กรณีพนักงานสอบสวนสภ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายถูกทำร้ายร่างกายเสียชีวิตหลังบ้าน ที่เกิดเหตุเป็นซอยถนนดินแดง สุดซอยเป็นบ้านปูนชั้นเดียว บริเวณพื้นดินขอบบ่อน้ำทิ้งด้านหลังบ้าน
ที่ขอบบ่อพบร่างนายชาติ สองเมือง หรือ หมิน อายุ 58 ปี เจ้าของบ้าน อาชีพกรีดยางพารา มีเสื้อยืดสีครีมคลุมปิดทับศีรษะ สวมกางเกงยีนขาสั้น นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต มือซ้ายห้อยลงไปในบ่อ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 18 ชม.
พบบาดแผลถูกจามด้วยขวานเข้าที่กลางศีรษะ 1 แผล และแก้มขวา 1 แผล หัวไหล่ด้านซ้าย และแขนซ้ายเป็นแผลถลอก ก่อนเจ้าหน้าที่จะนำร่างไปชันสูตรอย่างละเอียดต่อที่ รพ.ย่านตาขาว พร้อมคุมตัวนายกิตติศักดิ์ สองเมือง หรือ หลิม อายุ 31 ปี ลูกชายผู้ตายซึ่งเป็นผู้ก่อเหต
นายศรชัย สองเมือง อายุ 37 ปี หลานผู้ตาย เล่าว่า บ้านตนเองกับบ้านผู้ตายอยู่ห่างกันเพียง 100 เมตร คืนที่เกิดเหตุได้ยินเสียงพ่อกับลูกทะเลาะดังออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในทุกวัน โดยทั้ง 2 คนทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง จนกระทั่งเงียบไป โดยที่ปกติทุกเช้าผู้ตายจะมานั่งดื่มกาแฟที่บ้านตนเป็นประจำ แต่ปรากฏว่าเช้าที่ผ่านมาไม่ได้มา ก็เลยสงสัย จึงได้เดินไปที่บ้าน พบเพียงลูกชายนั่งอยู่หน้าบ้าน จึงได้สอบถามว่าผู้ตายไปไหน ลูกชายตอบว่าไม่รู้ แต่ท่าทีมีพิรุธ ตนจึงได้กลับมาอีกครั้งพร้อมกับรีบเข้าไปคุยกับญาติว่าให้ช่วยกันตามหา แต่ก็ไม่พบ
ต่อมาในช่วงบ่าย ได้เข้ามาที่บ้านหลังดังกล่าวพร้อมกับบรรดาญาติ เพื่อจะเข้าไปดูภายในบ้าน แต่ผู้ก่อเหตุสั่งห้ามและกีดกันไม่ให้เข้า จึงได้ออกกันตามหาอีกครั้ง จนกระทั่งพี่ชายของผู้ก่อเหตุโทรศัพท์มาแจ้งว่าผู้ก่อเหตุได้โทรศัพท์ไปหาว่าลงมือฆ่าพ่อ และนำศพไปทิ้ง ทำให้พบเป็นศพอยู่จุดดังกล่าว
วันที่ 15 ก.ค. 64 จากการเค้นสอบสวน นายกิติศักดิ์ ผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นยังคงให้การวกวน แต่ให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือฆ่าพ่อตัวเองจริง โดยลงมือก่อเหตุเมื่อช่วงเวลาประมาณระหว่าง 01.00-03.00 น. ของคืนวันที่ 14 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะและมีปากเสียงกับพ่ออย่างรุนแรง เนื่องจากตนเองขอเงินไปซื้อยาบ้า แต่ผู้เป็นพ่อไม่ให้ และในระหว่างที่พ่อเข้าห้องนอนหลับอยู่ภายในห้อง จึงถือขวนเข้าไปจามเข้าศีรษะ และเสียชีวิตทันที
ก่อนจะลากศพออกไปจากจากบ้าน และไปทิ้งยังขอบบ่อหลังบ้าน และได้กลับมาทำความสะอาดบ้านเพื่อไม่ให้มีร่องรอยของคราบเลือด จนกระทั่งเวลาประมาณ 19.00 น. จึงได้โทรไปหาพี่ชายที่อยู่ต่างจังหวัดว่าตนได้ลงมือฆ่าพ่อ และนำศพไปทิ้งไว้หลังบ้าน
นางสาววารุณี ฤทธิเดช อายุ 40 ปี ญาติผู้ตาย เล่าว่า คืนเกิดเหตุเวลา 02.00 น. วันที่ 14 ก.ค. ขณะที่ตนกำลังจะออกไปกรีดยาง ได้ยินเสียงนายชาติ ผู้ตาย กับนายกิตติศักดิ์ ลูกชายผู้ตาย ทะเลาะกัน แต่ตนไม่สนใจมองว่าเป็นเรื่องปกติ เมื่อออกจากบ้านไปพบว่าฝนตก ไม่สามารถกรีดยางได้ จึงกลับมาที่บ้านในเวลาประมาณ 02.30 น. ถึงบ้านพบว่าเสียงทะเลาะเงียบไป
