จากกรณี นางตื้น อายุ 66 ปี ก่อเหตุผูกคอตัวเองตายกับขื่อบ้าน ข้างห้องน้ำ ซึ่งบ้านเป็นบ้านยกสูง พื้นที่หมู่ 13 บ้านดอนหัน ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังจากมีความเครียดจากการกู้เงินนอกระบบ ทั้งของตัวเอง และของเพื่อนที่ไปค้ำเงินกู้ให้ แต่เพื่อนหนีหนี้ ก่อนถูกข่มขู่จากคนทวงหนี้ว่าจะพังข้าวของในร้านส้มตำนั้น
วันที่ 9 ก.ค. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านหลังเกิดเหตุ ครอบครัวทั้งสามี ลูกชายคนรอง และหลาน พาทีมข่าวมาดูจุดที่พบศพ ซึ่งอยู่ข้างห้องน้ำ จะมีแคร่เก่าวางอยู่ ผู้ตายนั่งพับเพียงอยู่กับพื้น คอผูกเชือกไว้กับขื่อบ้าน
ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านหลังใกล้กัน เป็นบ้านญาติ ตั้งสวดอภิธรรมศพของนางตื้น ก่อนจะฌาปนกิจในวันพรุ่งนี้ น.ส.มุกดา ไชยโชค หลานสาวคนโตของผู้ตาย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ที่ผ่านมาครอบครัวรวมทั้งตนเอง ช่วยเหลือนางตื้นมาตลอด นางตื้นเป็นย่าตน ตนจะถามตลอดว่าย่ามีหนี้มากแค่ไหน แต่ย่าไม่เคยบอก ตนเคยขอให้ย่าจดหนี้สินมา สุดท้ายย่าก็ไม่เคยเขียนให้
ตนเองอาศัยในหมู่บ้านเดียวกับย่า แต่อยู่คนละหลัง มักจะนำเงินมาให้ย่าใช้หนี้บ่อยครั้ง ครอบครัวทราบว่าย่ามีหนี้ 2 ทาง คือ หนี้นอกระบบ กับหนี้ชาวบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งย่าไม่ได้มีปัญหา มีการชดใช้คืนเสมอ ชาวบ้านต่างก็เข้าใจ ไม่มีใครทวงหนี้ย่า
ทั้งนี้ ย่าจะเปิดร้านขายส้มตำในหมู่บ้าน คาดว่าเงินที่กู้มาเพื่อลงทุนขายของ ตนเองเคยให้เงินย่า 2 หมื่นบาทบ้าง 5 หมื่นบาทบ้าง เพื่อให้ไปใช้หนี้ แต่ย่าก็บอกว่าเอาเงินไปใช้หนี้แล้ว แต่มันไม่พอ ซึ่งย่าก็ไม่ยอมบอกจำนวนจริง ๆ
เท่าที่ตนรู้จากเพื่อนสนิทของย่า ย่าเคยบอกว่าชำระหนี้ตัวเองไหว แต่หนี้ของเพื่อนซึ่งย่าไปค่ำประกันให้นั้นจ่ายไม่ไหว ย่าต้องจ่ายหนี้รายวันทุกวัน เท่าที่รู้มีประมาณ 3-4 เจ้า โดยที่ตนรู้มี 1 เจ้า 400 บาท อีกเจ้า 800 บาท ส่วนอื่นตนไม่ทราบ แม่แต่หนี้ของเพื่อนที่ไปค้ำให้ตนเองก็ไม่รู้ว่าเท่าไร ย่ายังเคยพูดกับเพื่อนว่าถ้าตายคงไม่ตายเพราะอะไร ต้องตายเพราะหนี้ที่ไปค้ำให้เขา ครอบครัวก็ไม่คิดว่าย่าจะมาก่อเหตุแบบนี้
ส่วนตัวคิดว่าที่ย่าไม่บอกครอบครัว คงจะกลัวหลานเหนื่อย จึงเก็บความรู้สึกไว้คนเดียว ย่าเป็นคนจิตใจอ่อนไหว ใครขู่ไม่ได้ เท่าที่รู้คนทวงหนี้ของเพื่อนที่ไปค้ำประกัน มาขู่ย่าในวันเกิดเหตุระบุว่าต้องตามเจ้าของหนี้มาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะมาพังร้านส้มตำ ซึ่งย่าก็นอนรอจนถึงเย็น สุดท้ายก็ไม่มีใครมาพัง ย่าก็กังวลไปเอง
คืนก่อนจะเกิดเหตุมีรางอยู่อย่างหนึ่ง ตนเองโทรหาย่าตอน 19.04 น. แต่มีคนรับสายก่อนสายตัดไป สุดท้ายหลังรู้ว่าย่าตาย ปู่บอกตนว่าย่ารับสายแล้ว และยังพูดทำนองว่า "ทำไมไม่พูด ๆ" ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกที่ย่ารับสายแล้ว แต่มือถือตนเหมือนคนยังไม่รับสาย ตนมารู้เรื่องตอน 6 โมงเช้าวานนี้ว่าย่าเสียชีวิต ตนเองเสียใจมาก ส่วนเจ้าหนี้ได้เดินทางมาที่งานแล้วเมื่อวาน มาขอขมาและยืนยันว่าจะไม่เอาหนี้ที่เหลือจากย่าตน ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นหนี้อีกเท่าใด
