดว่าอย่ากระทำแบบนี้อีก เพราะไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด ซึ่งอาตมาก็รับฟัง และได้บอกให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นไปตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 แล้ว ปรากฏไม่มีมีใครติดเชื้อ อาตมาไม่ได้มีเจตนาอวดอ้างใด ๆ การจุดใบยาเหนือเป็นเพียงการรักษาทางเลือก เพื่อสุขภาพและความสบายใจ ไม่เคยบอกว่ารักษาไวรัสใด ๆ ได้

ทั้งนี้ อาตมาเข้าใจว่าบางคนเป็นห่วงว่าการสูดควันเข้าไปในห้องปิดจะเป็นการรมควันแล้วเสี่ยงต่อการเสียชีวิต อาตมาขอชี้แจงว่า ขณะจุดใบยาเหนือ ก็เปิดเครื่องปรับอากาศ เปิดพัดลม และเปิดแง้มหน้าต่างไว้เล็กน้อย เพื่อให้อากาศมีการถ่ายเทระบายออก เมื่อวันนี้มีผู้นำโพสต์นำรูปในเหตุการณ์เก่ามาโพสต์และแชร์ซ้ำ อาตมาก็อยากจะถามบุคคลผู้นั้นว่ามีเจตนาอะไร ต้องการทำลายหรือต้องการส่งเสริม บางคนอาจจะบอกว่าอาตมาเป็นพระโง่ อาตมาก็อยากให้บุคคลนั้นเดินทางมาที่วัด เพื่อดูว่าวัดนั้นสวยงาม มีสิ่งปลูกสร้างมากมาย ถ้าโง่คงทำไม่ได้

ทีมข่าวได้ขอให้พระภาวนาประชานุกูล เจ้าอาวาส ลองจุดยาเหนือให้ทีมข่าวดู โดยยาเหนือนี้เป็นยาเส้นหรือยาฉุนชนิดหนึ่ง ผลิตขึ้นที่ภาคเหนือ ยาเหนือนี้เจ้าอาวาสได้มาจาก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย เจ้าอาวาสได้ให้คนจุดไฟกากมะพร้าว นำใบยาเหนือที่ยังไม่ผ่านการอบมาวางทับ ใช้เวลาเพียงไม่ถึง 30 วินาที ควันก็ลอยเต็มห้อง

เจ้าอาวาสบอกว่าใช้เวลาจุดไฟไม่เกิน 15 นาที จากนั้นจะนำเตาออก แล้วนั่งอบควันต่ออย่างน้อย 15 นาที กลิ่นที่จะได้รับนั้นจะเป็นกลิ่นยา ไม่ใช่กลิ่นควันไหม้ ในช่วงแรก ๆ ที่ลองอบควัน อาจจะมีอาการคอแห้งทำให้ไอหรือจามอยู่บ้าง แต่จะชินไปเอง โดยขณะที่ทำการทดลองทีมข่าวสวมหน้ากากอนามัยอยู่ตลอด ก็ยังคงได้กลิ่นควัน ในช่วงแรกทีมข่าวได้กลิ่นที่มีลักษณะคล้ายกลิ่นไหม้ เนื่องจากเป็นการเผาไหม้ของกากมะพร้าว แต่ต่อมากลิ่นที่ได้จะเป็นกลิ่นควันผสมกับกลิ่นของใบยา ทีมข่าวไม่ได้มีอาการระคายเคืองหรือสำลักควัน แต่มีอาการแสบตาเล็กน้อย

ขณะที่จุดใบยาเหนือ มีสุนัข 2 ตัว คือเจ้าทองก้อน สีน้ำตาลขาว 5 ปี เพศผู้ และทองม้วน สีน้ำตาลดำ 5 ปี เพศผู้ อยู่ภายในห้องด้วย ผู้สื่อข่าวได้เข้าไปลูบหัวและสังเกตอาหารของสุนัข มีท่าทีสงบนิ่ง นอนหลับสบาย ไม่ได้มีปฏิกิริยาต่อต้านกลิ่นควัน

นายนิธินันท์ นินจินดา หรือ คม อายุ 56 ปี ลูกศิษย์วัด บอกว่า ตัวเองคือผู้ที่นำยาเหนือมาให้พระภาวนาประชานุกูล เจ้าอาวาส วัดวีระโชติธรรมาราม ตั้งแต่เมื่อ 20 ปีก่อน เจ้าอาวาสมีโรคประจำตัวเกี่ยวกับไซนัส ส่งผลทำให้ไม่มีเสียงเวลาสวดมนต์ กระทั่งเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนตนได้เดินทางไปยัง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย และได้พบกับยาเหนือ ได้ข้อมูลมาว่าชาวบ้านภาคเหนือยังคงเผายาเหนือแบบไม่อบเคมี การเผาบริเวณใต้ถุนบ้าน แล้วให้ควันลอยทะลุเข้าไปภายในบ้าน ตนจึงได้ซื้อใบยาเหนือตากแห้งกลับมาหลายกระสอบมาให้เจ้าอาวาสลองใช้ ผลที่ได้เป็นที่น่าพอใจ เจ้าอาวาสกลับมามีเสียง สามารถสวดมนต์พูดคุยได้ตามปกติ ทำให้เจ้าอาวาสใช้ยาเหนือมาโดยตลอด จุดใบยาเหนือเพื่อสูดควันสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที ตนเป็นผู้จุดไฟให้ทุกครั้ง