ตนตื่นมาช่วงเช้าเวลา 08.00 น. เห็นนายกิตติศักดิ์ซักผ้าปูที่นอน หมอนมุ้งตากเอาไว้เต็มหน้าบ้าน จากนั้นนายกิตติศักดิ์ เดินร้องเพลงด่าพ่อ เสียงดังลั่นบ้าน ซึ่งขณะนั้นตนเริ่มเอะใจ เพราะไม่เห็นนายชาติออกมาจากบ้าน ช่วงเที่ยงเห็นนายกิตติศักดิ์ ทำทีพูดโทรศัพท์เสียงดัง ลักษณะเหมือนคุยกับน้องชายซึ่งอยู่ต่างจังหวัด บอกว่าให้รีบกลับมาบ้านเพื่อมาจัดการปัญหา
จนช่วงเย็น หลานชายเข้ามาที่บ้าน ตนจึงบอกให้ไปดูที่บ้านเกิดเหตุว่านายชาติอยู่ในบ้านหรือไม่ แต่เมื่อหลานเข้าไปพบเพียง นายกิตติศักดิ์ ไม่ยอมให้เข้าบ้าน เวลา 19.00 น. ตนจึงตามกำนันกับผู้ใหญ่บ้านเข้าไปที่เกิดเหตุ เพื่อตรวจสอบ เมื่อไปถึงก็ยืนคุยกับนายกิตติศักดิ์เพื่อถ่วงเวลา ส่วนคนอื่น ๆ เดินวนหารอบบ้านจนพบศพนายชาติอยู่หลังบ้าน บริเวณบ่อเกรอะ สภาพถูกฟันที่ศีรษะและแก้มด้านขวา มีผ้าเช็ดตัวห่อร่างไว้ จึงมั่นใจว่านายกิตติศักดิ์ฆ่าพ่อตัวเอง
โดยก่อนเกิดเหตุนายกิตติศักดิ์ มีปากเสียงกับพ่อ 4-5 คืนติดกัน ทั้งท้าตีท้าต่อยพ่อ ลักษณะเหมือนเครียด เก็บกดบางอย่าง
โดยนายกิตติศักดิ์มีอาการทางประสาท รักษาตัวมาประมาณ 5 ปีแล้ว เชื่อว่าอาจจะขาดยาหรือเก็บกด จากการที่ผู้เป็นพ่อพยายามห้ามไม่ให้ออกจากบ้านในระยะหลัง เพราะมีมาตรการเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
ด้านนายสมพงศ์ ไพบูลย์ กำนัน ต.ทุ่งกระบือ อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ระบุว่า เมื่อวานนี้เวลาประมาณ 18.45 น. น้องชายผู้ก่อเหตุซึ่งอยู่ต่างจังหวัด โทรศัพท์มาบอกว่าให้ตนเข้าไปดูพ่อที่บ้านด่วน เพราะพี่ชายเกิดคลั่งใช้ขวานฟันพ่อเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากนายกิตติศักดิ์โทรศัพท์ไปบอกน้องชายหลังก่อเหตุ ตนจึงรีบเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงเวลาประมาณ 19.00 น. พบว่ามีญาติบางส่วนจับกลุ่มพูดคุย
โดยนายกิตติศักดิ์ ผู้ต้องหายืนอยู่หน้าบ้าน ตนจึงเข้าไปดูในบ้านพบว่ามีน้ำนองเต็มบ้าน สอบถามผู้ต้องหาอ้างว่าเพิ่งล้างบ้าน
ตนจึงสอบถามว่าพ่ออยู่ไหน ผู้ต้องหาบอกว่าพ่อไม่อยู่บ้าน ไม่รู้ไปไหน จากนั้นจึงช่วยกันตามหาทั้งในบ้านและรอบบ้าน จนพบศพผู้ตายอยู่ปากบ่อเกรอะ สภาพถูกฟันศีรษะ
โดยหลังพบศพตนโทรศัพท์แจ้งตำรวจ พร้อมชวนนายกิตติศักดิ์พูดคุย เพราะกลัวว่าจะเกิดความเครียด ขณะพูดคุยอีกฝ่ายก็ถามว่าพ่ออยู่ไหน แต่บางครั้งก็ร้องไห้ ลักษณะเหมือนสำนึกได้ว่าทำความผิด ส่วนตัวมองว่านายกิตติศักดิ์น่าจะทำไปเพราะอาการทางประสาท เนื่องจากเจ้าตัวเป็นโรคประสาท กำลังรักษาตัวที่โรงพยาบาลย่านตาขาว
นอกจากนี้ นายกิตติศักดิ์ มีพฤติกรรมลักเล็กขโมยน้อย เคยขโมยปาล์มของชาวบ้าน โดนจับติดคุกไปประมาณ 3 เดือน เพิ่งออกมาอยู่บ้านได้ประมาณ 4 เดือน ก่อนก่อเหตุฆ่าพ่อตัวเอง
ขณะที่พนักงานสอบสวนสภ.ย่านตาขาว ระบุว่า แจ้งข้อหาฆ่าบุพการีโดยเจตนา เตรียมส่งศาลฝากขังพรุ่งนี้ต่อไป