นางเสงี่ยม ลีพฤติ เพื่อนสนิทผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองทราบว่านางตื้นมีหนี้รายวันเยอะ แต่ไม่รู้ที่ไหนบ้าง ส่วนเงินกู้เจ้าที่โทรมาข่มขู่ ตนรู้ว่านางตื้นไปกู้มา 7 พันบาท เพื่อนบ้านอีกคนชื่อนางลำไย ไปกู้มา 7 พันบาท นางตื้นใช้หนี้คืนวันละ 300 บาท ส่วนนางลำไย หลบหนีไปเพื่อไม่มีเงินใช้หนี้ นางตื่นและยางลำไยต่างคนต่างค้ำเงินกู้ให้กัน เมื่อนางลำไยหนีซึ่งหนี้ไปราว 2 เดือนแล้ว
ปรากฎว่าเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา คนเก็บเงินกู้ผู้ชายโทรศัพท์มาข่มขู่นางตื้น ตอนนั้นกำลังถอนกล้าข้าวกับตนอยู่ ตนเองก็ได้ยินเสียงในสายโทรศัพท์พูดว่า "ให้ยายตื้นไปตามยายลำไยมาใช้หนี้ ไม่เช่นนั้นเย็นวันนี้ 17.00 น. จะไปพังร้านขายของยายตื้น" ซึ่งยายตื้นพยายามอธิบายว่าตัวเองจ่ายหนี้มาตลอด แต่จะให้ใช้หนี้คืนแทนลำไยก็คงทำไม่ได้ เพราะไม่มีเงิน นางตื้นเกิดอาการเครียด ตัวสั่น จนจะช็อกเป็นลม ตนเองต้องปูเสื่อให้นอนพักที่นา และปลอบว่าคนเก็บก็แค่ขู่ เขาไม่ทำจริง ตนเองจึงช่วยนางตื่นมารอที่ร้านขายของ เพื่อคุยกับคนเก็บเงินกู้ คิดว่าจะมาทำลายร้านจริง ๆ แต่ก็ไม่เห็นมาจนถึงปัจจุบัน
แต่เรื่องนี้นางตื่นก็เครียดจริง ๆ บ่นกับตนว่าเราต้องตายเพราะเงินรายวันของลำไยแน่ ๆ ซึ่งตอนนั้นก็คุยกันขำ ๆ ไม่คิดว่าจะมาฆ่าตัวตาย นางตื้นเป็นคนนิสัยดี ขายของในหมู่บ้าน เป็นคนขายกับข้าวใส่บาตร ส้มตำ ซึ่งขายราคาถูก จิตใจดี
นายประยูร ไชยโชค สามีผู้ตาย เปิดเผยว่า ปกติตนเองกับภรรยาจะอยู่ด้วยกันทั้งคืน คืนวันเกิดเหตุตนเองขึ้นนอนไปช่วง 5 ทุ่ม โดยภรรยาตนออกไปซื้อเบียร์ช่วง 2-3 ทุ่ม และมานั่งกิน 1 กระป๋อง ภรรยามีท่าทีแปลกคือ เดี๋ยวนั่งเดี๋ยวนอน จากนั้นตนเองก็หลับไป โดยไม่ทราบภรรยาออกไปตอนไหน ก่อนตนหลับภรรยาก็ไม่พูดอะไร ซึ่งแปลกกว่าทุกวันคือภรรยาตนเก็บของที่ร้านส้มตำมาล้างที่บ้านหมด ทำเหมือนจะหยุดขายของ ตนก็ไม่ได้ถามอะไร ตนเองตื่นมาช่วงตี 3 ตอนนั้นไม่พบภรรยาแล้ว ก็แปลกใจคิดว่าไปทำกับข้าว เมื่อไปดูที่ครัวก็ไม่พบ ตนเองก็นึ่งข้าวจนเสร็จ ก่อนออกตามหาภรรยา
ระหว่างตนเองเดินหาในหมู่บ้าน เกิดอาการกำเริบของโรคเบาหวานจึงกลับมาให้ลูกหาน้ำตาลให้กิน ช่วงนี้ลูกชายคนกลางเดินไปเจอนางตื้นนั่งอยู่ข้างห้องน้ำ คิดว่าไปนั่งทำอะไรจึงไปเรียก ก่อนพบว่าผูกคอตาย ตนเองทราบภรรยามีหนี้เยอะ ลูกหลานก็ช่วยเหลือตลอด คาดว่าเอาเงินมาลงทุนขายของ หมุนเวียนใช้หนี้เก่า แต่ก็คงไม่พอ เท่าที่รู้ภรรยาน่าจะมีหนี้ราวแสนกว่าบาท จนครั้งหนึ่งเคยหลบไปอยู่บ้านญาติ 2-3 วันก็กลับมา และก็ใช้หนี้ไม่ขาด ตนก็ให้โฉนดที่ดินไปจำนำไว้ 8 หมื่นบาทก็เอามาใช้หนี้ ส่วนเรื่องการข่มขู่เงินกู้ ตนเองไม่ได้ติดใจ และรู้ว่าภรรยาเป็นคนที่จิตใจอ่อนไหว