ทั้งนี้ ตนและเจ้าอาวาสไม่ได้เชื่อการรักษาแบบโบราณเพียงอย่างเดียว ตนและเจ้าอาวาสยังคงเดินทางไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพ เจ้าอาวาสตรวจสุขภาพทุก 6 เดือน และมีการสอบถามว่าใช้ยาเหนือได้หรือไม่ ซึ่งแพทย์ก็ได้เตือนในช่วงแรก แต่เมื่อตรวจสุขภาพแล้ว พบว่าขณะนี้ร่างกายของเจ้าอาวาสยังคงแข็งแรง ความดัน สุขภาพปอดยังดี ไม่มีมะเร็งปอด เพียงแต่มีไขมันในร่างกายสูงเล็กน้อย สำหรับเหตุการณ์ที่ปรากฏบนโลกออนไลน์เป็นภาพเหตุการณ์เก่า ลูกศิษย์คนอื่นที่เดินทางมาทำบุญที่วัดขอลองทำบ้าง ซึ่งเจ้าอาวาสไม่ได้มีการชักชวน

ตนขอยืนยันว่าเจ้าอาวาสไม่เคยอวดอ้างการรักษาแผนโบราณ การใช้ใบยาเหนือเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งของการรักษาร่างกายเท่านั้น มนุษย์ยังคงต้องรักษาตัวตามแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อปลายปี 63 เจ้าอาวาสก็ไม่เคยอนุญาตให้ใครลองใช้ยาเหนืออีกเลย แต่ยังคงทำเป็นการส่วนตัวอยู่บ้าง ตนไม่ตำหนิคนที่ต่อว่าเหตุการณ์นี้ เพียงแต่ตนอยากจะชี้แจงในมุมของตนเท่านั้น

รศ.นพ.วีรศักดิ์ จรัสชัยศรี แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มศว เปิดเผยว่า ตอนนี้มีการแพร่ระบาดโควิดค่อนข้างรุนแรง และมีทั้งเชื้อธรรมดาและเชื้อเดลต้า ตนจึงมองว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสมที่จะให้ชาวบ้านไปนั่งรวมตัวกันรมควันในห้องทึบ เพราะอาจจะเกิดการแพร่เชื้อโควิดให้แก่กันได้ในทางการหายใจ

ส่วนการนำใบไม้สมุนไพรมาตั้งเตาและเผารมควันกันเองนั้น จะทำให้คนที่อยู่ในห้องสูดดมแก๊สคาบอนมอนนอกไซด์ ซึ่งผลจากการสูดดม ทำให้รู้สึกง่วง ๆ แต่ถ้า สูดดมควันอย่างต่อเนื่องก็อาจจะทำให้สลบได้ เพราะแก๊สคาบอนมอนนอกไซด์จะไปแย่งออกซิเจนในเลือด และอาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ ถ้ามีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคเส้นเลือดหัวใจ ก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงต่อชีวิตมากกว่าคนอื่น ๆ สำหรับการสูดดมแก๊สในปริมาณน้อย ก็อาจจะส่งผลในระยะยาว แต่ถ้าสูดดมมากในระยะสั้น ก็อาจจะทำให้ถึงขั้นเสียชีวิตได้

อย่างไรก็ตาม ร่างกายของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นคนที่ได้รับควันแบบนี้บ่อย ๆ ก็อาจจะทนได้มากกว่าคนอื่น แต่ถ้าคนที่ไม่เคยรับสารแบบนี้มาก่อน แล้วต้องมาสูดดม ก็อาจจะส่งผลได้ทันที ปัจจุบันยังไม่มียาที่จะฆ่าเชื้อไวรัสได้ ซึ่งการสูดดมควันสมุนไพร ใบยาเหนือเผากับกากมะพร้าว ก็ยังไม่มีการพิสูจน์ว่ารักษาได้ และมีความเป็นอันตรายต่อชีวิตมาก

นายจตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา บอกว่า การจากตรวจสอบพบว่า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเคยเทศน์เกี่ยวกับไวรัสจริง แต่จะพูดถึงการรมควันหรือไม่ จำเป็นจะต้องค้นหาเสียงเทศน์ที่ถูกบันทึกไว้ เนื่องจากเนื้อหาข้อมูลบนโซเชียลล้วนมีการแต่งเติมเพิ่มข้อมูลลงไป ดังนั้น ตนจึงอยากจะย้ำว่าการรมควันตัวเองเป็นอันตราย ถือเป็นการฆ่าตัวตาย ขออย่าทำ